12 พฤศจิกายน 2547 18:25 น.
น้ำตาหมอก
กำดัดดึกดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อย
หอมบุปผามาลอยเตือนความหลัง
เพียงเพลงปี่ฝีปากฝากมาฟัง
จะนอนนั่งยั้งใจไม่ได้เลย
พระจันทรจรสว่างกลางโพยม
ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วค่อยประคองเคย
ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
โอ้น้ำคำฉ่ำหูไม่รู้หาย
ที่หวังไว้ไม่วายเลยความหวาน
แม้นล่วงเลยลับลามาช้านาน
ไม่เคยผ่านพ้นพรากจากหัวใจ
เรื่อยเรื่อยเฉื่อยวายุพัดแผ้ว
เหมือนเสียงแก้วกลอยจิตพิสมัย
หอมรวยชวยชื่นรื่นฤทัย
เหมือนใกล้ใกล้เข้ามาแล้วแก้วพี่เอย
ปี่แหบหวนครวญคร่ำว่าค่ำแล้ว
โอ้ดวงแก้วไกลตานิจจาเอ๋ย
หนาวแนวฟ้าป่าร่มลมรำเพย
ใครจะเชยชมชิดสนิทนวล
โอ้ยามสามยามนี้เจ้าพี่เอ๋ย
พี่เคยเกยกอดน้องประครองสงวน
แม่ยอดหญิงมิ่งขวัญจะรัญจวน
เสียดายนวลเนื้ออุ่นละมุนทรวง
ระรื่นรินกลิ่นมะลิเมื่อผลิดอก
โชยกลิ่นออกอ้อมใจให้ห่วงหวง
ถนอมแอบแนบเนื้อสุดาดวง
ยิ่งดึกล่วงยิ่งรักหนักหนาเอย
ถึงยากไร้ไม่มีที่พระแท่น
จะกางกอดทอดแขนแทนเขนย
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย
ใครจะเชยชมโฉมน้องประคองเคียง
เคยอยู่วังฟังนางสุรางค์เห่
มาฟังเรไรเพราะเสนาะเสียง
วิเวกแว่วแจ้วเจื้อยเรื่อยสำเนียง
เสนาะเพียงพิณเพลงบรรเลงลาน
สาวสุรางค์นางในได้ขับเห่
มีเสน่ห์ไม่เท่าเจ้าเคล้าผสาน
น้ำเสียงเพียงการะเวกดังกังวาน
ออดชะอ้อนอ่อนหวานละลานใจ
เอื้อนเพลงปี่ฝีปากฝากคารม
นิ้วประโปรยโรยพรมสมสดใส
ยังไม่อยากจากกลอนถอนฤทัย
ขอลาไกลแก้วตาอย่าอาวรณ์