24 เมษายน 2548 22:50 น.
น้ำตาทราย
เอ้ยร้อนจังเลยวะเช้านี้ แม่ง!ร้อนกว่าทุกวันเสียอีก มันจะร้อนอะไรป้านนี้ รู้ได้ไงนะเหรอ ก็เพราะะเวลานี้
ผมต้องขับรถทำงานเวลานี้เป็นประจำนะซิ ก็เวลาประมาณแปดโมงเช้า................... "เอ้ยถึงซักที รถติดซิบหายนี่
ขนาดต่างจังหวัดนะนี่ สงสารคนกรุงจังเลยวะ" ผมรำพันกับตัวเองก่อนจะลงจากรถก้าวเข้าประตูที่ทำงาน "เอ่อ!
คุณเป้มาสายอีกแล้วนะคุณ" เสียงจากคนคนหนึ่งดังเข้ามาโสดประสาทหูด้านขวาของผมแต่มันก็ทะลุออกทาง
ด้านซ้ายไปอย่างรวดเร็ว เสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนหรกอครับเสียงเจ้านายสุดที่รักของผมเอง "เอ่อคุณเป้ตามผมไปที่
ห้องทำงานผมหน่อยนะ" "ครับบอส" ผมตอบเสียงอ่อย ๆ แล้วเดินตามบอสไป...................
ณ ห้องทำงานของเจ้านายสุดที่รัก "เฮ้ย.......โดนอะไรอีกวะกู!มาสายก็ทุกวันอยู่แล้ว แม่ง!ก็ด่าอยู่ได้
ทุกวัน แล้วก็ไม่เคยจะดีขึ้น ยังจะหน้าด้านมาด่า อีก ข้อแก่ตัวก็เดิม ๆ รถติด ก็รู้กันอยู่ " ผมบ่นกับตัวเอง ก็โห! ก็
ได้แค่บ่นในใจนั้นแหละ ก็จริง ๆนะ ด่าได้ทุกวัน แล้วถามได้ทุกวันเรื่องมาสาย หน้าด้านจริง ๆ เลย "นี้คุณเป้
เรื่องมาสายของคุณนะผมไม่อยากพูดถึงแล้วนะเหนื่อยจังเลยนะพูดกับคุณ เอาเป็นว่าที่ผมเรียกคุณมาเนี้ยผมมีงาน
ให้คุณทำชิ้นหนึ่งแล้วคุณจะมาทำงานกี่โมงก็ได้ผมไม่ว่าคุณแล้ว แต่งานต้องเสร็จภายในอาทิตย์นี้"แล้วท่านหัวหน้า
ก็สั่ง ... สั่ง ... สั่ง แล้วก็สั่ง "ครับบอส"ผมตอบโดยยังไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเศร้าใจกับงานที่ได้
รับหมอบหมายให้ทำก็งานนะหนักหนาสาหัสสากันน่าดูแล้วมีเวลาแค่อาทิตย์เดียว ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทันหรือ
ปล่าว กำลังเดินออกจากห้องท่านหัวหน้าก้มีเสียงตามหลังมา "ผมไว้ใจคุณนะคุณเป้" "ครับบอส" ผมตอบด้วย
รอยหน้าเปื้อนยิ้มเล็ก ๆ แต่ก็น่าดีใจนะที่ผมได้รับมอบหมายงานสำคัญ ๆ จากหัวหน้า ทั้งที่ผมคิดมาตลอดเวลาว่า
เจ้านายเค้าไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่นัก "ก็คนมีฝีมือนะอย่างว่า" ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้...........
ตอนเช้า ๆ อย่างนี้ ที่ใครบอกว่าอากาศสดชื่นนะ ผมละที่ขอค้านคนหนึ่ง เพราะการมาทำงานของผม
ผมยังไม่พร้อมกับการทำงาน หัวสองมันยังไม่แล่น เจอเพื่อนร่วมงานแต่ละคนก็หน้าเดิม แต่ดีหน่อยที่ว่าแต่ละคนมี
เรื่องใหม่ ๆ มาเม้าให้ฟังได้ทุกวัน "เฮ้ย!ไอเป้ เป็นไงโดนแต่เช้าเลยนะมึง เรื่องอะไรอีกวะ" "ปล่าวครับพี่ชาติก็แค่
บอสเรียกไปสั่งงานเท่านั้นเอง"แล้วผมก็เดินเข้าไปที่โต๊ะพี่ชาติซึ่งตั้งอยู่หน้าโต๊ะทำงานผม "ไงบ้างวะงานอะไรอีก
ละ กาแฟซักถ้วยซิสมองจะได้แล่น" "ไม่ดีกว่าพี่ ก็งานที่เคยคุยให้ฟังนั้นแหละพี่" ผมตอบพี่ชาติด้วยน้ำเสียงไม่
มั่นใจเลยว่าผมจะทำงานนี้เสร็จทันเวลาเลย "เฮ้ย!งานนี้มันใหญ่น่าดูเลยมีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกแล้วกันนะ"
"ครับพี่"ผมตอบพร้อมขอตัวไปทำงาน ผมโยนงานไว้บนโต๊ะด้วยความรู้สึกหดหู้ พร้อมหันมองคนรอบข้าง
อย่างเบื่อหน่าย นึกถามตัวเองว่าเค้าจะเหมือนเรามั๊ยนะ ผมก็อย่างนี้แหละเวลาไม่พร้อมที่จะทำอะไร
ก็มังจะเกิดอาการเบื่อเสียหน้าเกลียดน่ากลัว...................
"ไงวะเป้ เห็นไอชาติบอกว่า บอส ให้งานนั้นแก่ทำเหรอวะ " ครับพี่ดำผมตอบพร้อมยื่นแฟ้มงานให้พี่ดำ
ดู "เออวะทำไมบอสให้เป้ทำวะ พี่เห็นบอสแกไม่ค่อยชอบขี้หน้าเป้สักเท่าไหร่ แต่พี่ว่าเป้น่าดีใจนะที่บอสแก่ยังไว้ใจเป้
พี่ดีใจด้วยวะงานสำคัญอย่างนี้ใครรู้ใครก็อิจฉาวะ เอ่อ! ไอโต้งมันก็จ้องงานชิ้นนี้อยู่เหมื่อนกันนะ เนี่ยถ้ามันรู้มันคง
อกแตกตายเลยวะ เพราะใคร ๆ ก็เดาว่า บอสจะมอบงานชิ้นนี้ให้ไอโต้งมันทำ" เหรอครับพี่ดำ เนี่ยผมยังไม่มั้นใจเลย
ว่าจะเสร็จทันหรือปล่าว "เอางี้แล้วกันเป้มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะพี่เต็มใจ งั่นพี่ไปทำงานก่อนนะ" ขอบคุณมากครับ
พี่ ..............
หลังพักเที่ยงบรรยากาศในที่ทำงานวันนี้มีหลายคนมานั่งจับกลุ่มคุยกันเรื่องงานที่ผมได้รับมาจากบอส
มา ผมได้ยินเสียงแว่วมาว่าคนเหล่านั้นต่างไม่มั่นใจผมสักเท่าไหร่ บางคนถึงขนาดสับทับผมว่ายังไงก็ทำไม่ได้
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก เสร็จก็เสร็จไม่เสร็จก็ยอมรับว่าไม่เสร็จยิ่งมาได้ยินคำดูถูกอย่างนี้อีกมากลับเป็นแรกพลัก
ดันให้ผมมีความมานะยิ่งขึ้น ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ นะ "เฮ้ย ! เป้กินข้าวแล้วเหรอ ไปกินที่ไหนมาวะไม่เห็นเลย"
กินแล้วครับพี่ชาติ กินที่ร้านอาเจ็กข้าง ๆ เนี่ยนะพี่แล้วพี่ละ "อ่อ พี่เหรอไปกินสเต็กกับไอดำที่ในห้างมา ไงบ้างงาน
ไปถึงไหนแล้ว" ก็เรื่อย ๆ นะพี่งั่นเดียวผมขอตัวไปทำงานก่อนนะ "อืมแล้วไว้คุยกันนะ" แล้วผมก็เดินจากพี่ชาติมา
ที่โต๊ะทำงาน ความเงียบเหงาก็เข้ามาเยือนโดยไม่รู้ตัว งานที่ทำก็ไม่มีทีถ้าว่าจะเสร็จภายในอาทิตย์นี้เลย พลางคิด
เล่น ๆ ว่าไม่รู้อะไรกันนักกันหนาอยากหนีไปให้พ้น ๆ เบื่อจังกับงานออฟฟิช เบื่อจังเลยกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน
อยากหนีจากตรงนี้ไปให้พ้นจังเลยโว๊ย ไม่ว่าผมจะคิดยังไงก็ไม่พ้นต้องก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ผมนั่งทำไปเรื่อย ๆ ก็พลันต้องสดุ้งสุดตัวกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น "สวัสดีครับผมเป้รับสายครับ
ไม่ทราบว่าจะเรียนสายกับใครครับ อ๋อ ! พี่ชาติเหรอครับได้ครับเดียวผมตามให้ครับ ถือสายรอสัดครู่นะครับ เอ่อ!
ไม่ทราบว่าใครจะเรียนสายด้วยครับ พี่ผึ้งเหรอครับ เป็นไงบ้างพี่ไม่เจอเสียนานยังสวยเหมือนเดิมหรือปล่าวเอ่ย ?
งั่นพี่ผึ้งรอแป้บนะเดี๊ยวผมไปตามพี่ชาติให้" "พี่ชาติครับพี่ชาติโทรศัพท์ครับพี่ สาวสวยโทรมา"สิ้นเสียงผมพี่ชาติ
ก็วิ่งมาอย่างรีบร้อน "ระวังล้มนะพี่" ขอบใจนะเป้ ครับพี่ ไม่เป็นไรครับ อิจฉาพี่ชาติจังเลยนะมีแฟนสวยสาวด้วย
นิสัยดีอีกต่างหาก จังหวะที่กำลังอิจฉาพี่เค้าอยู่พลันหันไปเห็นนาฬิกาที่ข้างผนังห้อง ฮ๊ะ !หกโมงเย็นแล้วเหรอนี่ พร้อม
เดินไปที่โต๊ะทำงาน เฮ้ย ! พอกันที่วันนี้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายแหล่ที่กองเป็นผะเนินอยู่ตรงหน้า เก็บ ... เก็บ...แล้วก็
เก็บเข้าตู้ ยังไงแกกับข้าก็ตัดกันไม่ตายขายกันไม่ขาดหรอก พรุ้งนี้ค่อยเจอกันใหม่นะ
ลาก่อนนะ เวลาทำงานอันแสนน่าเบื่อหน่าย วันนี้ผมต้องรีบกลับบ้านโดยเอางานที่ได้รับมอบหมายบ้างส่วน
หนึ่งกลับไปทำที่บ้านด้วย ยังไง ๆ ก็ตัดมันไม่ขาดจริง ๆ แต่ทำไงได้ละงานก็ต้องทำกันต่อไปนั้นแหละ ก็เพื่อเงินอย่างเดียว
*************-----------------------------------************
เกือบหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
เฮ้ย ! เสร็จสักที ในที่สุดผมก็ทำได้ ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไม่ได้ไปไหนเลยตั้งใจทำงานตลอด อย่างไรเสีย
ไม่ได้ก็ต้องขอบคุณพี่ชาติและพี่ดำที่คอยให้คำปรึกษามาโดยตลอด ขอบคุณเพื่อนรวมงานที่ดูถูกผมไว้มันจึงทำให้
ผมมีแรงพลักดันและที่สำคัญและขาดเสียมิได้คือเจ้านายผมที่ไว้ใจมอบงานชิ้นนี้ให้ผมทำ นี่ก็ดึกแล้วนอนก่อนดีกว่า
ค่อยว่ากันต่อพรุ้งนีแล้วกัน
เช้านี้ก็ยังร้อนเช่นเคย เป็นอะไรไปแล้วนะโลกของเรายิ่งร้อนขึ้นทุกวัน รถก็ติดกันจริง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
วันนี้ผมมีความรู้สึกว่าขยันทำงานเป็นพิเศษไม่ใช่เพราะว่าผมทำงานชิ้นสำคัญเสร็จเรียบร้อยหรอกนะ แต่วันนี้
เป็นวันศุกร์ต่างหาก วันศุกร์นะเป็นวันที่ผมชอบมากเพราะหลังจากนั้นก็เป็นวันหยุดไม่บอกก็คงรู้กันนะว่าเป็นวัน
อะไร ........ ในที่สุดผมก็ฝ่าฟันจากการจราจรที่แน่นขนัดมาถึงที่ทำงานจนได้ แต่ก็สายตามเดิมขับรถไปจอดที่ลานจอด
รถของบริษัทซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบริษัทมากนัก ผมก้าวลงจากรถพร้อมแฟ้มงานที่ตรากตรำทำจนเสร็จลงจากรถ
"ไงเป้" เสียงพี่ชาติเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่ผมนับถือคนหนึ่งทักด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลยังไงพิกล"ไงบ้างงานเสร็จปล่าว"
"เรียบร้อยครับพี่ ขอบคุณพี่มากนะที่ให้คำแนะนำกับผมมาโดยตลอด เอ่อ แล้วพี่ดำไปไหนละพี่ชาติ" ผมถามถึงพี่ดำ
เพื่อนร่วมที่ทำงานรุ่นพี่อีกคนที่ผมให้ความนับถือมากอีกคน "ไปพบลูกค้าข้างนอกนะ บ่าย ๆ ถึงจะเข้ามา ม๊ะพี่ช่วย"
พี่ชาติอาสาช่วยผมถือแฟ้มงานที่มีมากพอประมาณ เราเดินคุยกันจนเข้าในสำนักงาน ทุกคนหันมามองแล้วหันไปซุบซิบ
กันคล้าย ๆ นินทา หรือจะเรียกว่านินทาดี ผมกับพี่ชาติเดินไปเอางานไปวางไว้บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบงานในตู้มาสมทบ
"เป้ ๆ บอสเรียก" เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งตะโกนบอก ผมกล่าวคำขอบคุณเพื่อนร่วมงานคนนั้นแล้วเดินไปที่ห้องเจ้านาย
โดยไม่รีบร้อนอะไร "สวัสดีครับบอสวันนี้คงไม่ติผมเรื่องมาสายนะครับ" ผมทักทายผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
"อืม สวัสดีเป็นไง หลายวันนี้ไม่เจอกันเลยนะหลายวันนี้ ผมรู้สึกว่าคุณตั้งใจทำงานขึ้นเยอะเลยนะ แล้วไงงานผมเสร็จ
มั๊ย " "ครับบอส แต่ยังไงก็ต้องให้บอสดูก่อนนะครับ เพราะอาจมีอะไรผิดพลาด จะได้แก้ไขทันครับ" ผมตอบด้วยความ
อ่อนน้อมถ้อมตน ก่อนที่จะเดินออกไปหยิบแฟ้มงานมาเสนอบอสที่ห้อง "พี่เอาใจช่วยนะ เป้ " เสียงพี่ชาติเพื่อนร่วม
งานที่แสนดีให้กำลังใจ "ครับพี่ ขอบคุณมากครับพี่ ว่าแต่พี่ช่วยผมถือหน่อยนะครับ" ผมได้โอกาสใช้แกรมอ่อนวอน
"ได้ซิ พี่ช่วยเอง" พี่ชาติแสดงควมยินดีที่จะช่วยด้วย "ขอบคุณครับพี่"ผมกล่าวคำขอบคุณในความมีน้ำใจของพี่ชาติ
อีกครั้ง .......... "นี่ครับบอสงานที่บอสให้ผมรับผิดชอบ" ผมบอกพร้อมยื่นแฟ้มงานให้เจ้านาย ในใจก็ลุ้นระทึกว่างานจะ
ผ่านมั๊ย "อืมทำได้ดีนี่ เรียบร้อยดีแต่มีบางคำต้องแก้ไข แต่ไม่เป็นไรเดี๊ยวผมแก้ไขเองมันไม่ได้มากมาย" เจ้านายผม
ชมพร้อมคอมเม้นร์พร้อม ๆ กัน แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว "งั้นผมขอตัวไปทำงานอื่นต่อนะครับ" "อืม" ผมกำลังจะก้าว
เท้าออกจากห้องเจ้านายหลังได้ยินได้รับอนุญาติ "เอ่อ ! เป้ " เจ้านายเรียกผมก่อนผมจะก้าวพ้นจากห้อง "ครับบอส"
ผมขานรับพร้อมหันกลับไปที่โต๊ะทำงานเจ้านาย "มีอะไรครับบอส" ผมถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย
"คุณรู้มั๊ยว่าทำไมผมมอบงานสำคัญให้คุณทำ" เจ้านายยิงคำถาม "ไม่ทราบครับบอส" ผมตอบด้วยความไม่รู้จริง ๆ แต่ใน
ใจคิดว่าเจ้านายคงคิดว่าผมทำงานนี้ไม่ได้แล้วหาเรื่องกดดันให้ผมลาออก เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าผมเป็นคนที่บอสเอือมระอา
"เพราะอะไรเหรอครับบอส ผมก็อยากรู้เช่นกัน" ผมถามด้วยความอยากรู้ ก็อยากรู้จริง ๆ "คุณนั่งลงก่อนแล้วกันนะ"
เจ้านายออกคำสั่ง ผมขยับเก้าอี้ออกมานั่งตามคำสั่งเจ้านาย "คือ อย่างนี้นะผมรู้ว่าคุณมีฝีมือคนหนึ่งแต่คุณยังไม่ได้เอา
สิ่งที่คุณมีออกมาใช้ ผมเลยต้องมอบงานเชิงบังคับให้คุณทำ ผมรู้แต่แรกแล้วละว่าคุณทำได้ แล้วเรื่องที่หลายคนพูดกันว่า
ผมมีอคติกับคุณนะผมไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก ผมรักลูกน้องทุกคนแหละ โดยเฉพาะคุณ เป้ ผมรักคุณที่สุดผมถึงได้
เข้มงวดกับคุณมากกว่าคนอื่น แต่คุณก็จริง ๆ เลยนะเป้ ผมเนี้ยยอมคุณเลย เอาละเอาเป็นว่าเรามาเริ่มต้นกันใหม่แล้วกัน
นะ" "ครับบอส ผมขอบคุณบอสมากนะครับที่ไว้ใจผม และผมขอโทษที่เข้าใจบอสผิดไปตกลงครับผมจะเริ่มทำตัวเสีย
ใหม่ผมจะไม่ทำไห้บอสต้องหนักใจอีก" ผมกล่าวด้วยใบหน้าและอารมณ์ที่เปลี่ยมไปด้วยความตื้นตันใจน้ำตาเริ่มนอง
ปลิ่มในแววตา "ผมขออนุญาติไปทำงานต่อนะครับ" ผมออกจากห้องเจ้านายมาหลังได้รับอนุญาติ...................................
หลังจากนั้นผมก็ไปทำงานตามปกติบางวันก็สายตามเดิมแต่ไม่บ่อยเมื่อที่แล้ว ๆ มานะ อย่างเช่นเช้านี้อากาศ
ก็ยังร้อนเป็นปกติ การจราจรบนท้องถนนของเมืองแห่งนี้ก็แน่นขนัดเหมื่อนเดิม แต่เช้านี้ผมก็มาถึงที่ทำงานสายอีกครั้ง
แต่ผมไม่ได้มาทำงานหรอกนะแค่มาเก็บของส่วนตัวบางอย่าง แล้วก็ไม่ได้โดนไล่ออกด้วยอย่าเข้าใจผิดกันละ คือ ผมลา
พักร้อนไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ "ไงเป้ พักร้อนไปไหนเหรอ" เป็นคำทักทายพร้อมคำถามจากพี่ชาติ พี่ชายที่แสนดี "สวัสดี
ครับพี่ คงจะกลับบ้านนะ คิดถึงบ้านแล้ว ไม่ได้กลับเสียนานหลายเดือนคิดถึงแล้วละ" ผมทักทายพี่ชาติพร้อมตอบ
คำถาม ผมเก็บของเสร็จก็ลาพี่ชาติกลับ "ไปก่อนครับพี่แล้วค่อยเจอกันนะ" วันนี้บอสกับพี่ดำไม่อยู่ผมเลยไม่ได้ลาเลย
ฝากพี่ชาติลาให้ด้วย
**********----------------------------------***********
สองข้างถนนปลิวไปด้วยใบไม้สีน้ำตาลแดงที่ร่วงลงมาจากต้นตามฤดูกาล "อีกไม่นานก็บ้านแล้วคิดถึง
พ่อกับแม่จังเลย" ผมนึกรำพันกับตัวเอง ผมขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่นานนักก็ถึงบ้าน บ้านที่เคยพักอาศัย บ้านหลังนี้เปลี่ยม
ไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และที่สำคัญเป็นบ้านหลังที่เปลี่ยมไปด้วยกำลังใจที่มีค่ามากมาย "ใครมาน๊ะ"เสียงชาย
สูงอายุตะโกนถามมาจากข้างหลังบ้านพร้อมย่างกายออกมาด้านหน้าของตัวบ้าน "ผมเองครับ สวัสดีครับพ่อ แล้ว แม่
ละ แม่ไม่อยู่เหรอครับ " ผมแสดงตัวพร้อมกล่าวคำทักทายและถามถึงภรรยาของแก "แม่เอ็งไปในสวนแน่ะ แล้วนี่ออก
มาจากบ้านเอ็งตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่โทรมาบอกก่อน จะได้หุ่งข้าวหุ่งปลาเผื่อ" "ไม่เป็นไรครับพ่อผมว่าจะพาพ่อกับแม่
ไปกินข่าวในเมืองนะ โน่นไงแม่มาพอดี" "แม่ครับสวัสดีครับแม่" ผมทักทายแม่พร้อมวิ่งเข้าไปสวมกอด "คิดถึงจังเลย
"ไงมานานแล้วเหรอลูก"แม่ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ มันเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ทำไงได้ละ
ก็ผมมันลูกชายคนเดียวนี่เป็นธรรมดาที่พ่อกับแม่รักมากเป็นพิเศษ ปกติผมมีพี่น้อง สี่คน ผมเป็นคนที่สาม พี่สาวผมคน
โต แต่งงานไปแล้วและตามสามีไปอยู่ที่เพชรบุรี ส่วนพี่สาวคนที่สองยังไม่ได้แต่งงานแต่มีสามีแล้วตอนนี้อยู่ต่างประเทศ
กับสามี ลาวนะ แนะนำเสียหรูเชียว ต่างประเทศ ส่วนน้องสาวคนเล็กก็แต่งานแล้วตอนนี้ไปค้าขายแถวๆ ทางภาคอีสาน
อีกไม่นานก็คงกลับมา "แม่ครับแม่ไปอาบน้ำก่อนนะเดียวไปกินข้าวข้างนอกกัน"
*********--------------------------------------**********
ผมขับรถพาพ่อกับแม่มาทานข้าวที่ร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่งในตัวอำเภอ ร้านนี้นะอาหารอร่อยมากของ
ทะเล ๆสด ชื่อร้านริมอ่าว คงเป็นเพราะสถานที่ตั้งของร้านนี้ตั้งอยู่ริมอ่าวบ้านดอน เป็นสถานที่ ที่แม่น้ำตาปีไหลลงสู้ทะเล
อ่าวไทย อาหารที่ผมสั่งวันนี้ก็มี แกงส้มปลามงกับผักรวม ต้มยำทะเล ปลากระบอกทอดกระเทียม ต้มหอยขาว และที่ขาด
ไม่ได้ ไข่เจียวกุ้งสับ อย่างหลังนี่อาหารหลักครับ ยามที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวแล้วขี่เกียจที่จะออกไปหากินนอกบ้าน ก็ได้
ไข่เจียวนี่แหละคับที่ทำให้อิ่มท้อง อ่อ ! อีกอย่างครับที่ขาดไม่ได้ หอยนางรมสด ๆ ก็ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหอยนะครับ ดั่งคำขวัญ
ที่ว่า เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมมะ รู้แล้วซิว่าผมอยู่จังหวัดอะไร
เรานั่งกินไปคุยไปคุยกันสารพัดเรื่อง แต่ต้องมาสดุดที่คำถามหนึ่งของแม่ผม "เมื่อไหร่จะหาลูกสะใภ้ให้แม่ละ"
มันเป็นคำถามที่ต้องทำให้ผมนิ่งอยู่พักใหญ่ ก่อนตอบไปว่า "ยังเลยแม่ ใครจะเอาผม" ผมตอบปัด ๆไป ก็มันไม่มีจริง ๆ
เคยมีก็ตอนสมัยเรียน แต่สาวเจ้าไม่รู้หรอกนะ ว่าชอบเขา ตอนนี้เขาแต่งงานมีลูกไปแล้วได้ข่าวมอย่างนั้นนะ
เรานั่งกินไปคุยไปอีกหลายเรื่อง จนถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแล้ว ผมเรียกบริกรมาเก็บเงิน จ่ายเงินเสร็จ ผมก็พาพ่อกับแม่
กลับบ้าน ..........
"เอ่ย! ถึงบ้านสักที่อิ่มจังเลย "ผมเอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะขออนุญาติพ่อไปข้างนอก " พ่อครับผมไปข้างนอก
นะครับ ค่ำ ๆ จะกลับ พ่อเอาอะไรมั๊ย ผมจะได้ซื้อมาให้" "ไม่ละ แล้วขับรถดี ๆละ" พ่อผมตอบด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง
ผมเดินออกจากบ้านกำลังจะขึ้นรถ ได้ยินเสียงแม่ถามว่า "ไปไหนเหรอลูก แล้วจะกลับมานอนที่บ้านปล่าว แม่ไดจัดที่นอน
ไว้ให้" "ไปบ้านพี่ชายครับแม่ เดียวค่ำๆ ก็กลับครับ" ผมตอบผู้เป็นแม่แล้วก็ขึ้นรถออกจากบ้านไป
ขณะที่ขับรถอยู่ผมก็คิดถึงคำถามของแม่ ที่แม่ถามผมเมื่อตอนกินข้าวกัน ฮืม ! ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
"น่าจะดีนะถ้าเรามีใครสักคน อยู่คนเดียวเหงาจัง " ผมพูดกับตัวเอง ปรื้น............ปรี๊น ๆๆ เสียงนี้มันทำให้ผมสดุ้งสุดตัว
เป็นเสียงแตรจากรถสิบล้อบรรทุแร่ยิปซั๋ม เจ้าแห่งถนนสายนี้ คงเป็นเพราะผทใจลอยขับคร่อมเลน เค้าถึงได้ปีบแตรไล่
"เกือบไปแล้วไม่ละเรา"ผมอุทานกับตัวเองก่อนเลี้วรถเข้าปั๊มน้ำมันแห่งหนี่ง ผมนำเข้าจอดตรงตำแหน่งจอดเพื่อเติมน้ำ
มัน "95 ห้าร้อยครับพี่" ผมสั่งกับพนักงาน แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา "เหมื่อนดั่งกบในกะลาที่ปิดตาฉัน
เอาไว้...................................." เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ผมดังขึ้น "สวัสดีครับ พี่ชายเหรอ ว่าไงพี่ พี่อยู่ไหนนะ อ่อ ! ผมเติม
น้ำมันแถวบางใหญ่ ครับพี่ อะไรนะครับ ครับพี่รออยู่ที่นั่นแล้วกันนะ อีกประมาณ ยี่สิบนาทีผมไปถึง งั่นแค่นี้นะครับ สวัสดี
ครับ" พี่ชายโทรมา ไม่ใช่พี่ชายผมนะ พี่เขาชื่อชาย เขารอผมที่ร้านกาแฟในตลาดเทศบาลเมืองสุราษฎร์ ผมเดินจากหน้า
ห้องน้ำไปที่รถ พนักงานเติมน้ำมันเต็มพอดี ผมจ่ายเงินแล้วขึ้นรถขับออกจากปีมน้ำมันไป ประมาณยี่สิบนาทีผมก็ขับรถ
มาถึงสถานที่นัดหมายไว้กับพี่ชาย ผมจอดรถไว้ในที่จอดรถของตลาดแล้วเดินขึ้นชั้นสองไป....ในร้านกาแฟ พี่ชายที่มาถึง
ก่อนหน้าผมนั่งรออยู่ "สวัสดีครับพี่ เป็นไงบ้างไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"ผมกล่าวทักทายพี่เขา ก่อนหันไปสั่งกับพนักงาน
ในร้าน "น้อง ๆ กาแฟเย็นแก้วหนึ่ง แล้วก็เอาขนนปังทาแยมสตอบอรี่สองแผ่นนะ" "ค่ะ" เสียงพนักงานสาวสวยน่ารักใน
ชุดนักศึกษาตอบรับพร้อมยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง "เด็กใหม่เหรอพี่ ไม่เคยเห็นหน้าเลย น่ารักดีนะ" ผมหันกลับไปถาม
พี่ชายพร้อมกล่าวคำชมพนักงานคนนั้น ก็ตามประสาผู้ชายอะนะที่เห็นสาวสวย ๆ ไม่ได้ อดให้ความสนใจไว้ก่อนไม่ได้
"นั้นเหรอน้องสาวของแก้วเจ้าของร้าน น่ารักทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ ว่าไงสนใจเหรอ พี่ติดต่อให้เอามั๊ย" พี่ชายตอบพร้อมข้อ
เสนอ ผมส่ายหน้า "ไม่ดีกว่าพี่ ผมคงไม่มีเงินส่งน้องเค้าเรียนหรอกครับ" ผมปฎิเสธข้อเสนอของพี่ชาย "แล้วพี่ละมา
ทำไมร้านนี้บ่อย ๆ มีอะไรเหรอพี่ที่ร้านนี้ กาแฟที่บ้านก็มี ไม่ก็ร้านแถวบ้านเยอะแยอะ"ผมถามพี่ชายแต่ผมก็พอที่จะมีคำตอบ
ให้ตัวผมเองแล้วละ "นี่ค่ะกาแฟเย็น กับขนมปังทาแยมสตอร์บอรี่ที่สั่ง"พนังงานสาวสวยชี้แจงพร้อมวางของที่ผมสั่งไว้
บนโต๊ะตรงหน้าผม "ชื่ออะไรเหรอครับ ไม่เคยเห็นหน้าเลย"ผมถามด้วยน้ำเสียงเจ้าชู้เล็กๆ "ชื่อแพร ค่ะ พี่ถามยังกับว่าพี่
มาบ่อยนักนะ จริงมั๊ยค่ะพี่ชาย" หล่อนตอบแล้วหันไปขอความเห็นพี่ชายที่นั่งหัวเราะผมอยู่ "ขำอะไรเหรอพี่" ผมถามพี่
ชายด้วยความสงสัย ไม่ทันจะได้คำตอบจากพี่ชาย ก็มีแสงจากพนักงานสาวว่า "หน้าตาอย่างพี่ไม่น่าจะชอบกินสตอร์บอรี่
เลยนะ" ผมยังไม่ทันจะพูดอะไร เจ้าหล่อนก็เดินจากไปเสียแล้ว เสียงหัวเราะจากชายที่นั่งตรงข้ามผมเริ่มดังขึ้น " พอเลย
พี่ "ผมออกคำสั่ง "หน้าตาผมเป็นไงเหรอพี่ ทำไมเหรอ ทำไมผมชอบสตอร์บอรี่แล้วไงเหรอ" ผมถามพีชายพลางเอามือ
ขึ้นมาลูบบนใบหน้า "ก็เป้ไปส่องกระจกดูหน้าเป้ซิอยู่ยังกะโจรห้าร้อย หนวดเครารกรุงรังเชียวไมไม่โกนออกเสียบ้างละ"
พี่ชายตอบด้วยความสงสัย ผมกับพี่ชายนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ คุยกันเรื่องนั้นบ้างเรื่องนี้บ้างตามประสาคนสนิทที่ไม่เจอ
กันนาน แล้วสายตาผมก็ไปสดุดกับผู้หญิงในชุดกากีกลุ่มหนึ่ง "พี่ ๆ พี่ดูสาว ๆ กลุ้มนั้นซิ สงสัยต้องเป็นครูโรงเรียนไหน
สักแห่งแน่ ๆ " ผมชี้ให้พี่ชายดูไปทางด้านหลังของพี่แก "ไหนวะไม่เห็นเลย" พี่ชายหันไปดูแต่สายตาแกยังไปไม่ถูกทาง
"นั่นไงพี่ ที่ใส่ชุดกากีนะ"ผมแนะให้พี่ชายดูอีกครั้ง "เออ เห็นแล้ว แล้วไงวะ ก็งั่นสู้ดูนักเรียนฝั่งโน่นไม่ได้" พี่ชายแนะให้
ผมดูไปอีกฝั่งหนึ่ง พอดีแพรพนักงานในร้านเดินผ่านมาพอดี "ยังไงก็สวยสู้น้องแพรไม่ได้หรอกนะ"ผมแซวเจ้าหล่อน
หล่อนให้มามองหน้าผมด้วยใบหน้าที่ติดออกไปทางดุเล็กน้อย "เป็นไงค่ะ พี่ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ"หล่อนถามด้วยท่าทางดุ
"หรือจะเอากาแฟเย็นอีกแก้วค่ะ"หล่อนถาม "จ๊ะ"ผมตอบโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ส่วนทางพี่ชายก็นั่งหัวเราะผม ไม่รู้ว่าพี่แกจะ
ขำอะไรนักหนา แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรปล่อยแกไปตามประสาคนอารมณ์ดี ......................
ไม่นานนักสาวในชุดกากีก็เดินมานั่งในร้าน นั่งที่โต๊ะด้านหลังผม ผมหันมองพวกเธอด้วยความสนใจ ไม่รู้นะ
ว่าอะไรที่ทำให้ผมสนใจสาว ๆกลุ้มนี้เป็นพิเศษ ผมไม่รู้จริง ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมก็นั่งคุยกับพี่ชายไปตามเรื่องตามราวต่อ
แต่ผมก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองพวงเธอไม่ได้ "มีอะไรเหรอค่ะ เห็นหันมาบอกบ่อยจัง" หนึ่งในพวกเธอถามผมด้วย
ความสงสัย หล่อนคงรำคาญที่ผมหันไปมองพวกหล่อนบ่อย ๆ "เปล่าครับผมแค่มองโทรศัพท์ เห็นมันสวยดี อยากจะไป
หาซื้อสักเครื่องนะครับ"ผมตอบไปงั่น ๆ แหละความจริงแล้วไม่ใช่หรอก ผมมองที่คนต่างหากละ "ไม่ทราบว่านั้นโทรศัพท์
รุ่นไหนเหรอครับ มีเบอร์มั๊ยครับ " ผมถามเธอด้วยความที่อยากจะหาเรื่องมาชวนเธอคุย "ถ้าจะบ้านะคุณ มีโทรศัพท์
แล้วไม่มีเบอร์แล้วจะมีไว้ทำไมละคุณ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าผมคงจะบ้าจริง ๆ แล้วเสียงหัวเราะเบา ๆ จากพวกเธอ
ก็ดังเข้ามาในหูผม แต่มีเสียงหนึ่งดังกว่าก็คือเสียงหัวเราะของพี่ชาย "เป็นไปกับเค้าด้วยนะพี่" ผมหันไปหาพี่ชายแล้ว
พูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจเล็ก ๆ แล้วเสียงของเธอคนนั้นก็ดังขึ้นว่า "แล้วจะเอามั๊ยเบอร์โทรนะ" สิ้นเสียงแล้วเธอก็บอก
เบอร์โทรแก่ผมแต่เธอบอกเร็วพอประมาณ แต่มีเหรอผมนะจำไม่ได้ แล้วพวกเธอก็เรียกพนักงานในร้าเก็บเงินก่อนออกจาก
ร้านไป ผมก้ยังอดหันมองตามไม่ได้
นานมากแล้วที่ผมนั่งคุยกับพี่ชายที่ร้านกาแฟแห่งนี้ "เอ่อ พี่งั่นผมขอตัวกลับก่อนนะ แพร ครับเก็บเงินด้วย"
ผมลาพี่ชายแล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงิน "พี่ชายจ่ายแล้วจ๊ะ"แพรพนักงานของร้านตะโกนบอกมาจากข้างใน "อีกแล้วนะพี่
วันหน้าให้ผมจ่ายบ้างนะ" ผมหันไปค้อนพี่ชาย เป็นประจำครับที่พี่เค้าจะเป็นออกเงินไม่ว่าจะไปกินอะไรกัน หรือเป็นเพราะ
ว่าด้วยสถานะภาพความเป็นผุ้ใหญ่กว่า อายุที่มากกว่าผมมาก "งั่นพี่กลับก่อนนะ ไว้พรุ้งนี้เจอกันที่นี่แล้วกัน" พี่ชายลาแล้ว
นัดผมมาที่ร้านนี้อีกในพรุ้งนี้......................
ผมออกจากร้านขับรถมาถึงบ้านก็นั่งคุยกับพ่อแม่พักหนึ่งแล้วผมก็ลาพ่อกับแม่ไปอาบน้ำนอน .......................
ที่นอนหมอนผ้าห่มแม่จัดไว้ให้พร้อม ไม่นานนักผมก็หลับไปด้วยความเพลียที่ผมเดินทางมาจากที่ทำงาน กาแฟที่กินมา
จากร้านกาแฟไม่มีผลใด ๆ แก่ผมเลย.........................
เช้านี้ผมตื้นขึ้นมาด้วยความสดชืน บรรยากาศยามเช้าของชนบทเนี่ยนะต่างจากในเมืองหน้ามือเป็นหลังมือ
เลย ชาวต่างออกจากบ้านไปทำงานกัน ท่ามกลางอากาศอบอุ่น มีสายหมอกโปรยปรายกระทบแสงแดดอ่อนๆ เป็นประกาย
ในใจผมยังคิดเลยว่าสักวันหนึ่งผมต้องกลับมาที่นี่ มาอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นของความรักที่มีในครอบครัว ความเป็น
กันเองของชาวบ้านที่ชนบทแห่งนี้ สักวันหนึ่งผมต้องทำให้มันเป็นจริงให้ได้ ผมนั่งกอดเข่าอยู่หน้าบ้านทอดสายตา
ไปด้านหน้า เห็นต้นไม้ นกต่าง ๆ บินออกไปหากิน ชาวบ้านขับรถผ่านไปผ่านมา บรรยากาศเช่นนี้ชวนเหงาเสียเหลือเกิน
ผมนั่งทอดอารมณ์ไปกับโลกส่วนตัว ไม่คำสั่ง มีเสียงพูดคุย มันเหงานะ เหงามาก ทันใดนั้นก็นึกถึงเบอร์โทรเธอคนนั้น
ที่ให้ผมมา ผมลุกขึ้นแล้วไปค้นหาแผ่นกระดาษที่ได้บันทึกเบอร์โทรของเธอคนนั้นไว้............
"จะจดไว้ถูกมั๊ยน๊า"ผมพูดกับตัวเอง คงต้องลองโทรไปดูแล้วละ "วันนี้ค่อยลองโทรดู" ผมพูดกับตัวเอง
วันนี้พ่อกับแม่เข้าไปในสวนแต่เช้า ไปก่อนที่ผมจะตื้นเสียอีก ผมเลยไม่ได้เจอท่านในตอนเช้านี้ ........ รู้สึกหิวจัง ผมเลยดิน
ทอดน่องเข้าเป็นในครัว ดีจังแม่ทำกับข้าวไว้ให้แล้ว ผมกินเสียอิ่มเลย นานแล้วนะที่ไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ อย่างนี้ ฝีมือ
ไม่ตกเลยนะแม่เรา ..................
ตกตอนสายผมเลยขับรถเข้าไปในเมือง ไปที่ร้านกาแฟร้านเดิม แต่วันนี้พี่ชายยังไม่มาเพราะต้องทำงานคงเป็น
ตอนเย็น ๆ นั้นแหละถึงจะได้เจอพี่ชาย ผมสั่งกาแฟและขนมปังทาแยมแบบวันก่อนมากิน กินเสร็จผมก็เดินดูสิ้นค้าภายใน
ตลาด มีสินค้ามาขายมากมายหลายชนิดแต่วันนี้คนไม่ค่อยเยอะนัก ผมเดินไปเรื่อย ๆ จนกลับมาถึงร้านกาแฟร้านเดิมผมลง
นั่งที่โต๊ะ กาแฟแก้วเก่ายังพนักงานในร้านเก็บไปแล้ว ผมเลยสั่งใหม่แต่เอาแบบเดิม นั่งไปเรื่อย ๆ ดูโน่นดูเนี่ย นึกขึ้นได้ว่า
จะลองโทรไปหาเธอคนนั้นดู ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหมายเลขที่เธอคนนั้นให้ไว้ "หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถ
ติดต่อได้ในขนาดนี้ " แล้วตามด้วยภาษาอังกฤษอีกประโยคหนึ่ง ผมโทรออกไปอยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้คำตอบเดิม ๆ จาก
เสียงตอบที่น่าฟังจากในโทรศัพท์ "แล้วจะมีโทรศัพท์ไว้ทำไมวะ มีแล้วปิดเครื่อง" ผมพูดกับตัวเองด้วยอารมณ์หงุดหงิด
นิดหน่อย ผมเลยจ่ายเงินค่าของที่ผมกินไปแล้วออกจากร้านขับรถไปเยี่ยมคนโน่นคนนี้ตามประสาคนที่ไม่ค่อยได้กลับ
มาที่นี่นานแล้ว .......... ตกเย็นผมกลับไปที่ร้านกาแฟร้านเดิมอีกครั้ง ผมเดินเข้ามาในร้านเห็นพี่ชายนั่งอยู่ก่อนแล้ว "สวัสดี
ครับพี่มานานแล้วเหรอครับ" ผมทักทายพี่ชายแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับพี่ดำ "มาสักพักแล้วละ แล้วไปไหนมาละ
เห็นเด็กที่ร้านบอกว่าเป้มาตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วไงโทรไปหาสาวคนเมื่อวานนี้หรือยัง"พี่ชายถามเป็นชุด แต่ผมเลือกตอบ
คำถามสุดท้าย "โทรไปแล้วครับพี่ ปิดเครื่องตลอดเลย มีไว้ทำไมไม่รู้ มีไว้ปิดเครื่องมั่งพี่" ผมตอบพี่ชายไปด้วยอารมณ์ที่
ค่อนข้างจะหงุดหงิด ผมก็ไม่รู้เหมื่อนกันนะว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ "ลองโทรไปใหม่ซิ" พี่ชายแนะนำผม "ไม่ดีกว่า
พี่ โทรไปก็เท่านั้น ก็คงปิดเครื่องอีกตามเคย" ผมปฏิเสธข้อแนะนำของพี่ชาย แต่การกระทำของผมกับตรงกันข้าม ผมหยิบ
โทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขอีกครั้งผมกดโดยที่ผมจำหมายเลขนั้นได้อย่างดี เสียงเรียกดังประมาณ สองสามครั้ง เธอก็
สาย "สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใครโทรมาค่ะ" เสียงนั้นแสดงถึงความอ่อนโยนและอบอุ่น "ผมเองครับคุณ ผมเป้ ครับคนที่
คุณให้เบอร์ไว้เมื่อวานนี้ ที่ร้านกาแฟนะ วันนี้ผมโทรหาคุณทั้งวันเลย แต่คุณปิดโทรศัพท์ตลอด แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้คุณ
อยู่ที่ไหนเหรอครับ " "อยู่บนรถค่ะ กำลังจะกลับภูเก็ตค่ะ แค่นี้ก่อนนะตอนนี้ไม่สะดวกจะคุยนะ เกรงใจคนในรถนะ เอา
ไว้ถึงภูเก็ตแล้วจะโทรกลับไปนะ " .......................................
***************.......................................................***************
หลังจากนั้นผมก็กลับมาทำงาน แล้วผมกับเธอก็ติดต่อกันมาเรื่อย ๆ ผมเลยได้รู้ว่าเธอชื่อ ฟ้า ทำงานรับราชการ
หน่วยงานหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต แต่เธออายุมากกว่าผม 7 ปี เราติดต่อกันทางโทรศัพท์บ้างทางอินเตอร์เน็ตบ้างเพื่อลดค่าใช้
จ่ายของกันละกัน ฟ้า เป็นคนนครโดยกำเนิด แต่ไปเรียนอยู่ทางภาคเหนือ ไปอาศัยอยู่กับพี่ชายซึ่งเป็นผู้พิพากษาอยู่ที่นั้น
จนจบแล้วเข้ามาในหน่วยงานราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่เราติดต่อกัน ฟ้า มักจะพูด
กรอกหูผมเสมอว่า ผมเป็นได้แค่น้องชาย ส่วนผมเองก็ไม่กล้าที่จะคิดไปมากกว่านั้น ทั้งที่ในใจแล้วผมรู้สึกหลงรักผู้หญิง
คนนี้ขึ้นมาเสียแล้ว แต่ผมก็ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในเมื่อเธอคิดกับผมเพียงแค่น้องชาย ผมก็คงเป็นได้แค่น้องชายของ
เธอ เราคบกันไปโดยมีระยะทางที่ไกลกันมาก ...................
ในที่สุดเวลาที่การทำงานหยุดหลายวันติดต่อกันก็มาถึง ผมเดินทางกลับบ้าน ฟ้า ก็ กลับบ้านเช่นกัน
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากที่เราต่างคนต่างกลับบ้านพบปะญาติพี่น้อง ฟ้าโทรมาบอกผมว่าวันที่ 15 จะมาแวะเจอผม
ที่สุราษฎร์ แล้วจะค้างที่สุราษฎร์ คืนหนึ่งแล้วค่อยกลับภูเก็ต ผมรู้สึกตื้นเต้นมากที่จะได้เจอเธอ แต่ผมก็ไม่มั่นใจนักว่า
ฟ้า จะมา คืนนั้นคืนวันที่ 14 ผมนอนไม่หลับเลยนั่งรอจนสว่าง ตอนสายของวันที่ 15 ประมาณ สิบโมงเช้า ฟ้าโทรมา บอก
ตอนนี้อยู่บนรถตู้กำลังจะมาสุราษฎร์ ระยะที่ ฟ้า บอกว่าอยู่บนรถตู้ ผมใช้เวลาโทรติดต่อหาเธอโดยตลอด แต่เธอปิดเครื่อง
ตลอด เลยทำให้ผมไม่มั่นใจนักว่าเธอจะมา การเดินทางจากนครศรีธรรมราชมาสุราษฎร์ใช้เวลาการเดินทางประมาณ
สองชั่วโมง เธอบอกผมว่า เธอขึ้นรถเมื่อตอน สิบโมงเช้า เที่ยงก็น่าจะมาถึงพอดี แต่การที่ผมติดต่อทางโทรศัพท์กับเธอไม่
ได้ เลยทำให้ผมไม่มั่นใจว่า เธอจะมา ผมเลยไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้แม้กระทั่งอาบน้ำแปรงฟันด้วยช้ำ ผมรู้สึกเสียใจมาก
เพราะเธอไม่น่าจะหรอกผม ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะหรอกผม นี่ เวลาเที่ยงสิบห้านาที ของวันที่ สิบห้า โทรศัพท์ของผม
ดังขึ้น ฟ้า โทรมา บอกผมว่าถึงสุราษฎร์แล้วให้มารับด้วย เอาแล้วซิ เธอมาหาผมจริง ๆ ผมต้องขอโทษนะที่มองเธอผิดไป
ถึงตอนนี้ผมตื้นเต้นมากเตรียมตัวก็ไม่ทันแล้ว ผมไปรับ ฟ้า ด้วยสภาพที่ไม่พร้อม ดูแย่มาก มันไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย
ฟ้า รอผมอยู่ที่คิวรถ ผมมาเจอ ฟ้า ผมดีใจมาก ด้วยความที่ ฟ้าคิดว่าผมเป็นน้องมาตลอด เมื่อ ผมเจอ ฟ้า ผมยกมือไหว้
แล้วพา ฟ้า ไปที่ พัก ที่อาพาสเม้น เล็ก ๆ บริเวณบ้านญาติของผม ผมให้ส่งเธอเข้าห้อง เพื่ออาบน้ำแล้วผมจะมารับไปกิน
ข้าว ไม่นานนักเธอก็โทรมาบอกผมว่าอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมเลยไปรับเธอไปทานข้าว แล้วพาไปรู้จักกับพี่ชาย เรานั่งคุย
กันจนดึก ผมเลยพาเธอมาส่งที่ห้อง ผมมาส่งห้องที่แล้วขอตัวกลับไปนอนที่บ้านพี่ชาย แต่เธอกลับให้ผมนอนเป็นเพื่อน
เธอที่ห้อง เพราะเธอกลัวผี กลัวมากเสียด้วย คงเป็นเพราะว่าห้องที่นี่ค่อนข้างจะเก่าแล้วแต่ไม่ถึงกับเก่ามากนักหรอก
คืนนั้นผมเลยต้องนอนเป็นเพื่อนเธอที่ห้อง เรานอนคุยกันไปเรื่อย ๆ ผมก็ได้แต่แอบมองเธอตลอดเวลา เธอก็รู้นะว่าผม
แอบมองอยู่ ด้วยความคุ้นเคยและการที่ต่างคนต่างเก็บความรักที่ซ่อนไว้แล้วเมื่อเวลาอย่างนี้ต่างคนต่างมีความรู้สึกดี ๆ
เกิดขึ้น คืนนั้นเราลยตกเป็นของกัน
หลังจากนั้นเธอก็กลับไปทำงานที่ภูเก็ต แต่เราก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อย ๆ ส่วนผมคิดว่าดีนะกับการที่ผมมีใครสัก
เข้ามาในชีวิต ผมต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมได้กระทำลงไป เธอเองก็ไม่เลวเธอเป้นผู้ใหญ่แล้วเธอคงไม่ทำอะไรให้ผมเสียใจ
คิดอย่างนั้นจริง ๆ นะ ........ ช่วงเวลานี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากไม่เหงาไม่เบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตอีกต่อไป ...........
แล้วในที่สุดสิ่งต่างที่เราปิดบังกันไว้ก็เริ่มแสดงออกมา.....................................................................................
เราคบกันได้เกือบจะหนึ่งปีแล้ว ผมก็ได้รู้ว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว เรื่องนี้เธอก็เคยบอกผมนะแต่เธอบอกว่าคบกันประมาณ สาม
ปีแต่ตอนนี้เลิกกันแล้ว แล้ววันหนึ่งที่ห้องของเธอ วันนี้ผมหยุดงานเลยไปหาเธอที่ภูเก็ต ผมพักอยู่ที่ห้องของเธอ ส่วน
เธอนั่งทำงานอยู่ด้านล่าง ช่วงหลังเที่ยงขอวันนั้น เสียงเคาะประตูห้องของเธอก็ดังขึ้น เสียงเคาะนั้นดังมาก เคาะยัง
กับโกรธใครมา ผมเลยเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เจอกับเจ้าของเสียงที่เคาะประตูนั้น เขาร่างกายสูงใหญ่มากไว้ผมยาว
ผมยังไม่ทันจะพูดอะไรเขาก็เดินเข้ามาในห้อง เขาเดินไปรอบ ๆ ห้อง ไม่ทันจะพูดอะไร เธอก็เดินเข้ามาในห้อง เสียงชาย
นั้นถามเธอว่า "ทำไมเหรอ หาคนที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอ " เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามผม คงเป็นเพราะ
ว่าผมยังอายุน้อยเกินไปที่จะมีความรับชอบอะไร ต่อมิอะไรได้ แล้วชายคนนั้นก็ให้มาพูดกับผมว่า " ไม่เป็นไรกูอยู่กับ
ผู้หญิงคนนี้มา แปด ปี กูให้มึง แล้วมึงจำไว้นะว่าสักวันหนึ่ง มันจะให้สิ่งที่มันทำกับกูแก่มึง "เขาพูดด้วยอารมณ์ที่โกรธแค้น
มาก แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป "ขอโทษนะเป้" ฟ้าเธอเดิมเข้ามาพูดกับผมใบหน้าเธอมีน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความ
เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอเดินมาสวมกอดผมก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไป ผมเองก็ได้แต่นั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ใน
ห้อง ผมยัง งง งงมากกับเหตุการที่เกิดขึ้น ผมสับสนสนมากในตอนนั้น ผมคิดถึงคำพูดของชายที่เพิ่งเดินออกจากห้องไป
เมื่อสักครู่ แปดปีกูให้มึง แล้วผมก็คิดถึงครั้งที่ฟ้าบอกกับผม เค้าคบกันมาแค่สามปีแล้วก็เลิกกันไปแล้ว แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น
มันคืออะไร ผมจะเชื่อใคร นี่ผมแย่งแฟนชาวบ้านเหรอ ผมสับสนจริง ๆ แล้ว ฟ้าก็กลับเข้ามาในห้อง "ฟ้าขอโทษ ฟ้ารักเป้
นะ ฟ้าสงสารเป้ เรื่องอย่างนี้ไม่น่าจะเกิดกับเป้เลย ฟ้าขอทษจริง ๆนะ ที่ฟ้าโกหก เป้ " ฟ้าร้องให้เสียใจตลอดเวลาที่เธอพูด
ด้วยความรักที่ผมมีให้กับ ฟ้าผมไม่โกรธเธอหลอกนะ แค่ ยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง ........................
หลังจากเหตุการณ์นั้น มันทำให้เรารักกันมากขึ้น แล้วช่วงปลายปีของปีแรกผมก็ต้องออกจากงาน เมื่อวันหนึ่ง
ผมได้ไปบ้าน ของฟ้าที่นคร ผมต้องเจอกับ พ่อ กับ แม่ ฟ้า เจอ กับญาติ ๆ หลายคน แต่ทางบ้าน ฟ้า เค้าไม่ค่อยชอบผมสัก
เท่าไหร่นัก ผมมองออก แต่เค้าก้พยายามดีกับ ผม เค้าให้ผมลาออกจากงาน แล้วให้มาช่วยงานที่บ้านเค้า ผมตัดสินใจอยู่
ประมาณสองอาทิตย์ ผมปรึกษากับ ฟ้า ฟ้าก็เห็นดีด้วยกับการที่ ผมจะลาออกจากงานแล้ว ไปช่วยงานพ่อกับแม่เธอ
ในที่สุดผมก็ลาออกจากงาน แล้วก็ไปทำงานที่บ้านของฟ้า ผมทำทุกอย่างที่ผมสามารถจะทำได้ ช่วงกลางผมก็จะมาช่วย
แม่ที่ร้านอาหาร ค่ำ ๆ ผมก็ต้องไปอยู่ที่ บ่อกุ้ง ดูแลคนงาน ที่คอยให้อาหารกุ้ง แล้วก็ตรวจตราดูแลบริเวณรอบ ๆ เป็นยาม
ว่างั่นเถอะ ตั่งแต่ค่ำจนสว่าง ผมไม่ได้นอนเลย จะได้นอนก็ตอน เก้าโมงเช้า เที่ยงก็ต้องตื้นมาช่วยที่อาหาร ที่บ้านเธอก็
ดีกับนะ บอกให้แม่ผมมาสู่ขอ ฟ้า เมื่อมาถึง เค้าก็ บอกว่าอย่างรีบเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทางบ้านเธอ บอกให้รีบมาขอมาหมั่น
ไว้ก่อน ผมก็ไม่รู้เช่นกันนะว่าเพราะทำไม แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป ทางบ้านฟ้า วางแผน
งานให้ผมไว้หมดแล้ว ผมดีใจมากที่เค้าไว้ใจผม อยากให้ผมทำงานต่อที่บ้านของเค้าต่อไป ผมใช้ชีวิตอยู่นี่ได้ประมาณสาม
เดือน กุ้งก็โตพอที่จะจับได้แล้ว ระยะสามเดือนนี้ผมกับฟ้า ก็ยังได้พบกันบ้าง ในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ แม้มันจะเป็นระยะ
เวลาสั้น ๆ ผมก็ดีใจมาก ที่ยังได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ผมรัก อยู่กับคนที่ผมคิดมาตลอดเวลาว่าเธอคือ ภรรยา แม้มันจะยังไม่
ถูกต้องตามกฏหมาย ผมทำงานที่บ้านของเธอจนถึงเวลาที่กุ้งสามารถจับได้ เราจับกุ้งไปขายที่กรุงเทพ ฯ ได้เงินก็หลาย
บาทอยู่ ผมไม่รู้นะว่ากี่แสน แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกที่ผมจะต้องรู้ ผมไม่ก้าวก่ายเรื่องภายในบ้านมากนัก เพราะผมคิด
เสมอว่าผมคือคนนอก แล้วที่บ้านเธอก็คงคิดเช่นนั้นเหมื่อนกัน เท่าที่ผมรับรู้ได้นะ จับกุ้งขายแล้ว ผมก็คิดถึงงานที่จะต้อง
ทำต่อไป เพราะที่บ้านเธอเค้าวางแผนไว้แล้วว่าจะต่อไปจะให้ผมทำงานอะไรบ้าง ผมรู้สึกตื้นเต้นมากที่จะได้ทำงานที่บ้าน
ของเธอต่อ หลังจากกลับมาจากขายกุ้ง ผมก็ยังช่วยงานที่ร้านอาหารของแม่เธออยู่ได้ประมาณอาทิตย์หนึ่ง แต่ก็ยังไม่มี
วี่แววว่าผมจได้ทำอะไรต่อเลย "เป้แม่ไม่เลี้ยงกุ้งแล้วนะ"แม่ของเธอบอกกับผมแล้วให้เงินจากการขายกุ้งแก่ผม 7,000 บาท
เอาแล้วซิครับ ผมจะทำไงละที่นี้ งานประจำก็ไม่มีทำแล้ว แล้วต่อไปจะทำอย่างไรดี ผมปรึกษากับ ฟ้า เธอเลยบอกให้ผมมา
ทำงานหางานทำที่ภูเก็ต แต่ผมยังไม่เข้าใจเลยนะว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ แล้วงานที่เค้าวางแผนไว้ให้ผมทำละ ไปไหน
เสีย ผมเพิ่งมารู้ตอนหลังนะว่า เค้าไม่ค่อยชอบผมสักเท่าไหร่ เค้าว่าผมเป็นคนดุ เลือดเย็น ฆ่าคนเอาได้ง่าย ๆ เค้าคงเห็น
จากที่ผมเคยดูแลบ่อกุ้ง ให้เค้า ผมเคยไปทวงหนี้ให้ พี่สาวฟ้า ก็ที่ผมต้องทำอย่างนั้นก็เพราะเค้าสั่งให้ผมทำ แล้วที่ผมทำ
ไปก็เพราะผลประโยชน์แก่ทางบ้านเค้าทั่งนั้น ผมไม่ได้อะไรกลับมาเลย มันไม่ยุติธรรมกับผมเลยจริง ๆ ผมงงมากและ
สงสัยมากด้วยว่าทำไมเค้าถึงคิดกันอย่างนั้น หลังได้รับเงินประมาณ สามสี่วันผมก็ออกจากบ้านหลังนั้นแล้วมาอยู่ที่ภูเก็ต
กับ ฟ้า ผมต้องกลายสภาพเป็นคนตกงานโดยที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ผมมาอยู่ที่ภูเก็ตผมไม่มีงานทำ ผมให้เงิน 7,000 บาท
ที่ผมมีติดตัวมา กับฟ้าไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย แต่มันคงไม่พอหลอกนะ เพราะที่ภูเก็ตค่าครองชีพค่อนข้างสูง ................
ส่วนเพื่อนร่วมงานของ ฟ้า ยังไม่รู้หรอกนะว่าผมกับเธอเป็นอะไรกัน ฟ้าได้บอกว่าผมคือน้องชาย เธอคิดอะไร
อยู่ผมไม่รู้นะ เธอคงอายมั่งที่มีแฟนอายุน้อยกว่า แล้วอีกอย่างเพื่อนร่วมงานของเธอทุกคนรู้จักแฟนเก่าของเธอ มันคงเร็ว
เกินไป เพราะตอนที่ผมมาอยู่ที่ภูเก็ตเธอเองก็เพิ่งเลิกคบกันกับแฟนเก่าของเธอ ถึงเธอจะเลิกกันไปแล้วผมก็ยังรู้สึกได้ว่า
เธอยังรักเขาอยู่ ผมเข้าใจ แปดปีที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันความผูกพันมันต้องมากเป็นธรรมดา บ้างครั้งเธอยังบ่นว่าคิดถึงเค้า
ให้ผมได้ยินเลย บางคืนก่อนนอนเธอมีน้ำตาไหลออกมา เพราะว่าคิดถึงเค้า เธอบอกกับผมว่า เธอต้องการที่จะเลิกกับเค้า
จริง ๆ เธอเลยมีผมเพื่อที่เค้าจะได้ไม่มายุ้งเกี้ยวกับเธออีก แต่เธอก็เสียใจที่ต้องเลิกกับเค้าจริง ๆ ความรู้สึกผมตอนนี้นะผม
บอกไม่ถูกจริง ๆนะ ว่าผมรู้สึกอย่าง ดีใจเสียใจ ผมสับสน แต่ความรักที่ผมมีต่อเธอก็ทำให้ผมตัดใจที่จะไม่คิดอะไรมาก
แล้วจะดูแลเธอพยายามที่จะไม่ทำให้เธอเสียใจ .........................................
ผมว่างงานอยู่ประมาณสองเดือน ตลอดเวลาที่ผมไม่มีงานทำ ฟ้า เธอดีกับผมมาก เพื่อน ๆ ที่ทำงานเธอก็เริ่มที่
จะรู้เรื่องระหว่างเรามากขึ้น ก็ตามประสาคนอยากรู้อยากเห็นแหละครับ แต่ทางบ้าน เธอไม่รู้หรอกนะว่าผมมาอยู่กับเธอที่
ภูเก็ต ส่วนทางบ้านผมรู้แล้ว ผมเคยพาเธอไปพบ พ่อ กับ แม่ หลายครั้ง ท่านรักเธอมาก และท่านยังตั้งความหวังไว้กับการ
แต่งงานของเราไว้สูงมาก ท่านกำชับให้ผมดูแลเธอให้ดี ผมรับปากท่านไว้ ............ย่างเข้าเดือนที่สามของการตกงาน
ผมได้รู้จักทนายคนหนึ่งเขาเป็นทนายประจำสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง เขาบอกให้ผมไปสมัครงานที่ ที่ทำงานของเขา
เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็สมัครงานที่สถาบันการเงินแห่งนั้น เค้ารับผมเข้าทำงานเลย ผมดีใจมากที่จะได้มีงานทำ ผมจะได้มีเงิน
มาช่วย ฟ้าใช้จ่ายภายในบ้าน แต่ผมยังสงสัยอีกว่าทำไมเค้ารับผมทำงานง่ายจัง ผมรับงานในตำแหน่งพนักงานทั่วไปก็จริง
แต่สถาบันการเงินนะ มันต้องมีอะไรค้ำประกันบ้างแหละ ผมไปทำงานอยู่หลายวันจึงได้รู้ว่าผู้จัดการใช้ตำแหน่งค้ำประกัน
ให้ผม ผู้จัดการรู้จักกับฟ้ามาก่อนแล้วหลายปี ผมก็ขยันทำงานไปเรื่อย ๆ พักเที่ยง หรือ เวลาที่ผมว่างจากที่ทำงานผมก็จะ
มาหา ฟ้า ที่ทำงานของเธอ เอาเป็นว่า ว่างไม่ได้ ว่างเป็นต้องเจอกัน เพียงแค่ผมได้อยู่ใกล้ ได้เห็นหน้า ได้ทำให้เธอเห็นว่า
ผมไม่ได้ไปไหนไม่ได้นอกลู่นอกทางเลย เธอจะได้สบายใจ ทุกคนในที่ทำงานเธอต่างอิจฉาเรามาก ก็จะทำไงได้ละเรารักกัน
นี่ จริงแล้วไม่อยากทำให้ใครอิจฉาหรอกนะ แต่ทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมายก็แค่แซวเล่น ๆ เท่านั้นแล้วทุกคนก็รู้ว่าผมรัก
เธอมาก ..............................................................................
วันที่สิบห้าเมษาที่จะถึงในอีกสองวันนี้ก็จะครบรอบหนึ่งปีที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เราสองคนต่างแยกย้ายกัน
กลับบ้าน ฟ้าก็ไปนครฯ ผมก็กลับสุราษฎร์ แล้วเรานัดกันว่าในวันที่สิบห้าเราจะไปเที่ยวที่กระบี่ด้วยกัน ถึงเวลานัดหมาย
เธอ ขับรถมารับผมที่บ้านที่สุราษฎร์ เราลาพ่อกับแม่กลับ เราไปถึงกระบี่ เราเข้าพักที่บังกะโลแห่งหนึ่ง วันนี้ผมมีความสุข
มาก เป็นวันครบรอบปีแรกที่สวยงามมาก แล้วมันก็เป็นครั้งเดียว เรากับมาใช้ชีวิตด้วยกันที่ภูเก็ต ผมก็ทำตัวตามปกติเช่น
ที่เคยทำมา แล้วก็ถึงวันที่ผมต้องทำให้ เธอเสียใจ เธฮเสียใจมาก เพียงเพราะความสนุกของผม โดยที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิด
เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ความรักของเราเริ่มสั่นคลอน เรื่องมันมีอยู่ว่า วันนั้นประมาณกลางปีที่สองที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ผมเล่นอินเตอเน็ตแล้วได้คุยได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่พัทยา เราคุยกันทางอินเตอเน็ตบ่อยมากในช่วงนั้นคงเป็นเพราะ
ควาเหงาที่ผมต้องอยู่คนเดียว เพราะช่วงนั้น ฟ้า เธอลาพักร้อนหลายวัน ผมกับผู้คนนั้นเริ่มสนิทกันเขาเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ
กับผม ผมไม่ได้ให้ความหวังอะไรเค้านะ ผมแค่คุยไปเล่น ๆ ว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว แล้วเธอต้องไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือก
ให้ ผมทำไปเพราะความสนุก ผู้หญิงคนนั้นก็คิดกับผมเป็นจริงเป็นจังกับผมขึ้นมา จนในที่สุดเธอก็บอกว่ารักผม ผมเริ่ม
จะเลิกติดต่อกับเธอ แต่เธอก็ยังติดต่อมาหาผมบ่อยขึ้น ผมพยายามบ่ายเบี่ยงไปจนในที่สุดเธอคนนั้นก็ง่ายไป แล้ววันนึง
ผู้หญิงคนนั้นก็โทรมาหาผม แต่ฟ้าเป็นคนรับสาย เค้าสองคนคุยกันนานพอสมควร ฟ้าเดินมาหาผมที่ห้องเธอขว้าง
โทรศัพท์ใส่หน้าผม แล้วต่อว่าผมต่าง ๆ นา ๆ เธอเสียใจมาก ผมก็ยอมรับนะว่าผมผิด แต่ผมไม่ได้มีอะไรจริง ๆ ผมไม่ได้รัก
ผู้หญิงคนนั้นผมคิดกับเธอแค่เพื่อน แค่เพื่อนจริง ๆ ผมเองก็เสียใจมากที่ต้องให้คนที่ผมรักต้องเสียใจ เธอไม่คุยกับผมอยู่
หลายวัน เธอแอบนอนร้องให้ เธอเริ่มเย็นชากับผม เวลาผ่านไปได้ไม่นานก็ต้องมีเรื่องที่ต้องทำให้ ฟ้า เข้าใจผมผิดอีกครั้ง
วันนั้นเพื่อนที่ทำงานของฟ้าชวนผมไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งในตัวเมือง ผมเลยขอพี่เค้าว่าจะชวนหลานสาว
ของผู้จัดการผมไปด้วยได้มั๊ย ผมคิดว่าไม่เป็นไรหรอกนะที่ผมไม่ได้บอกฟ้าก่อน เพราะมีเพื่อนของเธอไปด้วย แล้วฟ้า
ก็รู้จักหลานสาวของผู้จัดการคนนี้แล้ว แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด เราสามคนนั่งที่ผับจนผับเลิกผมขับรถไปส่งหลาน
สาวผู้จัดการที่ ที่พักโดนที่มีเพื่อนของฟ้าไปด้วย ส่งถึงที่พักหลานสาวผู้จัดการผมก็ไปกินข้าวกับเพื่อนที่งาน ฟ้าต่อ เรา
กลับมาถึงบ้านช่วงเวลาตีสอง เพื่อนที่ทำงานผมได้โทรมาว่าทำไมไม่ไปงานเลี้ยงที่ที่ทำงานจัดขึ้น ถ้าผมไม่ไปก็ไม่ต้องคบ
กันต่อ ด้วยความเกรงใจผมเลยตัดสินใจไป ผมเลยบอกกับเพื่อนที่ทำงานฟ้าว่าผมจะไปงานเลี้ยงต่อ ให้เพื่อนฟ้าขึ้นไป
นอนก่อน แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปบอกฟ้า เพราะผมคิดว่าคงไปไม่นาน เพราะผมเองก็ไม่ไหวแล้ว ไปนั่งสักพักก็คงกลับ คงไม่
เป็นไรหรอกที่ไม่ได้บอกฟ้าก่อน เมื่อไปถึงงานเลี้ยงผมนั่งสักพักก็ขอตัวกลับ แต่พี่ ๆ เค้ารั่งไว้ ด้วยความเกรงใจ ผมเลย
ต้องนั่งต่อ คงเป็นเพราะว่าผมไม่ได้คิดอะไรเลย นั่งจนใกล้สว่าง ได้โอกาสผมเลยขอตัวกลับอีกครั้ง ผมกลับมาถึงบ้าน
เห็ยฟ้า เธอนอนหลับอยู่ ผมเลยไม่ปลุก ด้วยความเมา ผมเลยหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ตกตอนสายผมตื้นขึ้นมาผม
อาบน้ำล้างหน้าแต่งตัวเสร็จ ผมก็ชวน ฟ้า ไปกินข้าวข้างนอก เธอเฉย ๆ ไม่พูดอะไรกับผมเลย ผมก็สงสัยนะว่ามันเกิดอะไร
ขึ้นแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่คิดว่าเธอคงจะโกรธที่ผมดื่มหนัก ผมขับรถไปได้สักครึ่งทาง ฟ้าก็เอ่ยถามผมว่า
"เมื่อคืนไปไหนมา กลับถึงบ้านแล้วไปไหนอีก ทำไมไม่เข้าบ้าน" ผมเลยอธิบายให้เธอฟัง เธอไม่เชื่อผม "แล้วทำไมต้อง
พาหลานสาวผู้จัดการไปด้วย ทำไมถึงไม่บอกก่อน "เธอเริ่มใส่อารมณ์กับผม "ก็ตอนที่ออกไปยังไม่ได้คิดว่าจะชวน แล้ว
ที่ชวนไปก็เห็นว่ามีเพื่อนเธอไปด้วแล้วก็เป็นผู้หญิงเหมื่อนกัน อีกอย่างฟ้าก้รู้จักแล้วด้วย แล้วที่ไม่เข้าบ้านก้ไปงานเลี้ยง
ที่ทำงานมา จะไม่ไปก้เกรงใจ เพราะ ผู้ใหญ่ทั่งนั้น เค้าโทรมาตามหลายครั้งแล้ว" ผมอธิบายให้ ฟ้า ฟังอีกครั้ง "กลับไปหา
มันมาใช่มั๊ย"ฟ้าตะคอกใส่ผมน้ำตาเธอไหลออกมานอกเต็มใบหน้า ผมทำอะไรไม่ถูกเลยพยายามอธิบายให้เธอฟังอีก
หลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ฟังผม "ฉันเสียใจมาก ฉันจะไม่รักเธออีกแล้ว" เธอพูดด้วยความเสียใจ ผมรู้ว่าเธอเสียใจ
มากจริง ๆ คงเป็นเรื่อง เก่า ที่ผมทำไว้ เธอเลยไม่ไว้ใจผมอีก ผมเข้าใจนะ เพราะเธอรักผมมาก .................
ระยะหลังที่เกิดเรื่องขึ้นเรามีปากเสียงกันบ่อยมาก แต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าเพื่อน ๆ ของเธอ เธอทำยังกับว่าเราไม่ได้
มีปัญหาอะไรกัน เธอกลัวเสียหน้ามาก เธออาย เธอรักศักดิ์ศรีของเธอ ผมก็ยอมรับว่าผมผิด แต่สิ่งที่ผมทำผมไม่ได้มีอะไร
เกินเลยไปในทางชู้สาวเลย เราพยายามคุยกันดี ๆ เธอบอกว่าเธอต้องการผู้นำของครอบครัว ผมยังเด็กเกินไป ผมอ่อนแอ
เกินไป เพราะเธอจะเห็นน้ำตาผมทุกครั้งที่ผมเสียใจ ผมรักเธอมาก เวลามีปํญหากันผมอึดอัดมาก ผมไม่สามารถอธิบาย
หรือระบายให้ใครฟังได้เลย แล้วเธอก็เปลี่ยนไปมาก ผมพยายามทำตัวเป็นผู้นำที่ดี เธอก็โกรธผมว่าผมนะไม่ให้เกรียติเธอ
เธอถามความเห็นของผม พอผมเสนอไปเธอกลับไม่พอใจไม่เลยสักครั้งที่จะพอใจ ถึงจะทำตามก็ทำไปงั่น ๆ เธอแสดงออก
ทางสีหน้าชัดเจนมากจนผมรับรู้ได้ แล้วผมก็เริ่มรู้สึกได้ว่าเธอเริ่มหมดรักผมแล้ว ครั้งหนึ่งผมคิดอะไรไม่ออก ผมหาทาง
ออกไม่เจอ มันตันจริง ๆ มันมืดไปหมด วันนั้นเรามีปัญหากันเรื่องเก่า เธอพยายามเก็บเอาเรื่อง ๆเก่า มาชวนผมทะเลาะ
ตลอด ผมอธิบายยังไงเธอก็ไม่ฟังผมอึดอัดมาก ผมพลักเธอล้มลงบนที่นอน เพราะกลัวว่าเธอจะเข้ามาทำร้ายผม ผม
ทำไปด้วยสัญชาตญานที่ป้องกันตัว ผมเสียใจมากกับการกระทำของผมครั้งนั้น ผมนั่งลงร้องไห้ ขอโทษเธอ ผมกราบ
ขอโทษเธอ ดดยที่ไม่นึกถึงศักดิ์ศรีลุกผุ้ชายเลย แต่ผมไม่สนใจหรอกนะ เพราะที่มต้องการเธอผมรักเธอมาก ศักดิ์ศรีอะไร
ผมไม่สนใจทั่งนั้นเพราะมันหมดไปตั่งนานแล้ว หมดไปตั่งแต่ผมได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอแล้ว ด้วยวัยของเราที่ต่างกัน
เธอมีอายุมากกว่าผมถึง 7 ปี ในสายตาเธอไม่เคยมองผมเป็นผู้ใหญ่เลย ที่ผมต้องอยู่ไม่ใช่ผมไม่มีที่ไป เธอก็เคยไล่ผมนะ
แล้วเธอไม่เคยจะสนใจว่าผมจะอยู่หรือจะไป เหตุการณ์ครั้งนี้ร้ายแรงมาก ผมเลยตัดสินใจออกจากบ้านไปสักพักเพื่อ
ให้อารมณ์เราเย็นลง เราคงคุยกันรู้เรื่องมากกว่าตอนนี้...............................................
ผมออกไปนั่งกินกาแฟกับเพื่อนที่ทำงาน พวกเพื่อน ๆไม่รู้หรอกนะว่าผมเพิ่งทะเลาะกับ ฟ้าไป ผมนั่งคิดถึงเรื่อง
ที่ผมได้กระทำลงไป ผมรู้นะว่าผมผิด ผมขอโทษ ผมคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ผมอึดอัดมาก ผมอยากจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังแต่ก็เกรง
ใจ เพราะต่างคนต่างมีปัญหาของตัวเอง ผมเลยขอตัวกลับบ้าน ผมมาถึงบ้านผมเข้ามานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่บ้านนานมากผม
คิดไปเรื่อย ๆ คิดถึงวันที่เรารักกันใหม่ ๆ คิดถึงคำสัญญาที่เราเคยให้ไว้แก่กัน ขณะที่ผมคิดไปเรื่อย ๆ ผมก็กลัวว่าเธอจะเลิก
กับผม มันเป็นสิ่งที่ผมกลัวมาก และกลัวมาโดยตลอด ผมนั่งมองเธอด้วยความเสียใจที่ผมได้ทำกับเธอไป ผมร้องไห้ออก
มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตอนนี้ผมกลัวมาก กลัวไปทุกสิ่ง แล้วอะไรดลใจให้ผมคิดถึงเรื่องที่จะทำต่อไปก็ไม่รู้ ผมไม่รู้สึกตัวเลย
ผมรู้แต่ว่าผมทนไม่ได้ที่ผมจะต้องเสียเธอไป ผมลุกขึ้นไปหยิบน้ำล้างห้องน้ำมาผสมกับน้ำในเหยือกผมเทน้ำยาล้างห้องน้ำ
ไปเกือบจะหมดขวด " ฟ้าผมรักคุณมากนะ" นั้นคือคำที่ผมพูดก่อนที่จะกินลงไปจนหมด เหยือก เสียงเหยือกน้ำตก
กระแทกกับพื้น จนเธอรู้สึกตัว แล้วผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย...............................................
ผมรู้สึกตัวอีกที่ก็อยู่โรงพยาบาล ผมเจ็บคอมากเลย ผมต้องรอผมจิตแพทย์ก่อนที่ผมจะออกจากโรงพยาบาล
ฟ้า ขอโทษผม เธอบอกว่าเธอเชื่อผม เธอสั่งไม่ให้ผมทำอย่างนั้นอีก แล้วเราก็ใช้ชีวิตด้วยกันต่อไป แต่การกระทำของเธอ
ไม่เป้นเช่นคำพูดที่เธอบอกผม ว่าเธอเชื่อผม ตลอดเวลาเธอบอกว่าเธอรักผมมาก แต่การกระทำของเธอมันไม่ใช่ เธอเริ่ม
คบกับเพื่อนชายหลายคน เธอเคยไปค้างที่เกาะ พี พี กับเพื่อนที่เป็นผู้ชาย โดยไม่ได้บอกผมเลย เธอหนีผมไป เธอทำโดย
ไม่แคร์ความรู้สึกผม ปากเธอก็บอกว่ารักผม เธอทำให้ผมเชื่อว่าเธอรักผมมาก แล้วเธอก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ผมเสียใจ เธอทำ
ยังกับว่าผมไม่มีจิตใจ เวลานี้มีผู้ชายหลายคนเข้ามาในชีวิตเธอ เธอให้ความหวังเค้าเหล่านั้น เค้ากับเธอทำกันอย่างกับว่า
ผมเป็นตัวตลก เธอบอกผมว่าเธอมีความรู้สึกดี ๆ กับเค้าเหล่านั้น ผมพยายามคิดเสมอว่านี้คือการแก้แค้น ผมต้องทน
ที่ต้องเห็นภรรยาตัวเองมีใจให้คนอื้นมาเป็นแรมปี เสียงเค้าหยอกล้อกันทางโทรศัพท์ ผมเสียใจมาก ผมต้องนอนร้องให้
ทั้งน้ำตามาโดยตลอด โดยที่ไม่มีใครรู้เลย ผมต้องเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว ทุกคนไม่ว่าใคร เพื่อนเธอ เพื่อนผมยังอิจฉาใน
ความรักเราเหมื่อนเคย ทุกคนรู้ว่าเรารักกันมาก เธอเองก็รักผมมาก จริง ๆ ต่อหน้าคนเหล่านั้น เธอทำได้แนบเนียนมาก
ไม่มีใครรู้เลย จนในที่สุดวันที่เราต้องจากกัน จริง ๆ ก็มาถึง
เธอบอกผมว่าเธอมีผู้ชายอีกคน เป็นคนที่ พ่อ แม่ เธอ ต้องการจะให้แต่งงานด้วย เธอบอกผมว่าเธอรักเค้า
ทั่ง ๆ ที่เธอยังอยู่กับผมยังนอนอยู่ในอ้อมกอดของผม เธอบอกว่าเธอแค่สงสารผม เธอต้องการคนที่เป็นผู้นำของครอบครัว
ที่เธออยู่กับผมตอนนี้ เธอแค่ต้องการรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมต้องเสียไปในการใช้ชีวิตอยู่กับเธอ
ความจริงในการกระทำของเธอเริ่มชัดเจนขึ้นหลังจากที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในปีที่สาม หลังจากวันที่สิห้าเมษา
ได้ไม่กี่วัน เธอได้ทำหนังสือขอไปช่วยราชการที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อที่จะช้าวลาดูแลพ่อที่ป่วยเป็นเวลาสองเดือน
ก่อนหน้านี้เธอก็ยังติดต่อกับเค้าคนนั้นตลอดเวลา เวลานั้นผมก็คงยังใช้ชีวิตอยู่กับเธอ เธอทำไปโดยไม่แคร์ผมเลยว่าจะรู้
สึกอย่างไร ผมก็พยายามสู้เพื่อให้ได้ความรักจากเธอคืนมา ผมพยายามคิดว่าเธอยังโกรธผมอยู่ เธอเพียงต้องการให้ผมรู้
ว่าความรู้สึกเจ็บเป็นเช่นไร ผมก็จะสู้ ผมเคยไปที่บ้านของเธอ คนที่บ้านของเธอแสดงกิริยาออกมาอย่างเห็นได้ชัดเลยว่า
ไม่พอใจที่ผมไปเหยียบบ้านเค้า เค้าคงรังเกียจผม เค้าคงกลัวว่าที่ลูกเขยเค้าเสียความรู้สึก เค้าคงอายมากที่ได้ผมเป็น
ลูกเขยเค้า ใช่ซิผมคงสู้คนที่เค้าเลือกให้ลูกสาวเค้าไม่ได้ ผมมันแค่พนักงานตำแหน่งเล็ก ๆ คงสู้กับปลัดไม่ได้ เค้าคงชอบ
เจ้าคนนายคน ฝังลึกกับการสร้างภาพ กลัวปากชาวบ้านที่จะพูดออกไป แคร์ชาวบ้านมาก ผมยากถามจังเลยว่า เค้าจะมาล้าง
ถ้วยล้างชามให้มั๊ย เค้าจะทำอย่างที่ผมเคยทำได้มั๊ย แต่คำตอบก้คงว่า ได้
เธอเองก็เช่นกันคงอยากจะมีหน้ามีตา คงไม่อยากมาตกระกำรำบากกับผม ผมไม่โทษเธอหลอกนะเพราะผู้หญิง
ก็ต้องการความสบายในชีวิต ผมเองก็พยายามทุกวิถีทางที่จะรั่งเธอไว้ ผมหางานเสริมทำด้วยการค้าขายตามตลาดนัด
ใช้เงินอย่างประหยัด 500 บาทที่ผมมีตอนที่เธอไม่อยู่ ผมใช้ถึงสามอาทิตย์ แล้วใช้ที่ภูเก็ตอีกค้าครองชีพสูงมากเลย
แต่นี่ไม่ใช่สาระสำคัญหรอกนะ ตลอดเวลาที่เธอใช้ชีวิตคนเดียวโดยไม่มีผม เธอเริ่มรักผมน้อยลง ๆ เข้าทุกวัน
แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งโทรเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนผม ผู้หญิงคนนี้โทรเข้าที่มือถือเธอ
แล้วบอกว่าผมให้เบอร์ไว้ แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วนะว่ามันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ถ้ามีใครอีกคนจริง ๆ ผมไม่โง่พอที่จะให้เบอร์ภรรยา
ของผมแก่เค้าหลอก ผมคิดว่ามันคงเป็นแผนของใครคนใดคนหนึ่ง ที่ต้องการให้ผมกับเธอเข้าใจผิดกัน แต่ผมไม่อยากเชื่อ
ว่าเธอจะเชื่อ เธอเชื่อเอามาก ๆด้วย
ถึงตอนนี้ผมไม่รู้จะทำไงดี เหงาจังผมใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำเก่า ๆ ที่เคยมีเธอมีผม ร้านอาหารที่เคยกินด้วย
กัน ชายหาดที่เคยจูงเดินจูงมือ ความอบอุ่นที่เคยได้รับ คำหวาน ๆ ที่เคยมอบให้แก่กัน ผมหมดปัญญาที่จะรั่งเธอไว้แล้ว
เธอสัญญาว่าเธอยังจะไม่แต่งงานโดยที่ยังมีผมอยู่แต่การกระทำของเธอ มันทำให้เห็นว่าเธอรักใครคนนั้นขึ้นทุกวัน แล้ว
รักผมน้อยลงทุกวัน ๆ แล้วก็หมดลงในที่สุด ผมยังคิดถึงเธอได้ใช่มั๊ย รับได้ไม่ได้ผมก็ต้องยอมรับ ทนได้ไม่ได้ผมก็ต้อง
ยอมทน มันโหดร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก มีหลายครั้งที่ตั้งคำถาม ถามเธอว่าทำไมถึงได้ทิ้งกันไป คนที่เธอเคยบอกว่า
รักแล้วจะไม่ทำให้เสียใจ คนที่เคยบอกว่าอยากจะอยู่ใกล้ ๆ ตลอดไป เป็นความตั้งใจของเธอหรือไงที่ทำฉันหล่นหายไปจาก
ชีวิตของเธอ มันโหดร้ายตรงที่เธอไม่มีทางเลือกให้ฉันเลย ไม่มีแม้แต่เวลาให้ตั้งตัวและเตรียมใจ
คงไม่สร้างความรำคาญให้เธอมากไปใช่ไหม ? มันไม่สำคัญที่จะตอบอย่างไร แต่เธอคงไม่สามารถทำร้ายฉัน
ได้มากกว่านี้ได้อีกแล้ว ผมควรจะยินดีกับเธอซิถึงจะถูก อย่างน้อยเธอก็มีคนดี ๆ อยู่ข้างกาย.........
***********------------------------------------------------------------------------*************
ผมได้พบบันทึกเหล่านี้ก่อนงานแต่งงานของฟ้าจะเกิดขึ้นไม่กี่วัน แต่ผมไม่เจอ เป้ คนที่เขียนบันทึกนี่ไว้เลย
แล้ววันนี้ก็ถึงวันแต่งงานของฟ้ากับชายที่พ่อ แม่ เธอเลือกให้ ผมได้รับเชิญไปในงานพีธีมงคลนี้ด้วย แต่ผมยังไม่เจอเป้เลย
ผมเริ่มเป็นห่วงเขามาก แต่ผมก็ได้แต่ภาวนาให้ เป้ ทำใจได้....................................
ขณะที่พิธีกรบนเวทีจะประกาศถึงงานพิธีมงคลสมรสระหว่าง....................สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ผมหันไปทางต้นกำเนิดเสียง ชายในชุดสูทสีดำมีดอกไม้ติดสี
ชมพูติดตรงหน้าอกเสื้อด้านขวา ทุกคนภายในงานต่างแน่นิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายโดนสะกดไว้
ผมหายตกใจวิ้งไปที่ร่างของชายที่นอนแน่นื่งตรงประตูทางเข้า เลือดสีแดงสาดนองทั่วพื้น เป้ !................
ผมตะโกนสุดเสียงก่อนล้มตัวอุ้ม เป้ วิ่งขึ้นรถนำส่งโรงพยาบาล แต่สายไปเสียแล้ว คมกระสุนขนาด
9 มม. ตัดตรงขั่วหัวใจพอดี..............
ในมือเป้ มีกระดาษเขียนข้อความไว้ว่า.................
ผมขอโทษที่ผมผิดสัญญา ผมเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่ทำอย่างนี้ แต่เมื่อ คุณก็ ผิดสัญญาที่ให้ไว้
กับผม คุณสัญญาว่าจะรักผม จะแต่งงานกับผม ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ผมขอจากคุณไป ผมไม่
สามารถอยู่ได้โดยไม่มีคุณ ผมจะไม่สร้างความเดือดร้อน ให้คุณอีกแล้ว ผมดีใจกับพ่อ แม่คุณ
ด้วยนะ ที่ได้ลูกเขยที่มีหน้ามีตาสมใจปราถนา ผมจะไม่ไปไหนไกลหรอกนะ ผมจะคอยมอง
ดูคุณอยู่ใกล้ ๆ อย่าลืมนะว่าเรายังไม่ได้เลิกกัน เรายังเป็นสามีภรรยากันแม้มันจะไม่ถูกต้อง
ตามกฏหมาย แต่ทางสังคม ผมคือสามีคุณ
รักคุณมากนะ
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เจอ ฟ้า อีกเลย ไม่ทราบด้วยว่า งานแต่งงานของเธอยังดำเนินต่อไปหรือไม่
ส่วนงานพีธี ศพ เป้ ก็ไม่มี ใคร มีแค่ญาติ พี่น้อง กับคนที่สนิทไม่กี่คน
ทุกวันนี้ผมยังคงได้ยิน เป้ มาบอกผมเสมอ ... เสมอว่า เขารักฟ้ามาก
ขอบคุณ เป้ ที่เขียนบันทึกนี้ไว้
ขอบคุณ สถานที่ ที่ให้แสดงเรื่องราว
ขอบคุณหนังสือของความรักฉบับเหงา
ที่มอบบางถ้อยคำให้แต่งเติมลงในบันทึกนี้