11 เมษายน 2547 23:39 น.
น้ำตาซาตาน
ต่อจากตอนที่แล้ว
หวนระลึก...นึกพร่ำ...คำพระสอน
ว่าเมื่อก่อน...มีปัญหา...อย่าสะเพร่า
ใช้สติ...ตริตรอง...สมองเรา
ขับความเขลา...ไกลพ้น...อย่าสนใจ
พระพุทธองค์...ทรงตรัส...อย่างชัดเจน
ว่ามีเวร...หาระงับ...ดับเวรไม่
แท้ที่จริง...ควรดับ...ขับเวรภัย
ด้วยความไม่...ใส่ใจ...ในเพราะเวร
ชายดังกล่าว...เฝ้าฟัง...อย่างตั้งใจ
ว่าลูกชาย...คือชาย...ที่ยืนเด่น
ตามล่าตัว...คนชั่ว...ตัวเหลือเดน
ไม่ซ่อนเร้น...ปิดหน้า...น้ำตาคลอ
โอ้ลูกเอ๋ย..หลายสิบปี...มีแต่ทุกข์
เหมือนติดคุก...คุมขัง...ช่างทดท้อ
แม้ร่างกาย...เดินได้...แต่ใจหนอ
มันอ้อล้อ...อ่อนล้า ...ตาตกใน
ในชีวิต...เพียงหวัง...สักครั้งหนึ่ง
ได้พบซึ่ง...ลูกรัก...ประจักษ์ใจ
หลังจากนั้น...จะห่ำหั่น...ให้บรรลัย
ก็สุดใจ...ยอมตาย...ไร้น้ำตา
นายตำรวจ...ปวดใจ...พอได้ฟัง
ที่พ่อพลั้ง...ทำชั่วเพราะตัว...หนา
คุกเข่ากราบ...แทบเท้า...เฝ้าบิดา
หลั่งน้ำตา...บิดา...ถูกจองจำ..!
10 เมษายน 2547 13:37 น.
น้ำตาซาตาน
ต่อจากตอนที่แล้ว
ฟังผู้ร้ายใจหมาผู้ฆ่าพ่อ
หยุดรั้งรอฟังความตามประสา
บันบ่งบอกชอกช้ำซ้ำอุรา
ที่เข่นฆ่าเพราะอุรามันช้ำใน
มันมีเมียเคลียคลอก่อรักมั่น
มินานวันมีท้องสองเดือนได้
ประสบเคราะห์เหมาะสมต้องตรมใจ
ด้วยฝ่ายชายต้องไปรับใช้ชาติ
เป็นทหารผ่านไปได้หลายปี
ผู้สามีกลับมาอย่างสามารถ
เป็นทหารยิ่งใหญ่ใจองอาจ
นึกฝันวาดเมียเจ้าคงเฝ้ารอ
อนิจจา..เมียเราที่เฝ้าฝัน
ทิ้งรางวัลว่างเปล่าให้เศร้าท้อ
เห็นบ้านร้างว้างอุราน้ำตาคลอ
บุญเราก่อด้วยกันคงสั้นไป
เดินถามไถ่เรียงรายคนใกล้บ้าน
ว่าพบพานเมียรักสักครั้งไหม
ได้ฟังว่าก่อนนี้บ้านมีภัย
มีโรคร้ายกล้ำกลายตายหลายคน
ส่วนเมียเจ้าวาสนาเขายังดี
คนมั่งมีมุ่งหมายไม่ขัดสน
จึงช่วยเหลือเจือจุนให้ทุนตน
เธอยากจนใช่คนหญิงหลายใจ
นี่...สิ่งของเมียเจ้าเขาฝากมา
พอแกะผ้าน้ำตาก็พลันไหล
เป็นภาพเล็กเด็กน้อยผู้กลอยใจ
น้ำตาไหลเลือดพ่อก่อตื่นตัว
เกิดเคียดแค้นสับสนคนชิงรัก
จึงพร้อมพรรคเพื่อนทหารสันดานชั่ว
ฆ่าชิงทรัพย์รับลูกให้ถูกตัว
มืดสลัวจึงหาตัวลูกไม่เจอ
------------------------------
ตำรวจหนุ่มกลุ้มใจได้ฟังความ
คิดไต่ถามมารดาน้ำตาเอ่อ
แท้จริงนั้นพ่อฉันเป็นใครเธอ
อย่าเพ้อเจ้อเล่าความตามเป็นจริง
ลูกจ๋า..ยกโทษอย่าโกรธแม่
อันที่แท้ผู้แม่นั้นทุกข์ยิ่ง
ที่ผ่านมาหัวใจใฝ่ประวิง
หวั่นเจ้ายิงฆ่าพ่อก่อบาปกรรม
อนิจจา..ผ่านมาก็หลายปี
ทุกนาทีมีใจไม่กลายกล้ำ
ปณิธานขานรับจับอธรรม
ทุกคืนค่ำพร่ำหาฆาตกร
เป้าหมายชีวิตไม่คิดจะสรรสร้าง
ต้องหักล้างคนชั่วช้าฆ่าบิดร
มีความแค้นในใจคิดไถ่ถอน
ทุกคืนนอนถอนใจในนิมิต
มาบัดนี้คนชั่วที่ตัวหมาย
มากลับกลายเป็นบิดาสาโลหิต
ยากตัดแค้นแน่นใจที่ใฝ่คิด
ยากตัดชีวิตผู้กำเนิดบังเกิดเกล้า
9 เมษายน 2547 19:24 น.
น้ำตาซาตาน
ยังจำมั่นคืนนั้นเหมือนฝันร้าย
มีผู้ชายสี่-ห้าดุจบ้าบิ่น
บุกบุ่มบ่ามบนบ้านอย่างชาญชิน
คนทั้งสิ้นชั่วช้าคนบ้าบอ
ชุดสีดำตัวคล้ำดำทะมึน
บ้างถือปืนบ้างยืนจับตัวพ่อ
ทั้งเตะต่อยปล่อยหมัดบ้างขัดคอ
จนตัวพ่อนอนงอเลือดหลั่งริน
หลังทั้งหมดเลี้ยวลดล้าถดถอย
เด็กตัวน้อยค่อยค่อยขยับดิ้น
หลังซ่อนตัวใต้เตียงเพียงได้ยิน
เหตุทั้งสิ้นต่อหน้าน้ำตานอง
แม่กลับมาน้ำตาเป็นสายน้ำ
ปากก็พร่ำร่ำไห้ไม่เป็นสอง
แม่กับลูกกอดกันกลมตรมตรอง
ไม่หยุดร้องเมื่อหมอ...บอกพ่อตาย
เก็บความเศร้าเรื่องราวที่เจ็บช้ำ
แต่ยังจำเรื่องนั้นอย่างมั่นหมาย
ผ่านเวลาศึกษามามากมาย
สมมุ่งหมายเป็นตำรวจไม่ปวดใจ
เคยคิดวาดคาดไว้ได้เป็นครู
เหมือนดังผู้มารดาเจตนาไว้
เมื่อมีเหตุเจตนามาเปลี่ยนไป
ขอมอบใจใฝ่ดีมุ่งพลีตน
ในใจนั้นสัญญาจะล่าตาม
ขอทวงถามความแค้นแน่นกมล
ไอ้ผู้ร้ายใจหมาที่ฆ่าคน
ไม่ยอมทนร่วมฟ้ากับซาตาน
จากตำรวจต่ำต้อยผู้น้อยค่า
ผ่านเวลาเป็นหัวหน้าประจัญบาน
สืบเสาะหาคนฆ่ามือสังหาร
ถึงจะผ่านกาลนานไม่คร้านครา
ฟ้ามีตาเห็นค่าของความดี
หลายสิบปีเริ่มมีที่ค้นหา
จนสุดท้ายจับได้ดั่งหมายตา
จากสี่-ห้าเหลือมาเพียงสองคน
สารภาพหมดใจได้เข่นฆ่า
ที่แล้วมาพวกข้าเคยฆ่าปล้น
บาปครั้งนั้นเหมือนทันในบันดล
อีกสามคนล้วนตายไม่ได้ดี
ความแค้นคั่งภายในใจไม่น้อย
จากรอคอยขอปล่อยในวันนี้
เพียงเหนี่ยวไกวิสามัญมันทันที
หลังจากนี้ทิ้งยาไว้..ให้ร้ายมัน
ไอ้ผู้ร้ายก่อนตายมิวายพร่ำ
บ่นพึมพำนำรูปมาจูบสั่น
รูปใบเก่าสีเทาเงาเป็นมัน
จึงร่วงพลันจากมือที่ถือไว้
มิคาดคิดภาพเก่าสีเทานั้น
เป็นภาพฉันตัวอวบขวบกว่าได้
นอนแนบอกผู้แม่งอแงไห้
อดสงสัยไฉนมันจึงพกพา
5 เมษายน 2547 23:07 น.
น้ำตาซาตาน
เธองดงามยามยิ้มช่างพิมพ์ใจ
สวยละไมใดใดไม่เทียมเท่า
ผมสลวยยามสะพัดกลิ่นยวนเย้า
กายดังเคล้าน้ำหอมทิพย์สุคันธา
เราพบกันสวรรค์นั้นกลั่นแกล้ง
เราขัดแย้งต่างกันช่างสรรหา
เธอสูงส่งดังหงส์ขาว พราวนภา
เราต่ำค่าเพียงหมาไร้ค่ามอง
ด้วยเกเรเสเพลเถลไถล
ไม่มีใครสนใจไม่เกี่ยวข้อง
พบพานเพื่อนฝูงเมืองกรุงทอง
ใจลำพองเลือดกรุ่นวัยรุ่นแรง
จึงลืมบ้านพ่อแม่ไม่แคร์อีก
หนีตัวปลีกเถลไถลใจเหือดแห้ง
มีชีวิตสุขสันต์ตีฟันแทง
ซิ่งรถแข่งให้เขาแช่งกันทั้งเมือง
พรหมลิขิตไม่คิดในคืนนั้น
บึ่งรถพลันไม่ทันได้รู้เรื่อง
รถเก๋งโก้โผล่มาน่าขัดเคือง
ไม่ชำเลืองชนโครมเครื่องกระจาย
เจ้าของรถคือเธอผู้เลอโฉม
เรานอนโทรมรวยรินเลือดสิ้นกาย
ปลงชีวิตไม่คิดคราเคราะห์ร้าย
สมมุ่งหมายไอ้ผู้ร้ายตายก็ดี
ในความมืดฝันเห็นพ่อและแม่
เห็นท่านแก่นองหน้าน้ำตาปรี่
จากบัดนั้นกระทั่งมาบัดนี้
จะร้ายดีลูกชายไม่กลับมา
ตอนตัวเด็กเล็กเล็กแม่โอบกอด
พร้อมพร่ำพรอดกอดไว้ในอุรา
เราร้อนรุ่มร้องไห้ไม่นำพา
ท่านอาสาอดหลับขับเพลงไกว
พ่อสอนสั่งกระทั่งลูกไปเรียน
ให้หมั่นเพียรอ่านเขียนจงขยันไว้
มิคาดคิดโตเราเอาแต่ใจ
ไม่ฟังใครช่างร้ายทรพี
ในความมืดคิดฝันในทันใด
ถ้ารอดได้ไม่ตายในครั้งนี้
ขอกลับตัวหัวใจขอใฝ่ดี
นับแต่นี้ไม่มีความเสเพล
ลืมตาตื่นจากภวังค์ช่างกังขา
มีนางฟ้าไปมาน่าสนเท่ห์
หรือนี่ฝันเรานั้นฝันโลเล
คนเกเรไหนมีผีคุ้มครอง
เธอนางฟ้ามิผิดจากคิดไว้
คือผู้ให้ชีวิตมิผิดพร่อง
รถเก๋งโก้คันโตเธอเป็นเจ้าของ
จึงร่ำร้องแตกดื่นในคืนเคราะห์
ผ่านเจ็ดวันเรานั้นไม่ทันฟื้น
เธอแตกตื่นหวั่นไหวไม่สมเหมาะ
โทษตัวเองเกรงประมาทจึงฟาดเคราะห์
นึกเย้ยเยาะเคราะห์กรรมระกำใจ
ค่ำคืนนั้นมิทันได้ใคร่ครวญ
เธอจึงด่วนขับรถมิลดได้
พ่อกับแม่มีปัญหาที่คาใจ
เถียงกันใหญ่ตัดใจบึ่งออกมา
เราฟังเธอเธอฟังเราเศร้าดวงจิต
ไม่เอาผิดติดใจในโทสา
ปลอดภัยพ้นความตายไม่นำพา
ก็ถือว่าโชคชะตายังคงดี
ได้รับรู้เรื่องราวเธอเล่าให้
ไม่สุขใจใครใครไม่เข้าที
พ่อไปทางแม่บาดหมางจางฤดี
เงินมากมีความสุขีไม่มีมา
จุดเล็กเล็กจุดนี้ที่มีให้
จึงกลับกลายความเห็นใจที่มีค่า
คบกับเธอเจอกันทุกวันมา
ใจที่ล้าไร้ค่ากลับมีแรง
ยิ่งนานวันใจมันเริ่มหวั่นไหว
เธอเป็นใครไฉนเราเฝ้าแถลง
มิคู่ควรคิดไกลใจระแวง
ที่จะแบ่งใจเธอละเมอไป
อย่าได้คิดเกินไปไกลกว่านี้
ห้ามฤดีต่อแต่นี้จะหยุดไว้
เก็บน้ำตาหลั่งไว้แต่ข้างใน
อย่าให้ใครเข้าใจข้างใน..เอย.
3 เมษายน 2547 01:29 น.
น้ำตาซาตาน
ตากับยาย อยู่อาศัย ที่ชายเขา
ปลูกผักเนา* ในป่า แสนสุขใส
มีชีวิต ติดดิน พอกินใช้
เลี้ยงแม่ไก่ อาศัย เก็บไข่กิน
มาวันหนึ่ง พระธุดงค์ ท่านทรงกลด
เดินเลี้ยวลด ปักกลด ข้างโขดหิน
ธุดงค์ดั้น ก่อนตะวัน นั้นตกดิน
หวังได้บิณฑ์ อาศัย ยายกับตา
สองตายาย ตื่นเต้น พบเห็นพระ
มีมานะ ปสาทะ แลศรัทธา
มุ่งบุญใหญ่ ใฝ่ใจ พระศาสนา
คิดหุงหา ข้าวปลา ถวายพระธุดงค์
ผักที่ปลุก ถูกแดด นั้นแผดเผา
ล้วนเหี่ยวเฉา เน่าตาย กลายเป็นผง
เหลือแม่ไก่ ลูกติด คิดแล้วปลง
จำต้องส่ง ลงหม้อ พอทำบุญ
ฝ่ายแม่ไก่ ได้ยิน สองยายตา
คิดสนองเจตนา ทดแทนคุณ
น้ำตาไหล เรียกลูก มากกหนุน
แจ้งข่าวบุญ เจตนา กล่าวลาตาย
ว่าลูกเอย เจ้าเคย อยู่กับแม่
นับตั้งแต่ ตัวแม่ ฝักเป็นไข่
ต่อแต่นี้ พรุ่งนี้ เป็นต้นไป
แม่ต้องตาย ให้ตายาย นั้นแกงกิน
ฝ่ายลูกไก่ ทั้งหมด มีเจ็ดตัว
ตามืดมัว เมื่อแม่ จะแดดิ้น
จะอยู่ใย ไร้แม่ ดุจแพภินน์*
จึงทั้งสิ้น กระโดดลง เข้าดงไฟ
อานิสงส์ ข้อนี้ ที่ชี้ชัด
เป็นเครื่องวัด กตัญญู คู่ลูกไก่
หลังกระโดด ตามแม่ เข้ากองไฟ
จึงเป็นดาว ลูกไก่ บนท้องฟ้า
ถ้าความดี คนดี ที่ทำไว้
หลังจากตาย กลับกลาย เป็นดารา*
หวังทุกคน สร้างกุศล คนละครา
บนท้องฟ้า คงแพรวพราว ดาวคนละดวง
*เนา ภาษาขอม แปลว่าอยู่
* ภินน์ ภาษาบาลี แปลว่าแตก
* ดารา ภาษาบาลี แปลว่าดาว