30 กรกฎาคม 2547 03:50 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
โลกกลม-กลม
ความขื่นขมไม่เคยหายไปไหน
ถ้าอยู่ใต้ดินคงไม่มีอากาศหายใจ
จึงต้องเผชิญหน้าทุกครั้งไปเพราะไร้หนทาง
อารมณ์วูบหนึ่ง
เปลี่ยนคนๆนึงได้ไร้สิ่งใดกีดขวาง
พอตอนนี้นึกย้อนภาพกลับไปก็ไม่เลือนลาง
ความทรงจำที่ไม่เคยจาง ยิ่งทำให้อ้างว้างทุกที
เพลงที่เคยว่าเพราะ
ทำไมไม่เหมาะกับเวลานี้
อะไรที่เคยฝัน เคยเป็นเงา ตอนนี้ไม่เหลือรากเหง้าจากสิ่งดี
เพลงสุดโปรดที่ฟังเป็นปี แต่ตอนนี้ไม่มีความหมายอะไร
ใจที่แข็งแกร่ง
แต่ตอนนี้ไม่รู้จะเอาแรงมาจากไหน
ถึงแม้จะลืมตาก็ใช่ว่าจะยังมีลมหายใจ
ไม่ว่าจะไปที่ใด ก็มีแต่วิญญาณไป ใช่ตัวเรา
วันผ่านไปแต่ละวัน
เหมือนว่าฉันนั้นโง่เขลา
ไร้คนสนใจ ไม่เห็นใคร แม้เงา
อยากตะโกนออกมาทุกคราว เมื่อความเหงาเข้าใกล้กัน
ฟ้าสางของรุ่งอรุณ
ก็ไม่เคยมีความอบอุ่นให้ฉัน
เป็นคนเลือดเย็น ดื่มเลือดเซ่นพระจันทร์
ไม่เคยรู้จัก ทรมาน เพราะสิ่งที่ต้องการ ไม่เคยผ่านเข้ามา
เพราะเป็นคนไร้เงา
ใครเขาจึงไม่มาหา
สีแดงเลือดจากดวงตา
ปลุกเราล่าด้วยแสงส่องของพระจันทร์
เป็นคนแบบนี้ก็มีความรู้สึก
ไม่อยากให้เธอปิดผนึกความเป็น ฉัน
แค่โลงศพปิดฉันก็พอ ขอเธออย่าปิดใจไม่รักกัน
แต่ก็รู้ถึงความสำคัญ เธอกับฉัน ต่างกันเหลือเกิน
25 กรกฎาคม 2547 06:25 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
...อย่าเหยียดหยาม...แม้นต่างสีหรือที่อยู่
อย่าข่มขู่ขังกักหรือผลักไส
เป็นเช่นคนจากเขตขามหยามทำไม
ดูถูกไปก็ตัวตนคนเหมือนกัน
หรือ ...คุณ... มีปีกทอง... กางส่องฟ้า
หรือ ...หน้าตาสวยเลิศ...งามเฉิดฉัน
หรือ ...ต่างตรงภาษา...ว่าไม่ทัน
ตัว ...คุณนั้น...จึงผยอง... ลำพองใจ
ทั้ง ...ผิว...ผม... แตกต่างห่างกันสุด
...คุณ...จึงขุดความ... เลิศล้ำนำสมัย
ถึงจะเลิศหรูหรากว่าชาติใด
หยามทำไม ...คุณ...เดินบนถนน... เหมือนกัน
8 กรกฎาคม 2547 20:47 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
เจ้า เห็นขี้ แล้วว่า ดีกว่าไส้
เฉือนดวงใจข้าจริงแม่หญิงจ๋า
ถ้า เห็นขี้ ดีจริงไยวิ่งมา
ซบลงบ่าผู้เป็น ไส้ ให้ดูแล
เหมือนกระดี่ได้น้ำทำระริก
เมื่อ ขี้ จิกหัวไล่ไม่แยแส
ต้องร้องไห้เช้าเย็นเป็นขี้แย
ไส้ ทำแผลเรียบร้อยค่อยย่องไป
เที่ยวตามผับ คลับ บาร์ เต้นบ้าคลั่ง
มิเคยฟังมารดาถาม กลับยามไหน
คำถามไม่ยากเลยเฉยทำไม
พูดจริงไปว่า ไม่กลับจากคลับบาร์
เป็นสาวแซ่แร่รวยสวยสะอาด
ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า
แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา
จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง
เพียงเพื่อนชวนก็ไปไม่เคยยั้ง
แม่เอ่ยรั้งบอก จะไปอย่าได้ขวาง
น้ำนมนั้นยังไม่สิ้นกลิ่นยังจาง
ทำเป็นวางมาดสาวกระเส่าชาย
เปรียบเจ้าเป็นมณีที่มีค่า
แต่คงหมดหดราคาน่าใจหาย
มณีขาวเคล้าด่างดำคล้ำระคาย
สลดใจเจ้าหงส์ทองต้องราคี
แต่งตัวตาม แฟชั่นทันสมัย
เดินอวดไปตามห้างสร้างราศี
ถือกระเป๋า หลุยส์ วิตตอง ของผู้ดี
คบคนมี หล่อเหลา พ่อเขารวย
เพื่อนชวนทำการบ้านในวันศุกร์
กลับไปขลุกอยู่กับ แฟน แผนช่างสวย
เขาดมดอม หยอกเย้า เจ้าดวงซวย
เขาไม่รวย แต่หล่อ พ่อทำนา
ดอกไม้งามยับเยินเกินจะบอก
โดนแฟนหลอก เพื่อนไกล ไม่มาหา
หมดความสาวแซ่สวยรวยราคา
เวทนา ตัวเจ้ามาเศร้าตรม
เจ้ายังเป็น หงส์ทอง ครองใจแม่
ไร้ข้อแม้ แค่กลับมาถ้าขื่นขม
เยาวบุตรของข้าอย่าระทม
แม่จะบ่มเจ้างามตามสมควร
เมื่อ เห็นขี้ดีกว่าไส้ ใคร่ครวญนิด
แม้ถ้าผิดรั้งใจอย่าได้หวน
จะตามยุคหรือใครขอให้ครวญ
จะเจ็บจวนถ้า ไส้ ไกลจากนาง
รักแม่หน่อย นะกลอยใจ
4 กรกฎาคม 2547 18:32 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
วิชชุมาลาฉันท์๘
ยืนมองต้องเก้อ เพื่อนเกลออยู่ไหน
โศกเศร้าเสียใจ เพื่อนไยไม่มา
นั่งครวญคร่ำเครียด นึกเกลียดเพื่อนบ้า
เพื่อนหายหน้าตา ไปไหนไกลเรา
เฝ้าตรึกนึกคิด ให้ผิดใจแท้
เพื่อนมาเปลี่ยนแปร ปล่อยให้เราเหงา
ในยามหมองหม่น ทุกข์ทนไม่เบา
ปล่อยให้ต้องเศร้า เพื่อนช่างแสนดี
น่าน้อยใจนัก เพื่อนรักห่างหาย
ฉันนั่งร้องไห้ เขาดันถอยหนี
ไม่มีใครสน เราคนราคี
พอกันสักที ขออยู่คนเดียว
ไม่รู้ว่าใช้ถูกหรือเปล่านะคะ ถ้าไม่ถูกติมาได้ค่ะ