29 มีนาคม 2547 13:39 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
เมื่อหนึ่งรักปักไว้กับใครก่อน
มิอาจถอนรักนั้นให้พลันหาย
เมื่อรักแล้วยากนักจะกลับกลาย
หรือให้สลายหายไปในใจชื่น
ถึงแม้รักเกิดกับใครที่ใจเกลียด
แม้แน่นเสียดเพียงใดใจต้องฝืน
เพราะรักแล้วไม่อาจย้อนหรือถอนคืน
จึงปล่อยใจให้กลมกลืนกับความจริง
My only love
Sprung from
My only hate
เพราะว่ารักจึงพลีกายถวายให้
แค่ดวงใจเจ้ามั่นคงตรงทุกสิ่ง
แม้ความตายจักพรากไปไม่ประวิงค์
ขอแค่เจ้าไม่ทิ้งกันให้หวั่นใจ
อสุชลร่วงรินให้สิ้นคิด
รักหักจิตเราสองต้องหมองไหม้
มีความตายพรากกันให้บรรลัย
เจ้าสิ้นใจจากกันพลันระทม
ทั้งหัวใจตกห้วงที่กลวงมืด
ความจืดชืดเกาะกุมใจให้ขื่นขม
มองรอบกายไม่มีเจ้าข้าเหงาตรม
ใจระบมอยู่เหมือนตายคล้ายๆกัน
ข้าไม่อยากมองฟ้ายืนท้าโลก
ความทุกข์โศกผลาญใจมิใช่ฝัน
รักที่เกิดเพริศพริ้งทิ้งกันพลัน
ข้าโศกศัลย์ตรอมใจตายทั้งเป็น
เจ้าคงอยู่บนฟ้ายิ้มร่ารื่น
ข้าทนฝืนข่มใจให้ยากเข็ญ
เจ้าทิ้งให้แต่ความช้ำสุดลำเค็ญ
ใจข้าเย็นโดดเดี่ยวเปลี่ยวเอกา
เฝ้าอ้อนวอนมัจจุราชพิฆาตฟัน
ให้วิญญาณข้านั้นลอยไปในเวหา
ขอแค่ร่างที่เป็นเช่นวิญญาณ์
ให้ข้าพบกับขวัญตาที่ข้ารอ
ไม่มีเจ้าขออยู่เดี่ยวอย่างเปลี่ยวคู่
ไร้เจ้าอยู่แล้วไซร้ใจทดท้อ
รักจากใครแทนไม่ได้ ไม่เคยพอ
ข้าขอรอจนวันนั้นในบั้นปลาย
26 มีนาคม 2547 15:24 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
ฉันปวดหัวตัวร้อนนอนเป็นไข้
ฉันร้องไห้แล้วเธอไยไม่มาหา
ฉันคิดถึงไยเธอจึงไปไกลตา
ฉันอ่อนล้าเพราะเธอกล้าบอกลากัน
ใหม่คือเขาที่เฝ้ารักปักดวงจิต
จึงขอปิดฉากรักเราที่เฝ้าฝัน
รักที่หวานแต่เธอเฝ้าคอยเผามัน
ข้ามคืนวันเธอนั้นเล่าเฝ้าจากจร
22 มีนาคม 2547 16:16 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
จับดินสอเขียนไปบรรยายโศก
คล้ายว่าโศกทุกข์ทนจนหม่นหมอง
มองรอบข้างแล้วร้องไห้ใจไม่ปอง
แม้จะร้องเพียงใดใครได้ยิน
รอบข้างคือความจริงทิ้งวิเวก
ใจโดนเสกอยู่ภายใต้ในสายสิญจน์
กลัวความช้ำกล้ำกลายทำร้ายสิ้น
ความเคยชินที่เคยได้ไม่อยากจำ
จับดินสอขีดเขียนร้อยเรียงเล่า
เขียนความเหงาที่เผาใจให้คมขำ
เขียนความโศกที่อยู่ในใจสีดำ
เขียนความช้ำบรรยายผ่อนคลายใจ
ฉันโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างว่างเปล่า
ฉันปวดร้าวเศร้านักจักรู้ไหม
ฉันขมขื่นฝืนทนจนโหยไห้
สิ่งที่ได้จากรอบข้างคือห่างกัน
จับดินสอน้ำตานองมองความทุกข์
อยากมีสุขแต่เป็นได้แค่ในฝัน
ยามนี้มีแค่ทุกข์ที่ผูกพัน
ความสุขนั้นห่างไกลไม่กลับคืน
ในหัวอกรู้ตัวดีว่าขี้แพ้
จึงอ่อนแอกับโลกทนโศกฝืน
สิ่งที่ฉันเคยรับได้ไม่ยั่งยืน
ซ้ำต้องทนกล้ำกลืนกลืนน้ำตา
นี่คือสิ่งรอบข้างช่างว่างเปล่า
แสนเหน็บหนาวเหงาใจไม่กังขา
สิ่งที่ได้คือเจ็บซ้ำช้ำเรื่อยมา
เวทนาตัวข้าแท้แพ้ความจริง
จับดินสอบรรยายคลายความเหงา
แม้ตัวเราต้องทุกข์ท้อต่อทุกสิ่ง
ความรู้สึกข้างในไม่ไหวติง
และความจริงที่ได้รับกลับทุกข์ทน
- - - ตอบคุณชัยชนะ - - -
จับปากกาลากเส้นสายบรรยายโศก
ในหัวอก ท้อใจไย ในชีวิต
ดูเดี่ยว เดียวดาย คล้ายมืดมิด
คนใกล้ชิด รอบข้าง มองบ้างเธอ
จาก : รหัสสมาชิก : 5053 - ชัยชนะ
22 มีนาคม 2547 16:16 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
my apologise to everybody. Its technically mistake
18 มีนาคม 2547 03:30 น.
น้ำตากับท้องฟ้าสีคราม
จับดินสอบรรจงลงความคิด
เขียนนถูกผิดดีร้ายได้ทุกอย่าง
เขียนรักล่มจมดินสิ้นหนทาง
เขียนความเหงาอ้างว้างไร้ทางไป
ใช้สมองลองปัญญาค้นหาคำ
แต่งให้ขำให้สนุกสุขสดใส
เติมสีสันในบทกลอนคล้ายสอนใจ
แต่งต่อไปเพราะเอาใจใส่บทกลอน
มือข้างขวาพาลอยล่องท่องความฝัน
คืนผ่านวันผ่านไปไม่หลอกหลอน
เป็นฝันร้ายฝันดีมีทุกตอน
เขียนคำสอน รักลวง พ่วงโชคชะตา
ใช้สมองสร้างสรรค์ให้บรรเจิด
เขียนคำเลิศเพริศหูให้หรูหรา
เขียนความรักความห่วงใยที่ได้มา
เขียนความซ่าส์ ความดีที่ได้ทำ
ความรู้สึกบอกให้มือช่วยรื้อฟื้น
ความขมขื่นฝืนจนทุกข์ทนล้ำ
ความเสียใจในทุกสิ่งทิ้งให้จำ
ความเจ็บช้ำเหลือแสนแน่นในทรวง
มือเริ่มเมื่อยใจเริ่มล้าขอลาก่อน
สมองสั่งอยากพักร้อนอย่างใหญ่หลวง
ความรู้สึกได้จากไกลขอไปทวง
คืนวันล่วงนานเท่าใดใจเหมือนเดิม