24 พฤษภาคม 2547 10:12 น.
น้ำตา_
มีเมืองเล็กๆ ที่สวยและสงบสุขเมืองหนึ่ง มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมาก
ทุกวันพวกเขาจะพากันไป ดู ชม พระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาด
และไปส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ชายหาดตอนโพล้เพล้
ทุกคนที่เคยพวกเขาพบเจอจะมองด้วยสายตาอิจฉาในความรักของคนคู่นี้เสมอ..
แต่แล้ววันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น
หญิงสาวผู้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
เธอนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า เธอก็ยังคงไม่ฟื้นคืนมา
ตอนกลางวัน
ชายหนุ่มจะมาเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง
ร้องเรียกคนรักของเขาเสมอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ตอบสนองใดๆ เลย
ตกกลางคืน
ชายหนุ่มจะไปสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าที่โบสถ์นอกเมือง
เขาร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง ไม่มีจะไหลออกมาอีกแล้ว
ผ่านไป 1 เดือน
หญิงสาวยังคงหลับใหลไม่ฟื้นเหมือนเดิม
ส่วนชายหนุ่มก็ดูจะซูบเซียวขึ้นทุกวัน
แต่ก็ยังคงสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอไม่หยุด
แต่แล้ววันหนึ่ง
พระผู้เจ้าก็เกิดเห็นใจในรักของชายหนุ่ม
และตกลงที่จะ(ประทาน)พรให้แก่เข า
พระผู้เป็นเจ้าได้ถามชายหนุ่มว่า
เจ้ายอมที่จะแลกพรนี้ด้วยชีวิตของเจ้าไหม
ชายหนุ่มตอบโดยไม่ลังเลว่า ผมยอมครับ
พระผู้เป็นเจ้าพูดว่า งั้นดีฉันจะให้คนรักของเจ้าฟื้นขึ้นมา
แต่เจ้าต้องแลกกับการกลายเป็นแมลงปอเป็นเวลา 3 ปี เจ้าจะตกลงยอมไหม
ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้น แต่ก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิม ผมยอมครับ
ฟ้าสางแล้ว
ชายหนุ่มได้กลายเป็นแมลงปอสวยงามตัวหนึ่ง
เขาบอกลาพระผู้เป็นเจ้าแล้วรีบบินกลับไปที่โรงพยาบาล
หญิงสาวฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ
มีนายแพทย์หนุ่มยืนอยู่ข้างๆ เธอ คุยเรื่องอะไรกันสักอย่างหนึ่ง
แต่ช่างเสียดายที่เขาไม่สามารถที่จะได้ยิน..
หลายวันผ่านไป
หญิงสาวแข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
แต่เธอดูไม่มีความสุขเลย เธอออกตระเวนหาข่าวคราวของชายหนุ่ม
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าชายหนุ่มหายไปอยู่ที่ไหน
หญิงสาวยังไม่ละความพยายามที่จะตามหาชายคนรักของเธอ
ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในร่างของเจ้าแมลงปอได้(แต่)บินวนเวียนอยู่รอบตัวหญิงสาวไม่ห่าง
(ทว่า)เขาไม่สามารถที่ส่งเสียง ไม่สามารถโอบกอด(เธอ)
เขาทำได้แค่เพียงเฝ้ามองดูหญิงสาวไม่ให้คาดสายตาเท่านั้น
ฤดูร้อนผ่านไปแล้ว
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดใบไม้ปลิวร่วงหล่นจากต้นไม้ใหญ่
เจ้าแมลงปอจำต้องจากที่นี่ไปแล้ว
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้บินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาว
เขาอยากใช้ปีกของเขาลูบใบหน้าของหญิงสาว
อยากใช้ปากเล็กๆ จูบที่หน้าผาก
แต่อย่างไรก็ดีร่างเล็กบอบบางในคราบของแมลงปอ
ก็ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวได้
แค่พริบตา ฤดูใบไม้ผลิก็มาเยือน
เจ้าแมลงปอรีบบินกลับมาหาคนรักของเขา
เพื่อจะพบว่าร่างอันคุ้นตานั้น บัดนี้ได้ยืนเคียงคู่อยู่กับชายรูปร่างสันทัดคนหนึ่ง
ภาพๆ นั้นทำให้เจ้าแมลงปอเกือบจะบินตกลงมาจากอากาศเลยทีเดียว
ชาวบ้านต่างกล่าวขานถึงเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทำให้ได้พบกับแพทย์หนุ่มที่น่ารัก และ ใจดี คนนั้น
และยังกล่าวถึงความรักของคนทั้งคู่ที่เหมือนถูกกำหนดมาอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอนพวกเขายังคงพูดถึงหญิงสาวที่สดใสร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก
เจ้าแมลงปอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
แมลงปอเห็นแพทย์หนุ่มผู้นั้นพาคนรักของตนไปชายทะเลเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น
พลบค่ำก็อยู่(ที่)ชายหาดเพื่อดูพระอาทิตย์ตก
แต่สำหรับเขาแล้ว
นอกจากบินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาวแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หน้าร้อนของปีนี้ช่างยาวนานนัก
เจ้าแมลงปอบินต่ำลงๆ ทุกวันด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด
เขาไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอที่จะบินเข้าใกล้ หญิงอันเป็นที่รัก
ท่าทางการพูดคุยกันอย่างสนิทสนมของคนทั้งคู่
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทั้งคู่ ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งนัก
ย่างเข้าฤดูร้อนของปีที่ 3
เจ้าแมลงปอไม่ค่อยไปเฝ้าดูคนรักของเขาแล้ว
บ่าของเธอบัดนี้ถูกโอบกอดด้วยมือของแพทย์หนุ่ม
ใบหน้าถูกประทับจูบอย่างเบาๆ จากเขาผู้นั้น
ดูท่าทางแล้วไม่มีทางเลยที่หญิงสาวจะมีเวลาที่จะไปคิดถึงแมลงปอที่เจ็บปวดตัวหนึ่ง
ยิ่งไม่มีทางที่จะไปคิดถึงอดีตสิ่งที่ผ่านไป
วันครบรอบปีที่ 3 ที่พระผู้เป็นกำหนดไว้ใกล้มาถึงแล้ว
คนรักของเจ้าแมลงปอกับนายแพทย์หนุ่มได้จัดพิธีแต่งงานขึ้นในวันสุดท้ายนั้นเอง
เจ้าแมลงปอค่อยๆ บินเข้าไปในโบสถ์ และไปเกาะที่บ่าของพระผู้เป็นเจ้า
เขาได้ยินเสียงของคนรักที่ดังมาจากข้างล่างตอบรับคำสาบานของพระผู้เป็นเจ้าว่า
ฉันยอมรับ
เขาเห็นแพทย์หนุ่มคนนั้นสวมแหวนให้คนรักของเขา
ตามด้วยจุมพิตที่แสนหวานของคนทั้งคู่
เจ้าแมลงปอปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา
พระผู้เป็นเจ้าถามแมลงปอว่า เจ้ารู้สึกเสียใจไหม
เจ้าแมลงปอเช็ดน้ำตาแล้วตอบว่า เปล่า
พระผู้เป็นเจ้าถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า
งั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ได้กลับเป็นเจ้าคนเดิมแล้ว
เจ้าแมลงปอส่ายหน้าอย่างช้าๆ ก่อนตอบว่า
ขอผมเป็นแมลงปออย่างนี้ไปตลอดชีวิตเถอะครับ
บางบุพเพ(ชะตา) ถูกกำหนดมาเพื่อที่ต้องสูญเสียไป
บางบุพเพ ตอนจบไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
รักคน ๆ หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องได้รับรักตอบ แต่
เมื่อได้รับรักจากใครคนหนึ่งเราต้องดูแลรักษามันไว้อย่างดี
บนบ่าของคุณมีแมลงปอไหม..
20 พฤษภาคม 2547 10:13 น.
น้ำตา_
เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ฉันอายุ 6 ขวบ
ขณะกำลังเล่นอยู่ที่ฟาร์มในแคลิฟอร์เนีย
ฉันได้พบเด็กชายที่แลดูธรรมดาคนหนึ่ง
ประเภทที่เขาอาจแหย่คุณและคุณก็แหย่เขากลับกลั่นแกล้งกันไปมา
พูดง่ายๆ ว่าตอนพบกันครั้งแรกนั้นเรารู้สึกดีต่อกัน
แล้วพอได้มาเจอกันอีกก็แหย่กันเล่นตรงบริเวณรั้ว
และที่นั่นก็กลายเป็นที่ที่เราพบกันและเล่นด้วยกันเสมอมา
ฉันน่าจะเล่าความลับของฉันทั้งหมดให้เขาฟังได้นะ
เขาเป็นคนเงียบ ๆ คอยแต่นิ่งฟังเวลาที่ฉันเล่าโน่นนี่
เป็นคนที่ฉันสามารถคุยด้วยได้ทุก ๆ เรื่อง
ตอนอยู่ในโรงเรียนเราอยู่คนละกลุ่ม แต่พอกลับบ้านเราก็จะคุยกันถึงเรื่องราวในโรงเรียน
.....วันหนึ่งฉันบอกเขาว่า เด็กผู้ชายที่ฉันชอบคนหนึ่งหักอกฉัน
เขาปลอบว่าไม่เป็นไรหรอกสักพักมันจะดีไปเอง
ฉันเลยสบายใจขึ้น และยิ่งทำให้นึกว่า เขาเป็นเพื่อนแท้คนหนึ่งของฉัน
นั่นเป็นความรู้สึกในตอนนั้นของฉันจริง ๆ .....
เราเรียนด้วยกันเรื่อยมาจากมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย
คบหากันมาโดยตลอด แม้ฉันจะคิดเสมอว่า เราเป็นแค่เพื่อน
แต่ลึก ๆ แล้ว...ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่
ในคืนวันสำเร็จการศึกษาเราต่างมีคู่นัดไปนั่งฟังเพลงกัน
แต่ฉันก็ยังอยากจะพบเขาอยู่ดี
เมื่อทุกคนกลับบ้านกันหมด ฉันแวะไปหาเขา
เพื่อจะบอกว่าฉันอยากจะขอพบเธอ
อือ ...
นั่นดูเหมือนจะเป็นโอกาสทองของฉันทีเดียว แต่ที่สุดแล้วเราแค่นั่งดูดาว
ผลัดกันเล่าแผนการชีวิตของกันและกัน...
ฉันจ้องตาเขาขณะฟังเขาเล่าว่า เขาอยากแต่งงานและวางหลักปักฐาน
ทั้งยังคุยถึงวิถีทางที่ จะทำให้ตัวเองร่ำรวยและประสบความสำเร็จในชีวิต
...โดยมีฉันนั่งคุดคู้อยู่ข้าง ๆ เขา
คืนนั้นฉันกลับบ้านพร้อมความรู้สึกอันปวดร้าว
ด้วยเหตุที่ฉันไม่ได้พูดออกไปดังใจปรารถนา
ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวใจฉันเจ็บปวด
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉันอยากจะบอกเล่าให้เขาฟังใจจะขาด
แต่ทุกครั้งจะต้องมีใครสักคน อยู่ตรงนั้นด้วยเสมอ
...หลังจากนั้นเขาก็ได้งานทำในนิวยอร์ก
แน่นอนฉันยินดีกับอนาคตอันสดใสนั้น
แต่ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเช่นเดิม
ขณะที่เขากำลังจากไป ฉันกอดเขาแล้วร้องไห้
คิดว่านั่นเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะมีเขาอยู่เคียงข้าง
คืนนั้นฉันร้องไห้จนตาบวม และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
เมื่อนึกถึงว่า ที่สุดแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้เล่าความในใจให้เขาฟัง
ฉันเริ่มต้นด้วยงานเลขาฯ
แล้วย้ายสายงานมาเป็นนักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์
รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
วันหนึ่ง
ฉันก็ได้รับการ์ดแต่งงานใบหนึ่งทางไปรษณีย์
มาจากเขานั่นเอง ใจหนึ่งฉันก็ยินดีกับเขา
แต่อีกใจก็ยะเยียบเศร้า
ได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่า ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างเขาอีกแล้ว
อย่างมากที่สุดเราก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน
...งานแต่งงานได้จัดขึ้นอย่างอลังการทีเดียว ณ โบสถ์ใหญ่แห่งหนึ่ง
ขณะที่งานเลี้ยงจัดในโรงแรม ฉันได้พบจ้าสาว และแน่ละ
ได้พบเขาด้วยแล้วฉันก็ตกหลุมรักเขาอีกครั้งหนึ่ง
ฉันเก็บความลับนี้ไวกับตัวเอง
...ไม่อยากให้มันไปทำลายวันอันเป็นมงคลของเขา
คืนนั้นฉันพยายามทำตัวให้สนุก แต่กลับกลายเป็นว่าฉันกำลังฆ่าตัวเอง
ด้วยการเผชิญหน้ากับคนที่กำลังดูมีความสุขมากอย่างเขา
ฉันจึงจำเป็นต้องพยายามฝืนยิ้ม
และทำตัวให้มีความสุขเพื่อกลบเกลื่อนหยาดน้ำตาที่ซุกซ่อนไว้ในใจ
เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันพยายามลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในนิวยอร์ก
มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเดินไปตามวิถีทางของฉันเองบ้าง
ตลอดหลายปีมานี้เรายังคงติดต่อกันทางจดหมาย
เขาย้ำเสมอว่าคิดถึงฉันมาก อยากจะมีโอกาสได้คุยกับฉันอีก
...และแล้วเขาก็เงียบหายไปหลังจากที่ฉันเขียนไปหาเขา 6
ฉบับฉันเริ่มกังวลว่าอาจจะมีเรื่องร้าย ๆ อะไรเกิดขึ้น
แต่แล้วก็ได้รับโน้ตสั้นๆบอกว่า "ขอให้มาพบผมตรงรั้ว ณ
ที่เดิมที่เราเคยเล่าอะไรต่ออะไรให้กันฟัง"
ฉันไปตามนัดและพบเขาอยู่ที่นั่นจริง ๆ เขากำลังอกหักและดูโศกเศร้ามาก
เรากอดกันแน่นและหายใจแทบไม่ออก
และเขาก็เล่าเรื่องการหย่าร้างให้ฉันฟังทั้งน้ำตา
เขาร้องไห้...ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา ...ในที่สุด
เราก็เดินเข้าไปในบ้านคุยกันและหัวเราะ
เมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเก็บความลับนั้นไว้
ไม่ได้เล่าความในใจให้เขาฟัง
หลายวันที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เขากลับมามีความสุข และลืมปัญหาการหย่าร้าง
ขณะที่ฉันได้ตกหลุมรักเขาอีกครั้ง
เมื่อถึงวันที่เขาต้องกลับไปนิวยอร์ก
...ฉันต้องไปส่งเขาด้วยน้ำตา ไม่อยากห็นภาพเขาเดินจากไป
แม้เขาสัญญาว่าจะบินมาหาฉันทุกเมื่อ ที่ฉันสามารถลางานได้
แต่ฉันไม่สามารถรอเขาได้อีกต่อไป
โดยส่วนลึกในหัวใจแล้วเราต่างมีความสุขเสมอเมื่ออยู่ด้วยกัน
วันหนึ่งเขาก็ไม่ได้กลับมาอย่างที่เขาเคยสัญญาไว้
ฉันได้แต่คิดว่า คงเป็นเพราะเขางานยุ่งเกินกว่าที่จะปลีกตัวมาได้
มันผ่านไปจากวันนั้นเป็นเดือนจนลืมเรื่องนี้ไป
และแล้วทนายความจากนิวยอร์ก ก็แจ้งข่าวร้ายนี้ให้ฉันทางโทรศัพท์
...เขาเพิ่งเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุทางรถยนต์
ฉันเข้าใจทันทีถึงความรู้สึกของคนหัวใจสลาย
เพิ่งรู้ว่าทำไมเขาไม่มาหาฉันในวันนั้น
นี่เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองอกหัก
คืนนั้นฉันร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด
ถามตัวเองว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับคนดี ๆ อย่างเขา
ฉันเดินทางไปนิวยอร์กอีกครั้ง เพื่อร่วมรับฟังการเปิดพินัยกรรม
แน่นอนที่สุดสมบัติต่าง ๆ เขามอบให้กับครอบครัวและอดีตภรรยา
ฉันได้พบภรรยาเขาอีก
เธอเล่าถึงความเป็นอยู่ของเขาให้ฉันฟัง และยังบอกว่าเขาได้ทำอะไรให้เธอบ้าง
แต่กลับสัมผัสได้ว่า
เขาไม่มีความสุขเลย แม้ว่าเธอพยายามเอาอกเอาใจต่าง ๆ นานาแล้วก็ตาม
แต่ไม่สามารถทำให้เขามีความสุขอย่างคืนวันแต่งงานได้เลย
ในพินัยกรรมระบุว่า
ฉันจะได้รับสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่เป็นสมบัติส่วนตัวของเขา
ที่ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า ทำไมเขาจึงตัดสินใจเช่นนั้น
เมื่อเสร็จธุระฉันจึงบินกลับไปยังแคลิฟอร์เนีย
ระหว่างเดินทางฉันหวนระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ของเรา
...และเปิดสมุดบันทึกออกอ่าน
สมุดบันทึกนั้นเริ่มบันทึกขึ้นจากวันแรกที่เราได้พบกัน
อ่านไปชั่วขณะหนึ่งฉันเริ่มร้องไห้
เมื่อพบข้อความว่า
เขาได้ตกหลุมรักฉันในวันที่ฉันถูกหักอก แต่เขาก็ขลาดเกินไป ที่จะบอกฉันว่าเขารู้สึกอย่างไร
นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมวันนั้น.... เขาจึงนิ่งเงียบและคอยแต่จะเป็นผู้ฟัง
จากบันทึกทำให้ฉันรู้ว่า เขาพยายามจะบอกฉันหลายครั้ง
แต่เขาก็ไม่มีความกล้าหาญพอ
เวลาที่เขารู้สึกดีใจที่สุด จึงเป็นโอกาสที่เขาได้พบฉันและเต้นรำด้วยกันในวันแต่งงาน
ซึ่งเขาพยายามจินตนาการว่า นั่นเป็นงานวิวาห์ของเรา
นี่ละสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มีความสุข
จนกระทั่งเขาได้หย่าขาดจากภรรยา
...ส่วนเวลาที่มีความสุข กลับเป็นวินาทีที่เขากำลังอ่านจดหมายของฉัน
ในที่สุดสมุดบันทึกก็จบลงด้วยข้อความว่า
"แล้วก็มาถึงวันนี้ ...วันนี้แล้วที่ผมจะได้บอกรักเธอ ... "
แต่มันกลับเป็นวันที่เขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
...วันที่ฉันเพิ่งมาค้นพบว่า เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกับฉันตลอดมา.......
20 พฤษภาคม 2547 10:05 น.
น้ำตา_
หลังจากผิดหวังในความรัก เจ้าหญิงก็เสียใจ นั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว
จนร่างกายค่อยๆ กลายเป็นหิน
ชายใดสามารถทนกอดก้อนหินได้ด้วยความรักจริง
ก้อนหินจะกลับมาเป็นเจ้าหญิงงดงามดั่งเดิม
เจ้าชายน้ำหยดอ่านแผ่นป้ายหน้าก้อนหินรูปทรงประหลาดอย่างสนใจ
"ต้องกอดนานเท่าไหร่" เจ้าชายถามคนเฝ้าก้อนหิน
"ไม่รู้... เพราะยังไม่มีใครทนกอดได้สำเร็จสักคน"
คนเฝ้าก้อนหินตอบโดยไม่เงยหน้า
"เราจะกอดเจ้าหญิงเอง" แล้วเจ้าชายก็ค่อยๆ
นั่งลงบรรจงกอดก้อนหินอย่างทะนุถนอม
..........
หนึ่งปีผ่านไป เจ้าชายน้ำหยดยังกอดก้อนหินอยู่ "นี่ท่านยังกอด
ก้อนหินอยู่อีกหรือ" คนเฝ้าก้อนหินรู้สึกทึ่งกับความอดทนของเจ้าชาย
"ท่านทำได้อย่างไร"
"เพราะข้าอยู่กับปัจจุบัน" เจ้าชายเห็นคนเฝ้าก้อนหินงง
เจ้าชายจึงอธิบายต่อ "ถ้าท่านกอดก้อนหิน หนึ่งวัน ท่านทำได้หรือไม่"
"สบายมาก" คนเฝ้าก้อนหินตอบโดยไม่ต้องคิด
"แล้วถ้ากอด สองวัน ล่ะ"
"อาจเริ่มเบื่อนิดๆ"
"แล้วถ้า สามวัน สี่วัน หรือสิบวันล่ะ"
"ไม่เอา ข้าไม่มีความอดทนขนาดนั้นหรอก"
"นั่นเพราะท่านไม่อยู่กับปัจจุบัน... ท่านคิดไปก่อนล่วงหน้าว่าไม่ไหว"
"ไม่เข้าใจ"
"ในเมื่อท่านบอกว่ากอดก้อนหินหนึ่งวันได้สบายมาก พรุ่งนี้หรือวันต่อไป
มันจะต่างกันตรงไหน มันก็เป็นแค่ หนึ่งวัน ที่ผ่านไปเช่นเดียวกัน"
เจ้าชายลูบก้อนหินราวกับมีชีวิต
"ในสายตาท่าน อาจจะเห็นว่าข้ากอดก้อนหินนี้มาเป็นเวลาหนึ่งปี
แต่ในความรู้สึกข้า ข้าเพิ่งกอดเจ้าหญิงผ่าน 'หนึ่งวัน' มาแค่ 365 ครั้งเท่านั้นเอง"
"ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ช่างมันเถอะ ข้าต้องการรู้แค่ว่า
ที่ท่านกอดก้อนหินเพราะท่านรักเจ้าหญิงจริง ๆ หรือเพราะต้องการเอาชนะ"
"ข้ารักจริง" ปากเจ้าชายตอบโดยมือยังไม่คลายกอดจากก้อนหิน
"เอาอย่างนี้ละกันท่าน... นั่นน่ะมันแค่ก้อนหิน ส่วนข้าสิ 'เจ้าหญิง' ตัวจริง"
คนเฝ้าก้อนหินลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อผ้าชุดมอมแมมออก
"ข้าว่า... ท่านมากอดข้าดีกว่า"
......... ตกลงเลยไม่รู้ว่าจะให้เจ้าชายดีใจ หรือกระโดดเตะเจ้าหญิงดี
20 พฤษภาคม 2547 09:59 น.
น้ำตา_
ความในใจของชายคนหนึ่งที่มีแฟน "ไม่บริสุทธิ์"
ไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ
เพียงแค่อยากจะให้คุณๆ ทั้งหญิงและชายได้ฟังเรื่องราวในอีกมุมมองหนึ่งเท่านั้นครับ
เริ่มเลยละกันผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาธรรมดาไม่หล่อ
ไม่ขี้เหร่จัดว่ากลางๆ โดยปกติเป็นคนขี้อาย ครับไม่เคยจีบใครก่อน
แต่ก็มีสาวๆ มาชอบเหมือนกัน โดยที่เป็นคนขี้อายก็เลยไม่มีแฟนสักที
ก็เอาแต่เรียนผมจัดว่าเป็นคนที่เรียนดีคนหนึ่ง
จนเรียนจบเริ่มทำงานก็เริ่มรู้สึกเหงาเวลาที่เห็นคนเดินจับมือกัน ในขณะที่เราต้องเดินคนเดียว
แล้วเธอก็ผ่านเข้ามาในชีวิตผม เธอก็ทำงานที่เดียวกับผมนั่นเอง
ตอนนั้นใครที่เคยมีรักแรกพบก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกับผมแน่ๆ
เราสองคนสนิทกันเร็วมาก ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเธอเองก็ปิ๊งผมเหมือนกัน
ด้วยความที่ใจมันตรงกัน เราก็เลยเป็นแฟนกัน หลังจากที่รู้จักกันเพียงเดือนครึ่งเท่านั้น
หลายคนอาจบอกว่ามันเร็ว แต่ว่าทุกอย่างมันลงตัวไปหมด
เราคุยกันทุกเรื่องจนมาถึงเรื่อง sex
ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นผมยังไม่เคยมีอะไรมาก่อน และ
อยากจะบอกให้ทุกคนทราบว่าคนที่ยังไม่เคย
ก็ยังหวังให้คนรักยังบริสุทธิ์อยู่เหมือน
ในความคิดของผม มันคงเป็นอะไรที่สวยงามถ้าได้มีอะไรครั้งแรกด้วยกัน
ซึ่งตอนนั้นผมก็เลยถามตรงๆ ไปว่าเธอเคยมีอะไรแล้วหรือยัง
ซึ่งเธอก็อึ้งไปพักหนึ่งแล้วตอบว่า "ถ้าเราตอบว่าเคยแล้ว
เธอจะยังรักเราอยู่หรือเปล่า" ตอนนั้นใจผมก็เต้นมากแต่ฝืนตอบไปว่า รักสิ
แล้วเธอก็บอกว่าเธอเคยแล้วกับแฟนเก่า ซึ่งเธอบอกว่าเพราะความหล่อ และ คารมดี
ทำให้เธอยอม ซึ่งความรู้สึกตอนนั้นผมเหมือนทั้งโลกหยุดนิ่ง
และอึ้งไปนานเลย ผมบอกว่าปวดหัวแล้ววางสายเข้านอนเลย
ตลอดทั้งคืนคิดฟุ้งซ่านไปหมด คำถามมีเต็มหัว ทำไมเธอง่ายจัง ทำไมถึงยอม
นึกภาพบัดสี ระหว่างแฟนเก่ากับเธอ ทั้งหมดนั้นทำให้ผมรับไม่ได้
คุณต้องเข้าใจนะว่า ผู้ชายที่ยังไม่เคยส่วนมากจะคิดเหมือนผม
(กลุ่มผมส่วนมากเป็นเด็กเรียนดีเรื่องอย่างนี้ ไม่ค่อยยุ่งนักทำให้หลายคนยังซิงๆ อยู่)
เพื่อนผมแต่ละคนก็คิดอย่างผมทั้งนั้น คืนนั้นก็เลยตัดสินใจว่า เอาล่ะ
มันคงจบลงแล้ว พรุ่งนี้จะไปบอกเลิกกับเธอ ทั้งๆ ที่ผมรักมาก และเจ็บมาก
ผมหลับพร้อมกับน้ำตาท่วมหมอน
พอตอนเช้าเจอเธอที่ที่ๆ ทำงาน คำแรกที่เธอพูดคือเมื่อคืนเป็นอะไรหรือเปล่า
ภาพที่ผมเห็นก็คือ เธอยังสวยเหมือนวันแรกที่ผมเจอ ยังน่ารัก ยังยิ้มแย้ม
ยังแจ่มใส ไม่ต่างจากวันแรกที่ผมตกหลุมรัก
ผมเลยคิดได้ว่า ที่เรารักมันคือสิ่งเหล่านี้ต่างหาก ไม่เกี่ยวกับเรื่อง sexเลย
เรื่องที่จะบอกเลิกก็หมดจากหัวไปทันที
ทุกวันนี้ก็คบกันมากว่า 7 ปีแล้วและผมคิดว่า รักครั้งนี้จะเป็นรักครั้งแรกและครั้งเดียวของผม
เป็นพลังที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ เป็นจุดหมายปลายทาง เป็นแรงบันดาลใจ
ผมยอมรับว่าบางครั้งนานๆ ที ก็นึกถึงเรื่องเธอกับแฟนเก่าบ้าง
ซึ่งทุกครั้งผมจะหงุดหงิดใจมาก จนพาลไปทะเลาะบ่อยๆ
โดยไม่ได้บอกเธอว่าผมโกรธเรื่องอะไร ดูเธอเสียใจมาก
แต่เธอก็ยังดีกับผมเสมอมา
จนวันนี้ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า ผมเลิกคิดแล้วเรื่องเธอจะมีอะไรกับใครมาก่อน
มันไม่สำคัญเลย เพราะสิ่งที่เธอให้ผมนั้นมันมีค่ามากกว่าแค่เยื่อบางๆ
เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตผม นั่นคือ ความรัก ความห่วงใยที่เธอให้ผม
เธอคือแรงบันดาลใจให้ผมก้าวเดินต่อไป
สิ่งเดียวที่ผมต้องการจากเธอคือขอให้ผมเป็นคนสุดท้ายของเธอ
ผู้ชายที่ได้เป็นรักแรกของผู้หญิง อาจจะเป็นคนโชคดี
แต่ผู้ชายที่ได้เป็นรักสุดท้าย สิ เป็นคนโชคดีที่สุด
20 พฤษภาคม 2547 09:53 น.
น้ำตา_
ในคืนวันหนึ่ง มีคู่รักคู่หนึ่ง
กำลังนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซด์
ที่แล่นไปด้วยความเร็วสูง
โดยที่ฝ่ายชายเป็นผู้ขับขี่และฝ่ายหญิงเป็นผู้นั่งท้าย
ทั่งคู่ต่างรักซึ่งกันและกันมาก.........
ญ: ชะลอรถได้มั้ย ฉันกลัว...
ช: ไม่เอาอ่ะ กำลังสนุกเลย ลดความเร็วทำไม ???
ญ: ได้โปรดเถอะ ฉันกลัว
ช: งั้น บอกรักผมก่อน
ญ ได้ "ฉันรักคุณค่ะ " พูดแล้วน่ะ ลดความเร็วได้ยัง??
ช อืมม....... กอดผมแน่นๆ ซักครั้งสิ
ญ ได้ ( ฝ่ายหญิงโอบกอดจากด้านหลังอย่างแน่น )
ญ กอดแล้วน๊ะ ลดความเร็วได้ยัง
ช อืมม งั้นคุณช่วยผมถอดหมวกกันน๊อกให้ผมที และคุณก้อใส่มันเอาไว้น๊ะ ที่ผมไม่อยากใส่เพราะผมขับไม่ถนัดน่ะจ่ะ
ญ ( ฝ่าย ญ ถอดหมวกให้ฝ่ายชายและสวมใส )
......................
รุ่งขึ้น มีข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า
มีมอเตอร์ไซด์คว่ำหน้าตึกแห่งหนึ่ง
เพราะเบรกแตก ทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคน
และรอดชีวิตหนึ่งคน
ฝ่ายชายนั้นรู้อยู่ตลอดว่า
เบรกรถของตนเองนั้นเสียในขณะที่ขับขี่กันอยู่
แต่ไม่ได้บอกกับฝ่ายหญิงในขณะนั้น
เพราะว่าเขารู้ดีว่า
คนรักของตัวเองจะต้องตกใจอย่างมากทีไม่สามารถหยุดรถได้
ดังนั้น ฝ่ายชายจึงได้ขอให้ฝ่าย ญ บอกรัก และ กอด
(เป็นครั้งสุดท้ายโดยที่ฝ่าย ญ ไม่รู้ตัว)
และให้หมวกกับฝ่าย ญ และตายแทน................