29 มีนาคม 2554 04:43 น.
น้ำ
เสียงสายฝนใฝ่ฟื้น ฟูใจ
เที่ยวล่องธารน้ำไหล รื่นรื้น
ดงดำบุกบั่นไป ตามจิต
ลมพัดผ่านกายชื้น ฉ่ำแล้วแพร้วทรวง ฯ
ร้องร่ำเพลงเกี่ยวข้าว รวงทอง
ยิ้มยั่วเย้าดาวจอง จับไว้
เมียงมองเหม่อหมายปอง น้องนุช
ขมขื่นลึกโลกไร้ รักแล้วหรือไฉน ฯ
ขอเล่นเรือนแล่นล้ำ ถิ่นหงส์
ใจทอดถอนปลดปลง ยอดไม้
หรือใจหว่านสุขคง คนทั่ว
หรือทุกข์ทนเก็บไว้ ไม่แม้นบ่นถึง ฯ
อยู่เพื่อคนรักแล้ ใฝ่ฝัน
สู้แพรกพาลฝ่าฟัน ฝึกฟื้น
ยืนยันหยัดถึงวัน สิ้นโลก
คงเที่ยงธรรมดุจพื้น แผ่นหล้าสุขเกษม ฯ
เพื่อคมเคียวเกี่ยวสร้อย เพลงกาพท์ กี้เฮย
เพื่ออ่อนโยนกันตราบ มิตรนั้น
เพื่อรวงข้าวพราวอาบ เอมโอษฐ์
เพื่อขอบฟ้าอรุณคั้น ขีดไว้ทุกข์หาย ๚ะ๛
23 มีนาคม 2554 04:44 น.
น้ำ
๏หลงแล้วหลงเล่าเร้า ดวงจิต รักเลือน
ริ้วระลอกความคิด ผิดผี้
สังคมครอบครัวอิด- โรยร่วง
ทวงไถ่ความหมายนี้ ทุกข์แท้แปลขยายฯ
๏หลงรักแล้วหลงเล่ายังเร้าจิต
ในระลอกความคิดผิดล่มสลาย
ในสังคมครอบครัวความเปลี่ยวดาย
จะทวงถามความหมายจิตหายไป ฯ
๏หลงอารมย์บ่มไว้ หวานหอม
ห้อมหม่จนตรอม หม่นไหม้
เหมือนตายตกจำยอม ยืนหยัด
ขอแต่กลิ่นรักไว้ เวี่ยวี้ทวีกรรม ฯ
๏หลงอารมย์บ่มใจไหวหวานหอม
จะห่มห้อมผู้คนที่หม่นไหม้
เหมือนจนถึงกับตายทั้งหายใจ
แต่ยังรินกลิ่นไว้ให้แผ่นดิน ฯ
๏ จิตใจเกิดกล้าแกล้ว แว่วสติ
หลงร่วงใจบานผลิ ผกาพุ้ม
กระแสที่เกินกวิ วลีนุ่ม
รูสึกตัวจิตคุ้ม ก่อแก้วกลับกลาย ๚ะ๛
๏ จิตใจเกิดมีสติคิดกล้าแกล้ว
ร่วงหลงแล้วลาลับกลับแตกพุ่ม
กลางกระแสที่บังเอิญเกินควบคุม
รูสึกตัวกุมใจแก้วให้กลับกลาย ๚ะ๛
22 มีนาคม 2554 05:22 น.
น้ำ
๏ หอมหวนยวนติดต้อง ตรึงใจ
แย้มยั่วเย้าเรียมให้ ใฝ่เฝ้า
รักมากค่าเพียงไร ไหนเอ่ย คำนา
พันผูกหอมนวลเจ้า อย่าได้ห่างหายฯ
๏ หวานหวามอดีตครั้ง หวามหวาน
กำซาบทรวงอยู่นาน นิ่มน้อง
ละมุนละไมมาน พิสวาด
กลมกอดกับกาลร้อง เรียกเร้าความหลังฯ
๏บานแบ่งเติมแต่งให้ ชีวี
ทีละน้อยสร้อยวลี วาทวี้
ด้วยความมุ่งมั่นมี ในอก
โยงเยื่อใยผูกพี้ ก่อนกี้มรณา ฯ
๏สู้ฝนทนแดดร้อน เพลิงกรรม
เพลิงแผดเผากายจำ จดไม่
คงวายวอดวัฏทำ เวิ้งทุกข์
แม้นเกิดมีสติไซร้ ไม่ไหม้ไฟเผาฯ
16 มีนาคม 2554 05:07 น.
น้ำ
๑ปลาใหญ่ในสมุทรกว้าง อยู่ไฉน
ขั่วโลกเอียงแกว่งไกว ระเบิดซ้ำ
ร่องน้ำกระแสเชี่ยวใน พิภพ
ยกคลื่นขึ้นท่วมล้ำ บ่าเบื้องเมืองมนุษย์ฯ
๒พื้นบาดาลแตกตั้ง พังทลาย
ปลาเต่าต้องตกตาย หมื่นล้าน
คนและสัตว์ชีพหาย มรณ
กรรมกฏชดใช้ค้าน เข่นคื้นได้ไฉนฯ
๓เสียงคลื่นเสียงร่ำร้อง ก้องโสต
ธรรมชาติคราวโหด เคราะห์ร้าย
ปัญญาฉลาดอาจโอษฐ์ พ้นไม่
คงแต่บาปบุญท้าย ทอดทิ้งเวรฉันท์
๔นิวเคลียร์ร้อนแตกเต้า รังษี
โลกมิกกระสันยี ยุคย้อน
อกุศลอเวจี สอนสั่ง
จิตแผ่บุญผ่อนร้อน โลกลี้สู่ธรรมฯ
13 มีนาคม 2554 06:38 น.
น้ำ
๑เสียงโคลงเสียงเห่ช้า ฉ่ำหาว
เสียงร่ายประกายดาว ส่องหล้า
หลับตาตื่นใจวาว วิเวก
ขวัญอยู่รู้เจิดจ้า ชั่วฟ้าดินสมัยฯ
๒ปลาว่ายวัฏฏะเวิ้ง วรรณศิลป์
ปู่เต่ากลอนระบิน ฟากฟ้า
คนและสัตว์ล้วนดิน เดิมโลก
คำกวีเหว่ว้า ปราชญ์ท้าทางเกษมฯ
๓ไหววาทหวังชีพชื้น สุขศานต์
กลางป่ามนุษย์มาน โมหกล้า
มนต์พุทธะกังวาน เวี่ยจิตร
กายบ่งเบาข่มล้า สติจ้าเกิดศรีฯ
๔บุหงาหอมหม่ไว้ แว้ววลี
แก้วกรุ่นหอมฤดี เพริศแพร้ว
โคลงฉันท์กาพย์ปราชญ์ปรี เปลื้องโลก
หายโศกหายทุกข์แล้ว ลึกซึ้งสุขสวรรค์ฯ