28 มกราคม 2551 06:52 น.
น้ำ
๐ นิราศนรินทร์ ๐
๗๑. อ่าผิวการะเกดเกลี้ยง...เกลานวล แน่งเอย
เรียมกะไดเชยชวน...........ชิดเคล้า
อ้าอรกลิ่นเกศหวน............หอมหื่น กูเฮย
คิดภิรมย์รสเกล้า..............กลิ่นกลั้วไกลฉม
๑อ่าหิวกินหมดเกลี้ยง เกลาจาน
เรียมคิดเชิญชวนสาน เสื่อไว้
อ้าสุดปากกลิ่นปาน ปลาแดก
คิดสูดดมยาให้ โล่งแล้วหัวหู๚
๗๒. ยกมามาท่าข้าม.........แขวงปราณ
ปราณประหลาดลมฆาน.....พี่ข้อง
แลว่านุชทรมาน...............หมองสิ่ง ใดแม่
ทุกข์โรคหรือจักร้อง..........ร่ำไห้หาเรียม
๒ยกไปไปท่าน้ำ แขวงนนท์
นนท์ทุกข์หัวล้านทน เขกแกล้ง
ทรมานนุชนาทจน ผอมผ่าย
ให้ขัดถูบ้านแจ้ง แจ่มจ้าสอาดสวย๚
๗๓. ถึงสามร้อยยอดเงื้อม...งำทะเล
ทะเลจะหลากลมเห...........หาดขว้ำ
สามร้อยคิรีเท..................ทับอก เล่าฤา
ใจจะปล้ำสุดปล้ำ..............เสน่ห์น้องหนักทรวง
๓ถึงสามย่านน่านนั้น จุฬา
นิสิตมากหลากตา เนตรลิ้ม
รักสามคิรีมา ทับอก
ใจจะปล้ำจำสิ้น เสน่ห์น้องหนักทรวง ๚
๗๔. โคแดงนามท่งด้าว.....โคดง ใดฤา
โคอาสน์อิศวรองค์............อยู่เกล้า
พระมาดอาจจักปลง..........ปลิดเทวษ ราพ่อ
สองจากพระเป็นเจ้า..........ช่วยให้คืนสม
๔โคนมนมจากเต้า มากมาย
โคขวิดเพราะตาลาย เพศผู้
ขออภัยจิตละอาย อับอก
หวังว่าโคจะรู้ ไม่ได้ตั้งใจ๚
๗๕. แลระบัดลาดท่งท้อง....ทิวพฤกษ์
มลักเห็นหมู่มฤค...............ครุ่นคร้าม
หวังหาคู่แนบนึก...............นุชนาฎ เรียมเอย
คิดเมื่อมาสมรห้าม............พี่ห้ามหวงโฉม
๕อักษรเรียงร่ายแล้ว แล่งกลอน
สัมผัสเสียงตัดนิวรณ์ ว่างเว้น
โคลงดั้นจิตโคจร แจ้งสติ
ผลิรักแพร้วทุกข์เร้น ลับเศร้าสร่างเขลา๚
๗๖.นางทรายจามเรศรู้......รักขน
คือนุชสงวนงามตน...........แต่น้อย
ตายองตอบตายล.............ยวนเนตร นางเอย
โฉมแม่บาดตาย้อย...........อยู่พู้นฉันใด
๖นางงามจามหมูกรู้ ว่าหวัด
ยาหยูกจมูกโล่งนัด หมูกไว้
ตาแดงตอบตาดัด ตามติด โรคตา
โฉมแม่บาดตาไซร้ สู่พู้นพาลหมอ๛
26 มกราคม 2551 07:07 น.
น้ำ
๏อรุณลีลาศเร้า รื่นปลุก
กวีบทคลายเศร้าลุก คึ่น(ขึ้น)เต้น
รินฝันห่างหายทุกข์ ถมทับ
เพลงวณิพกขับเน้น เกิดเกื้อโคลงฉันท์ ๚
๏กล่อมกลอนหวานพริ้มพร่าง ลไม
กล่อมรักจากดวงใจ เพื่อนข้า
กล่อมวันผ่านมาไป สู้ต่อ
กล่อมเพื่อพรุ่งแจ่มจ้า เจิดแจ้งจิตศรี ๚
๏กายาโลกกว้างใหญ่ ใครเหงา เพื่อนเอย
หนามกุหลาบตำเอา เซ่า(เศร้า)สร้อย
ฉันเคยคิดฝันเรา แสนสุข
มวลแมกไม้หมั่นร้อย ร่วมเร้าลืมเหงา ๚
๏บุหงางามอร่ามไว้ พันธนา
ขังจิตเดียวดายคา ฟากฟ้า
น้ำผึ้งเคี่ยวหวานมา เติมแต่ง
มธุรสกรองกล้า กลั่นแก้วบทกวี ๛
25 มกราคม 2551 11:54 น.
น้ำ
1เสียงขำๆ...ของฟ้าคราม....
ร้องถามทักทาย...เธอผู้เหงา
ตัวฉันเองเคยเศร้า....
เพราะรัก.....
2ค่ำคืน...
ทะเลครวญคราง....จนฟ้าสาง
น้ำตาไหลจากใจบางบาง
ฝังเศร้าไปกับทะเล.....
3หมอกหนาว
น้ำค้างกลิ่นคาว...รักเปื้อน
เธอเบื่อจึงร้างเลือน...
วันนี้...ฉันจะหัวเราะ
4ป่าคอนกรีต....สีเทา
ผู้คนอับเฉา...ชอกช้ำ
ฟังเสียงใจ...ร้องรำ
จึงขำขำ...กับชีวี
24 มกราคม 2551 23:04 น.
น้ำ
เมื่อวันสุรีย์ส่องหล้า อยู่พโยม
เมื่อค่ำเจิดจันทร์โสม เกี่ยวฟ้า
เมื่อทุกข์มิตรข้าโลม ให้สงบ
เมื่อสุขสรวญสรรจ้า เอะอ้าหายขึง
เสียงสายพิณเสนาะก้อง กังสดาร
เสียงทิพย์ในวิมาน สุขล้ำ
เสียงไห้เหล่าชนนาน เนิ่นทุกข์
เสียงกาพย์กี้เก่าก้ำ กีกไว้ใจฉันท์
สัมพันธ์สายน้ำหลาก ไหลไป
มวลหมู่ปลาอาศัย ห่วงน้ำ
เธอฉันว่ายแหวกใจ ตนอยู่
หวังวาดว่ายจิตย้ำ อยู่ย้อนสงสาร
ทุ่งหญ้าพงษ์ไม้ป่า ภูเขา
สัตว์อยู่สุขสบายเอา เยี่ยงบ้าน
กายใจดุจพนาเรา กิเลส
แสนทุกข์สุขแสนจ้าง อยู่ค้างวัฏเวียน
23 มกราคม 2551 20:32 น.
น้ำ
๒๔๕ เห็นบ้าน บ ดุจบ้าน เมืองเรา พี่เอย
เรือนโรงรุกรุยเขา รูปร้าย
บ เห็นที่จักเอา สักหยาด เลยพี่
เห็นดั่งนี้สู้หม้าย อยู่แล้ฤๅแล ฯ
๏เห็นเธอ แล้วใฝ่เพ้อ ละเมอหา
แม้นหมกโคลนตมมา รูปร้าย
รักหลงเมื่อคราวชรา ได้โปรด เหนใจ
ผีอยู่โลงสู้หม้าย อยู่แล้ร่วมแล ฯ
๒๔๖ พระเอยอาบน้ำขุ่น เอาเย็น
ปลาผอกหมกเหม็นยาม อยากเคี้ยว
รุกรุยราคจำเปน ปางเมื่อ แคลนนา
อดอยู่เยียวดิ้วเดี้ยว อยู่ได้ฉันใด ฯ
๏พระมาบิณฑบาตรแล้ว โฉมยง
ปลาผอกหมกเหม็นจง งดเว้น
เกิดชาติไหนไหนคง หอมทั่ว ตัวนา
ข้าวสุกแกงกรุ่นเน้น ดอกไม้ใส่ถวาย๚
๒๔๗ ยามไร้เด็ดดอกหญ้า แซมผม พระเอย
หอมบ่หอมทัดดม ดั่งบ้า
สุกกรมรำดวนชม เชยกลิ่น พระเอย
หอมกลิ่นเรียมโอ้อ้า กลิ่นแก้วติดใจ ฯ
๏ยามไร้เธอคู่ข้าง เคียงกัน
หอมกลิ่นแก้วบุหลัน ดั่งบ้า
เรียมกลิ่นตุตุพลัน เว้นอาบ น้ำมา
จะรักหรือไม่จ้า จุ่งแจ้งแถลงไข ฯ