7 เมษายน 2546 13:22 น.

มอบใจไว้ให้ใครบอกมาดีดี

น้ำ


เธอคือหนึ่งในใจของฉัน 
ฉันรักเธอเสมอหนึ่งใจคือเธอ
เธอมอบใจไว้ให้ใครบอกมาดีดี
เห็นนะคนดีนิเธอหว่านใจ
แย้มละมัยกับใครใคร
ทำกับว่าเธอเป็นคนหลายใจ
ต้องรับใช้กรรมเวรเข้าสักวัน
ก็ทุกวันได้เห็นภาพบาดตา
ใจหนึ่งเดียวหว่านไว้ไหนไหน
งอกต้นกล้าขึ้นมาจนอุราเปรมปรี
ออกดอกดกด้วยสิ ก็ใส่ปุ๋ยชีวะวิธี
รับกรรมดีที่ได้ทำสะดีดี
เข็ดยังเจ้าเอ๋ยเจ้าดอกไม้ใจ
มีคนคอยตามเป็นห่วงมากมาย    
อีกมอบรักมากมายในใจคืนให้
หนึ่งเดียวมั่นคงเพียงเธอคนดีของพี่เอย
				
7 เมษายน 2546 13:16 น.

ไพรระหงภูกระดึงไต่เขาสูง

น้ำ


   ไพรระหงภูกระดึงไต่เขาสูง
มวลป่าไม้สะพรั่งไพรสนเขา
เป็นสนสองใบซ้อนสามใบแซมเนา
หนาวเหน็บหน่วงอุราฉ่ำชื่นเย็น
   เช้าก่อนตะวันรุ่งมุ่งฝ่าผาชมคลื่น
ทะเลเมฆครืนคลุมลุ่มวิมานพื้นฟ้า
ทะเลหมอกสร่างพร่างพรายตา       
ยอดเขาทะเลฝ่าหมอกสอดแซม
   ดวงอาทิตย์เดินขึ้นเขินจากเขา
ฉายแสงฉานฉาบทาบทาไพรสณฑ์
ดลให้หลงใหลครวญหวนทวนยล
จำติดตรึงจนตราบวันวายมิเลือน
   หวนดลใจคล้ายทะเลหมอกม่านบัง
ทะเลเมฆสะพรั่งหว่างไพรระหง
งามวิจิตรตรึงติดฤดีชวนยล
ดลกลอนขานนามภูกระดึง ตรึงใจเอย          
				
7 เมษายน 2546 03:22 น.

ท้องทุ่ง ลานทองหอม ไอดินกลิ่นหญ้า

น้ำ


       ท้องทุ่ง ลานทองหอม ไอดินกลิ่นหญ้า
หมู่นกปักษากระยางขาวบินร่อน
ปากห่างนางสง่าสวยแม่งามงอน
เดินดุ่มท่องลานทุ่งข้าวเขียวอ่อน
      ร่อนจากเช้าตรู่พร้อมหมู่หาอาหาร
ปูปลานาหอยเชอรี่สำราญจร
ร้อนไอรวีสิทนทานบินร่อน
จากนาบ้านเวียนมุ่งสู่ทุ่งไพรสณฑ์
      ข้ามชลประธานจนรอนสุรีย์
บินย้อนหาที่รวงรังลงจับนอน
แสงอาทิตย์อัสดงยามคล้อยรอน
ฉายฉานแสงหงแลทองผ่องอำไพ
      ณ.ที่วัดไผ่ล้อมประทุมอมร
พร้อมหมู่นกปากห่างคืนรังใจ
สังสรรค์ลูกน้อยกลอยใจจาร
ล่วงคืนวันชื่นสุขใจสถาพรเอย
				
6 เมษายน 2546 04:01 น.

มีเจ้าควายเหล็กคันเก่งกับหัวใจเหล็ก ชีวิตลูกชาวนาหอมกลิ่นไอดินกลิ่นหญ้า

น้ำ


                  
    มีเจ้าควายเหล็กคันเก่งหัวใจเหล็ก 
สูบน้ำเข้าเสร็จรถไถใช้เดินตาม 
คาดให้ดินเสมอน้ำระดับเดียวกัน
ปล่อยน้ำออกให้แห้งเป็นเลนหลัก(นาหว่านน้ำตมปทุม)
    กระบุงข้าวงอกหว่านทั่วนา พาสุขใจ
ใช้ชีวะวิธีนิเวศดินรักษ์
ทรัพย์สินปัญญาไทได้ปกปักษ์
ได้ข้าวสะเต็มทุ่งทองหอมดินหญ้า
      มีรถเกี่ยวมาอาสา สบายไปเรา
 ตอนขายได้เฮฮาฉลองเย็นอุรา
ดักปลามาแกงดักหนูนาย่างทา
สวนเสเฮฮาหมู่เราลูกชาวนา
      เหนื่อยนักหนาพักใจไว้ ในเนา
หายใจเข้าออกผ่อนผันผ่านกาลยาว
ราวทุ่งทองข้าวท้องเต็มลออตา
จัดข้าวแลปลาย่างหอมยวนใจจน
       ไคลเหงื่อเพื่อไหลอาบฉาบทาบทา
แกร่งผิวหนังกำพร้ากร่านลมชม
ห่มไอรวีมิร้อนรนดลกลอนกล
ขานเพลงกลอนทุ่งรวงทอง ของชริน นันทน์นาคร
				
6 เมษายน 2546 03:26 น.

เกิดสติ.เดินคันนาแปดร้อยเมตรกลางแดดกล้า

น้ำ


โลก                           
เพื่อนที่เป็นสติของฉันใจของฉันแก้วตาของฉันดลหวนความจำในวิญญานชัดเหมือนเมื่อวานขานใจเองจารบรรเลง เพลงไอดินกลิ่นหญ้ามิมีเธอมิรู้ว่าจะอยู่ได้หรือไฉน
   วันที่แดดแรงร้อนแผด ได้หมวกปีกกางใบแลใจลุย หนึ่งเดินหน้าบนทางขึ้นขึ้นลงลง
แคบแคบ เราเดินตามแทบมิทัน นั่นกว่า800ม.คันนาแห่งธรรมรส หนึ่งใจนำ หนึ่งใจตามวิถีโลก  อิธิบาททวิบาท บนทางคตโค้งคันนาเส้น สายตรงดั่งใจเราจดจำได้ฝ่าทางไกลมิคิดสิ่งใด สองเท้าก้าวเกรงเร่งทางด้วยแดดรน
ธรรม
อุปปาทานขันธ์ห้าฉาบทาโลกผู้เดิน....ภาวนา
สันตติปิดบังทุกข์ขัง..ผู้เดิน....ภาวนา
ก้าวท้าวเดินอยู่..............................สมาถะ..ภาวนา
เร่งเดิน...........................................อิธิบาท..ภาวนา
หยุดระหว่างทาง...ว่างสงบ...เดินต่อ...สมาถะ.ฌาน
หยุดเดิน.................ว่างสงบ...........ฌาน
รู้สภาวะ....หยุด.......ญาณ
หยุดเดิน...................ญาณ
รู้ธรรม....อิธิบาท......ญาณ
รู้ธรรม....เร่งเดิน......วิริยะ....ญาณ
 รู้ธรรม....หยูดเดิน....ปัสสาธิ...สงบ...ญาณ
 รู้ธรรม.....สงบ.........ญาณ
สงบ..........สติ...........ญาณ
สติ.............ญาณ
สติ.............เดิน
สติ.............เร่งเดิน
สติ.............หยุดเดิน
สติ..............มีอาการเดิน
สติ..............ไม่มีผู้เดิน........สติสติสติ
				
Calendar
Lovings  น้ำ เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำ
Lovings  น้ำ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน้ำ
Lovings  น้ำ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงน้ำ