19 มกราคม 2553 07:03 น.
น้ำ
๏เจตมูลเพลิงสะค้านคิด ค้นไว
จันทรขาวแดงใด ปดเคล้า
ข้าวเย็นที่เหนือใต้ บอระเพ็ด
เนระพูสีเจ้า เกษรทั้งห้านา๚
๏เพ่งไพรไคร่จิตน้อม นึกยา
ทั้งรากทั้งเปลือกมา ร่วมต้ม
สมาธิงดิ่งลึกคา- ถาเสก เป่าเฮย
สรรพโรคะพ้ม พักฟื้นคืนหาย๚
๏ใจจิตสำเร็จได้ รักษา
สงบสงบถึงวิญญา ปลดเปลื้อง
สรรพโรคโศกหนักหนา เสือซุ่ม ร้ายนา
สติไป่แล้วโรคเรื้อง รัดเกล้าวางวาย๚
๏หัตถะจับเส้นอ่อน เอวอก
เรืองเดชครูยายก ใส่เกล้า
ลาจากพิษภัยพก พร่างสติ
เสียงสวดดังปลุกเร้า จิตให้เจริญคุณ๚
11 มกราคม 2553 07:23 น.
น้ำ
๏พระรัตนตรัยแผ่คุ้ม ครองพินิจ
เสือซุ่มอย่าชิด สนิทด้วย
เชื่อใจแต่กัลยานมิตร ผู้ใฝ่ ธรรมฮา
แม้นไม่มีใครช้วย จุ่งผึ้งตนเอง๚
๏ขี่หลังเสือแล้วระ- วังระไว
ใครขี่หลังของใคร ศึกเสี้ยน
การเมืองมุ่งผลไฉน สกปรก นะนา
สมสะปัญญาเพี้ยน แก่งแย้งกันเอง๚
๏ลายพาดกลอนคุดคู้ ดูเห็น
ลายร่างพรางตาเช่น หลอกล้อ
ใครเผลอย่อมเน่าเหม็น เป็นเหยื่อย
ตีนตะขาบเสือพ้อ ล่อให้เดินดง๚
๏ปีเสืออย่าเชื่อช้ำ ภายหลัง
โยนิโสจิตตัง ล่วงรู้
ไหนเลยพึ่งพิงยัง ผู้อื่น
เตือนติตนต่างผู้ เพ่งเพี้ยงสติเทริน๚
30 ธันวาคม 2552 07:30 น.
น้ำ
สวัสดียามเช้าครับท่านพี่พ่อผม
เสริพโคลงและกาแฟแดทุกท่านครับ
๏ลึกตื้นหนาบาง๏
๏ลึก ขุดดินปลูกปั้น สมุนไพร
ตื้น บ่อชลอน้ำไหน เกิดเกื้อ
หนา ไม้แบกบ่นไป แสนเหนื่อย
บาง โศกช้ำเช่นเชื้อ สติตั้งตรึกหาญ๚
๏ลึกสังสารวัฏเวี้ยน เวรกรรม
ตื้นปลักหล่มโคลนทำ แปดเปื้อน
หนาหนั่นคบพาลนำ ร้ายสู่
บางสิ่งบอดใบ้เสมื้อน สงบแล้วอารมย์๚
๏ลึกวนาเวศเคลื่อนคล้อย ธุดงค์
ตื้นบาปหยาบร้ายปลง จิตจ้า
หนาภูแผ่นหินคง ทำครก สากนา
บางบ่งเบากายล้า พักพ้นยุ่งเหยิง๚
๏ลึกแก้วนางแก้วรัก แก้วจิต
ตื้นหาดประคองชิด ชื่นชู้
หนาราคะครุ่นคิด ถึงนุช
บางคลี่สไบอกรู้ รักร้อนเพลิงหลง๚
ปล.ค้นอ่านศึกษาเล็กน้อยก่อนไปแบ็กหามการกิจครับ
พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
บทประพันธ์
เห่ชมสวน
โคลง
๏ นาเวศคลาเคลื่อนคล้อย ชลธาร
ล่วงกระแสวโนทยาน ถิ่นไม้
เฌอเหล่าพฤกษ์ตระการ ดวงดอก
หอมรื่นชื่นจิตให้ นึกน้องคะนึงหลัง ฯ
กาพย์
๏ นาเวศเคลื่อนคล้อยคลา ล่องลอยมาตามชลธาร
ชมไม้ในอุทยาน บานเกลื่อนกล่นหล่นเรี่ยราย
๏ ช้องนางนางคลี่ไว้ คิดทรามวัยเคยสรงสยาย
กลิ่นร่ำน้ำอบอาย ไม่วายว่างห่างหอมเลย
๏ เห็นปรางติดต้นตื่น เหมือนพี่ชื่นชิดชมเชย
จากนางส่างสุขเสบย เลยชมปรางต่างโฉมฉาย
๏ นางแย้มแซมนมสวรรค์ พี่ถูกถันน้องยิ้มพราย
ชื่นชมสุขสมสบาย วายสวาทนึกตรึกกรมเกรียม
๏ เล็บนางอย่างเล็บน้อง เหลืองดุจทองหาไหนเทียม
ปัดป้องข้องข่วนเรียม เห็นรอยติดคิดไม่หาย
๏ ลำเจียกกลีบนวลอ่อน เหมือนศรีสมรแม่แต่งกาย
ผิวผ่องต้องตาชาย หมายรักน้องปองจิตจง
๏ รสสุคนธ์ส่งกลิ่นกลบ เหมือนน้ำอบชโลมองค์
เรือชายใกล้กาหลง คิดโฉมยงเจ้าตามมา
๏ กล้วยไม้พันไม้ติด เป็นพวงพิศเพลิศพรายตา
อายอบสบนาสา พากลิ่นน้องล่องมาฤๅ
๏ กลิ่นแก้วแก้วกลิ่นชัด พระพายพัดรำเพยกระพือ
นามแก้วดอกแก้วคือ แก้วเนตรพี่นี้ใช่ใคร
๏ ดอกแก้วสีขาวผ่อง ไม่เหมือนน้องต้องติดใจ
ขาวเหลืองเรืองเรื่อใส ในแหล่งหล้าหาไหนทัน
๏ พุทธชาดดาษดื่นดก กอก้านปรกประเกี่ยวพัน
มะลิดอกออกแกมกัน หวั่นหวังนุชสุดกรมเกรียม
๏ พุทธชาดแกมมะลิ น้องช่างริหาไหนเทียม
ร้อยกรองต้องจิตเรียม วางให้พี่ข้างที่นอน
๏ ไม้ดอกออกต่างต่าง หลากหลายอย่างดูอรชร
คิดความยามบังอร เจ้าผูกไม้ให้เสียบทรวง
๏ สาวหยุดขึ้นพันรั้ว คิดพันพัวด้วยดอกดวง
สาวหยุดสาวน้าวพวง สาวหยุดหน่อยคอยพี่ชาย
๏ ส่าเหล้าเข้าแกมด้วย เหล้าแถ ถ้วยหนึ่งเมามาย
เมานุชสุดสวาทหมาย ร้ายกว่าเหล้าเฝ้าทุกข์ทน
๏ รักเร่เร่รักร้าง เล่ห์เรียมหักรักเร่รน
จากน้องต้องจำจน ผลกรรมพรากจากน้องนาง
๏ กระถินส่งกลิ่นเกลี้ยง คิดพ่างเพียงจากจำจาง
จำพรากจากจรทาง ทิ้งน้องไว้ไกลกระถิน
๏ ซ่อนชู้รู้ซ่อนชัก ซ่อนชายรักเรียมจากถวิล
ชายใ ในแผ่นดิน คิดเชยน้องต้องเคืองกัน
๏ ชมไม้มาตามทาง ให้คะนึงนางทุกวี่วัน
พรั่นพรั่นหวั่นจิตครัน ผันพักตร์ไปไม่ลืมเลย
๏ แม้นแม่มากับพี่ จะชวนชี้ชักชมเชย
ยิ้มเยื้อนไม่เชือนเฉย เลยชมเล่นเช่นเคยชม ฯ
เห่ชมนก
โคลง
๏ เรียมร่ำรำลึกน้อง นวลสมร แม่เฮย
เคยกระกองบังอร อุ่นเนื้อ
ยลเหล่าทิชากร กกคู่ เคียงแฮ
นึกเมื่อยามกอดเกื้อ เกศแก้วกับกร ฯ
กาพย์
๏ เรียมร่ำคร่ำครวญคราง โดยแถวทางท้องเถื่อนพนม
ปักษาน่าเชยชม แซ่เสียงซ้องร้องอึงอล
๏ โนรีสีปานชาด งามประหลาดน่าพึงยล
เหมือนนุชนฤมล ห่มสีสวาดบาดตาชาย
๏ สาลิกาจับกิ่งแก้ว ส่งเสียงแจ้วจับโสตหมาย
เหมือนเสียงเจ้าโฉมฉาย พริ้งไพเราะเสนาะกรรณ
๏ พิราบพิลาปร่ำ เหมือนน้องคร่ำครวญจาบัลย์
จากพรากเหมือนพรากขวัญ เนตรพี่ไว้ให้เกรียมกรอม
๏ นามนกชื่อรังนาน เหมือนรักรานนานถนอม
นางนวลนึกนวลจอม กรอมจิตตรึกนึกนวลนาง
๏ เบญจวรรณวันจากเจ้า กำสรดเศร้าแทบวายวาง
เค้าโมงโมงใดนาง จักคืนแอบแนบนิทรา
๏ ดอกบัวดุจบัวเจ้า เคล้นคลึงเคล้าเต้าบุษบา
นกแก้วดั่งดวงตา มาราร้างห่างสมศรี
๏ สัตวาวานไต่เต้า ไปแจ้งเจ้าเรียมทุกข์ทวี
ห่อนเห็นนกพาที รอบอกดังพังดวงแด ฯ
เห่ชมไม้
โคลง
๏ แสนถวิลหวั่นหวั่นด้วย วนิดา
พลางระเมียรพฤกษา ช่อช้อย
เรียงรุ่นรุกขผกา ดอกดก
ไปบส่างโศกสร้อย สุดว้างอาดูร ฯ
กาพย์
๏ เฌอเปรียงเปรียบปรางเจ้า หอมรสเร้ารื่นรวยริน
สลัดไดไยยุพิน สลัดได้ให้อาวรณ์
๏ สะท้อนสะท้อนทรวง ทุกข์ระลวงแทบม้วยมรณ์
กระทุ่มดังทุ่มกร ตีอกร่ำคร่ำครวญศัลย์
๏ สุกรมไป่กรมสุข กรมแต่ทุกข์ทุกวี่วัน
ต้นโศกเหมือนเรียมศัลย์ โศกสะอื้นกลืนน้ำตา
๏ รักป่ามาชื่อพ้อง กับรักน้องพงพงา
สลาลิงเล่ห์สลา น้องเจียนไว้ให้พี่ชาย
๏ ไม้เกดเหมือนเกศเจ้า กลิ่นรุ่งเร้าอวลอบอาย
ขานางอย่างน้องกราย ย่างเยื้องกรีดจริตทำ
๏ ระกำหนามระกะ เหมือนอุระเรียมระกำ
ไม้จากเหมือนจากจำ เพราะจากเจ้าเฝ้าทุกข์ทน
๏ ชงโคคิดคู่ชงฆ์ โฉมอนงค์นฤมล
นางแย้มดุจเรียมยล น้องแย้มยิ้มพริ้มพรายงาม
๏ ลำดวนหวนหอมชื่น เหมือนนุชรื่นนุชนงราม
นมสวรรค์เล่ห์บัวกาม บงกชเจ้าลำเพาพาน
๏ กระถินกลิ่นหอมกลบ เช่นน้ำอบสุดามาลย์
อินทนิลกลิ่นตระการ เช่นเกศเกล้าเคล้าสุวคนธ์
๏ พิกุลฉุนกลิ่นชื่น รวยระรื่นชื่นกระมล
หล่นกลาดดาษภูวดล กลสั่นไว้ให้เรียมชม ฯ
เห่ชมโฉม
โคลง
๏ ยลพักตร์ผิวผ่องเพี้ยง ศศิธร
สบเนตรยิ่งคมศร บาดซ้ำ
ฟังเสียงสุดอาวรณ์ หลังสวาท
งามท่วนล้วนลักษณ์ล้ำ แหล่งหล้าหาไหน ฯ
กาพย์
๏ ยลพักตร์ผิวผ่องผุด งามบริสุทธิ์เล่ห์จันทร
สบเนตรเนตรยิ่งศร รอจิตซ้ำล้ำเหลือคม
๏ พิศขนงวงดังวาด นาสิกผาดพองามสม
พิศปรางปรางน่าชม ปรางทองเปรียบไม่เทียมทัน
๏ พิศโอษฐ์โอษฐ์แฉล้ม ยามยิ้มแย้มเห็นรายฟัน
ดำขลับยับเป็นมัน ผันพักตร์เยื้อนเอื้อนอายองค์
๏ พิศกรรณกรรณบางเรียบ งามทัดเทียบกลีบบุษบง
พิศศอศอระหง ทรงงามสรรพรับอังสา
๏ พิศถันถันเต่งตั้ง งามดุจดังปทุมา
คล้ายคล้ายนัยนา น่าใคร่ต้องลองเลียมลวน
๏ พิศกรอ่อนโอนหยัด งามนิ้วทัศนขานวล
กรีดกรายชายกระบวน ชวนจิตพี่นี้คาดหมาย
๏ เอวอ่อนท่อนเพลากลม สูงต่ำสมพอควรกาย
ผิวผ่องดังทองพราย สายสุดสวาทบาดตาเรียม
๏ พิศพักตร์ตลอดบาท งามผุดผาดหาไหนเทียม
ขอต้องน้องอายเหนียม เรียมรักเจ้าเท่าชีวี
๏ กล่าวคำซ้ำอ่อนหวาน เพราะเปรียบปานเพลงดนตรี
เสนาะเสียงเจ้าพาที จับจิตจงปลงฤทัย
๏ พี่มั่นพี่หมายมาด คิดหวังสวาทจำนงใน
แม้นได้เจ้าทรามวัย ไม่เหินห่างจางรักเลย ฯ
25 ธันวาคม 2552 05:51 น.
น้ำ
อรุณสวัสดิ์ขอรับ
อ่านคำตอบแล้วขอรับ
ทราบซึ้งอารมย์ท่านDark knite มืดขุนมีด มาก สาธุ
กระผมน้อมศึกษา ด้วยคร้าบบบบบบ
ค้นคว้าประสาคนเรียนมาน้อยตามท่านขุนมีดที่ชอบศึกษายามมืดๆ
แต่ผมชอบยามเช้าๆ(Drunk Knite in morning)
อัญเชิญพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 5
๏ ความรู้ คู่เปรียบด้วย กำลัง กายเฮย
สุจริต คือเกราะบัง ศาสตร์ พ้อง
ปัญญา ประดุจดัง อาวุธ
คุมสติ ต่างโล่ป้อง อาจแกล้ว กลางสนาม ๚
แต่ผมแต่งเองบ้างนะคับ อ่านของพี่ๆแล้วตาแดง อิจสา กำเริบ
@ ลึก ตื้น หนา บาง @
๑ลึก อิจสาซ่อนแล้ว ในใจ
ตื้น นักมิตรแปลไป ห่างร้าง
หนา กิเลสเหตุดุจไฟ ลามลุ
บาง บรรพกาพย์กี้สร้าง เสพซึ้งจิตเสมอ๚
๒ลึก ปัญญาสติล้ำ เลิศญาณ
ตื้น อาจเรียนวิทยาทาน ท่านให้
หนา กิเลสส่อสันดาน ใจหยาบ
บาง กาพย์เก่าควรไว้ แต่ซ้องสรรเสริญ๚
๓ลึก บาปจิตหยาบร้าย ร้ายพา ร้ายฮา
ตื้น ต่อการณ์เจรจา หยิ่งก้อ
หนา คร้านคิดอิจสา ผู้อื่น
บาง บ่งเขลาเกลียดท้อ จิตแท้อย่าสมาน๚
๔ลึก สันดานต่ำช้า ทุรชน
ตื้น คิดปิดทางจน จากเบี้ย
หนา งานหนักคือคน สู้ชีพ ตัวแฮ
บาง สุขอาจเสพเวี้ย เฒ่าแล้วจึงเห็น๚
๕กสิกรบ่วิดน้ำ ทำนา
มวลช่างศรบ่หา ดัดไม้ ( ศร )
ปวงช่างปลูกเรือนพา กันก่อ สร้างแฮ
เสมือนปราชญ์มิอาจได้ แต่งถ้อยคำกวี ( แอ็บท่านDark Knite มา ดีแบบนี้แต่งเอง
ไป่เป็น)
กระผมน้อมศึกษา ด้วยคร้าบบบบบบ
ค้นคว้าประสาคนเรียนมาน้อยได้ว่า
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่5
ทรงมีพระราชนิพนธ์ ทั้งหมด 10 เรื่อง
ไกลบ้าน
เงาะป่า
นิทราชาคริต
อาบูหะซัน
พระราชพิธีสิบสองเดือน
กาพย์เห่เรือ
คำเจรจาละครเรื่องอิเหนา
ตำรากับข้าวฝรั่ง
พระราชวิจารณ์จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี
โคลงบรรยายภาพรามเกียรติ์
ปล1.ได้เพลา พาจ็อบ แบกบนบ่า ก่อนแว้วคร้าบบบบบ วันน่าขอค้นคว้ามาเพิ้มคร้าบบ
ปล.สุดท้ายจ้า
ท่านพี่ วลี ผัดกับข้าวยังเขียนเป็นโคลงได้นี่ผมว่าทำเกินไปนะ
เกินน่าตาผม 555
ความคิดเห็นที่ 6
สวัสดีครับ ทุกท่าน..
...
ลึก ลึกหมอสั่งห้าม สะเทือนใจ
หมอสั่งนักหยุดไป ดื่มเหล้า
กระผมก็หัวไว ตามสั่ง
เลิกดื่มนำมาเคล้า กับข้าวแล้วกิน
ตื้น ตันก็แต่ต้น ปอกระเจา
หมูสับผสมเอา หน่อยน้อย
ผัดผัดผัดเบาเบา หอมกรุ่น
หอมจวบน้ำลายย้อย หยาดย้วยหยดยาว
หนา นุ่มและเนื้อนิ่ม สันใน
เพียงเหยาะซีอิ๊วใส คลุกเคล้า
กะทะนำตั้งไฟ อ่อนอ่อน
ค่อยค่อยทอดนั่งเฝ้า ละเลียดเหล้าใจเย็นเย็น อร่อยนา
บาง เฉียบเปรียบแผ่นผ้า ชีฟอง
ปลาแล่กับผัดดอง อร่อยล้ำ
น้ำลายจักเนืองนอง หนุบหนับ
ต้องตักซ้ำหยิบซ้ำ อยากย้ำทำเยอะ จักดี นะเอย
...
จากคุณ : วลี..
23 ธันวาคม 2552 21:58 น.
น้ำ
๑รอยรูปอินทร์หยาดฟ้า ไป่เลือน
โฉมแม่หยาดหทัยเตือน อกเต้น
โคลงกาพย์ร่ายมนต์เสมือน สมานจิต
วอนลิลิตร่ายเน้น นอบน้อมสู่ฉันท์ ๚
๒เรียมโหยหาน่าช้ำ ระกำพบ
ร้างลิลิตวจีขบ ขื่นไข้
ตรองวลียากนึกนบ น้อมปราชญ์
ร้อยพร่าพร่ำช้ำไซร้ ไป่ต้องจินตัง๚
๓วานลมยอกย้อนสู่ สมฤดี
พจนร่ายสร้อยวิถี ไป่ร้าง
กราบพ่อแม่จ๋ามี คำฝาก ฝังใฝ่
ปูลูกปีนป่ายห้าง หดเหี้ยนคำสวย๚
๔โคลงฉันท์พันผูกพ้อง มิตรข้าไว้นา
วาทกระหวัดหัถต์ภาษา อย่าร้าง
มาเร็วมะแม่มา ประติดประต่อ
ขอกู่ก้องปองค้าง ย่างข้ามศกฉลอง๚