25 พฤษภาคม 2551 23:42 น.
นิลวรรณ
......
นิราศงาม ตามฝันในวันว่าง
ใจเต็มตื้น ชื่นฉ่ำ ไม่อำพราง
บนเส้นทาง สายใต้ ไปทะเล
ตระเตรียมของ จำเป็น เช่นหยูกยา
หลากอาหาร รถรา เสื้อผ้าเก๋
เครื่องดนตรี กีตาร์ เตรียมฮาเฮ
พร้อมเงินเปย์ ค่าต๋ง (คงรู้กัน)
สิบโมงเช้า ล้อหมุน ลุ้นรอฤกษ์
เอิกเกริก ล่ำลา น้องหมาฉัน
อยู่เฝ้าบ้านอย่าเกี่ยงเพียงสามวัน
ยามห่างหัน อย่าเห่าหอน งอนเจ้านาย
เมื่อสั่งเสียเสร็จสรรพ ขยับรถ
โดยตั้งกฎวิ่ง 80 ไม่เสียหาย
เพื่อประหยัดน้ำมันกันวอดวาย
การใช้จ่ายยุคนี้ต้องมีตรอง
เริ่มต้นที่จังหวัดใดไม่ขอเอ่ย
เกรงจะเผย ที่อยู่ อู่หอห้อง
สมมติเริ่ม ตรงแน่ว แถวแม่กลอง
แล้ววิ่งล่องสู่สถานปราณบุรี
เพื่อนพ้องร่วม ทางเดิน เกินสิบกว่า
รวมรถรา สี่คัน หลายสันสี
ดำvios ขาวcivic แดงcamry
เทาcity (อุ๊ย!สปอนเซอร์ เสนอมา)
ผ่านนาเกลือ เมืองสมุทร สะดุดคิด
ถึงชีวิต ก่อนเก่า เรานี้หนา
เคยกัดก้อน เกลือกิน จนชินชา
จนลืมค่า ความหวาน เสียนานนม
ผ่านเมืองราช เห็นนาข้าว ดูยาวเหยียด
วัชพืช ขึ้นบังเบียด พอเหมาะสม
เหมือนคนเรา มีสุข มีทุกข์ตรม
มาผสม ผสานใส่ ในชีวิต
เห็นต้นตาล เรียงราย ทั้งซ้ายขวา
กลางทุ่งนา กว้างใหญ่ ใจสะกิด
ซ่อนแอบความ หวั่นไหว ไม่มิดชิด
คนสนิท เคยอยู่เขต เพชรบุรี
ของพื้นเมือง เลื่องชื่อ คือหม้อแกง
ทั้งเป็นแหล่ง น้ำตาล หวานเหลือที่
ชมพู่เพชร เด็ดล้ำ ฉ่ำชีวี
มะนาวมี มากมาย ตั้งรายเรียง
กว่าจะผ่าน เมืองเพชร แสนเข็ดเคี่ยว
รถเลาะเลี้ยว ติดหนับ ยากขับเลี่ยง
มองเขาวัง ลางเลือน เหมือนเอนเอียง
อยากเลียบเคียง แวะไป เกรงไม่ทัน
ผ่านมาถึง หัวหิน ถิ่นมีหอย
เคยแวะบ่อย จึงเบี่ยง เพียงแลหัน
นึกถึงมุก เม็ดงาม อยู่ครามครัน
นิลวรรณ เคยแฝง เมื่อแต่งกลอน
จนถึงถิ่น ที่หมาย เกือบบ่ายคล้อย
เขาสามร้อย ยอดยาว พราวสลอน
คิดถึงเขา คนของใคร ไหวอาวรณ์
อกร้าวรอน ลืมไม่ลง พะวงจำ
รถเลี้ยวขวา พาเลาะ เลียบริมหาด
ทรายสะอาด น้ำใส ใจชุ่มฉ่ำ
สนเอนลม โชยชาย คล้ายระบำ
เหมือนน้อมนำ ให้เรา อยู่เนานาน
ลงเล่นน้ำ ทะเล ใจเหหัน
ก่อนหน้านั้น จำได้ หลายปีผ่าน
เคยมีเธอ ลงเล่น เย็นสราญ
แต่แล้วกาล เปลี่ยนไป กลับไร้เธอ
เสียงร้องเรียก เพรียกหา มาจากเพื่อน
ต่างติงเตือน เรื่องอาหาร สานเสนอ
ทั้งปิ้งย่าง ต้มยำ มาบำเรอ
แหมเพื่อนเกลอ เปรอปรน จนหนำใจ
เห็นกุ้งย่าง ตัวใหญ่ ให้ฉงน
นึกถึงคน บ้านกลอน คอนอยู่ใต้
เห็นหอยใหญ่ ให้คะนึง ถึงข้างใน
จะมีมุก อยู่ไหม สงสัยจัง
ถึงเวลา ฮาเฮ และเสสรวล
ต่างแยกก๊วน ร้องเล่น เต้นดูหนัง
พอดึกหน่อย หลบลี้ หนีความดัง
แอบมานั่ง สี่ขา พร้อมผ้าปู
ขอไม่เผย เอ่ยแจ้ง แถลงไข
ว่ามานั่ง ทำอะไร กลัวใครรู้
พอรุ่งสาง สว่างแจ้ง แสงพราวพรู
ยังนั่งอยู่ จนเพื่อน มาเตือนตาม
ถึงเวลา กลับบ้าน ในวันใหม่
ความอิ่มใจ ท่วมท้น จนล้นหลาม
ไม่ขอลืม ปราณบุรี ที่งดงาม
จบนิยาม นิราศเหงา เท่านี้เอย
11 พฤษภาคม 2551 08:57 น.
นิลวรรณ
คิดถึงเธอ คนดี เป็นที่สุด
เปรียบทุกสิ่ง ถูกหยุด ด้วยห่วงหา
ดาวหายห่าง ร้างไร้ ไกลจันทรา
เกินจิตที่ ไขว่คว้า รักมาครอง
รู้ไหมใคร มั่นคง ส่งความคิด
สื่อข้อความ ลิขิต ด้วยจิตหมอง
ดังจุดมืด ยืดยาว เข้าจำจอง
ข่มจิตใจ ไม่ร้อง เมื่อเธอไกล
แม้ทุกข์กรอม พร้อมรัก ที่หักร้าว
ทั้งโหมร้อน ผะผ่าว ยิ่งร้าวไหว
ยังรอหวัง ฝังจิต คิดรอยไกล
คอยรักกลับ มาใกล้ ใหม่อีกครั้ง
เมื่ออกครวญ หวนไห้ อาลัยหา
อุราโหย โรยลา เกินฝ่าฝัง
กี่ฝนฝืน กลืนกล้ำ เพียงลำพัง
ผู้เหลือเพียง ความหวัง ยังรอเธอ
9 พฤษภาคม 2551 23:43 น.
นิลวรรณ
อยากเห็นรอย ยิ้มแย้ม อันแจ่มใส
ที่เคยได้ ครั้งก่อน แสนอ่อนหวาน
จากคนที่ เคยคุ้น อุ่นเบิกบาน
จนดวงมาน แช่มชื่น ทุกคืนวัน
เริ่มจากยิ้มผ่าน M ช่างเต็มตื้น
เธอหยิบยื่นเยื่อใยมอบให้ฉัน
ต่อมาเป็น hi5 ได้ผูกพัน
เธอเลือกสรร มาให้ ด้วยไมตรี
อีกทั้งยิ้ม ส่งโชว์ โทรศัพท์
Massage รับ ส่งกัน ฉันสุขี
จนถึงภาพ ซาบซึ้ง ตรึงฤดี
ยิ้มเธอมี ความหมาย พร้อมสายตา
อยากเห็นยิ้ม ต่อไป ให้ชัดชัด
เธอจะขัด ข้องไหม ใจกังขา
จากตัวจริง เมื่อประสบ และพบพา
อยากรู้ว่า ยิ้มเธอนั้น เป็นฉันใด
4 พฤษภาคม 2551 17:46 น.
นิลวรรณ
เธอเกิดจาก สิ่งที่ มีชีวิต
จึงใจจิต โอนอ่อน ผ่อนตึงแข็ง
สมเป็นสิ่ง สูงค่า ราคาแพง
ควรแสวง เสาะหา มาแนบครอง
เธอพิสุทธ์ สวยใส ไร้เดียงสา
งามเกินกว่า ที่ใคร ทำให้หมอง
หากตกอยู่ในมือ ผู้ถือปอง
ความผุดผ่อง อาจทำ ให้ฉ่ำเย็น
เธอจึงเป็น สิ่งดี มากมีค่า
ยากจะหา คำเอ่ย เท่าเคยเห็น
ช่วยลดความ หม่นช้ำ และลำเค็ญ
เพราะเธอเป็น มุกงาม นามมณี
ส่วนเธอเกิด จากสิ่งที่ ไร้ชีวิต
จึงใจจิต แข็งแกร่ง ด้วยแสงสี
จากทรายหิน ดินตม ถมทวี
นานนับปี ก่อเกิด กำเนิดมา
เธอเรียนรู้ แกร่งกร้าน ในด้านมืด
ความแข็งฝืด หนักแน่น ดังแผ่นผา
จึงหล่อหลอม สีสัน ด้านกายา
ให้เจิดจ้า สวยเด่น เป็นสีดำ
เธอจึงเป็น นิลดี มากมีค่า
แม้ที่มา ต่างกับมุก ก็คมขำ
หากใครได้ ครอบครองและจองจำ
เธออาจนำ ความสุข ให้ทุกคน