13 พฤศจิกายน 2549 09:34 น.
นิลจันทรา
หากรักนั้นเปรียบดุจสายน้ำ
ให้ความฉ่ำแก่หัวใจมิขาดสาย
มอบความสุขให้แก่ใจและกาย
แม้ต้องตายมิเสียดายชีพนี้เลย
หากรักนั้นเปรียบดุจสายลม
ให้ชื่นชมความหอมของมวลเกสร
มอบความสุขติดตัวไปดุจอาภรณ์
แม้ต้องจรจากกันไปมิลืมเลือน
หากรักนั้นเปรียบดุจเปลวไฟ
ให้ใจนั้นร้อนรุ่มด้วยเสน่ห์หา
มอบความรักความร้อนแรงจนตรึงตรา
แม้ต้องลาแต่ใจจิตคงร้อนแรง
หากรักนั้นเปรียบดุจผืนแผ่นดิน
ให้หัวใจแกร่งดั่งหินแห่งภูผา
มอบความกล้าความมั่นคงเสมอมา
แม้ต้องมาพลัดพรากกันมิเสียใจ
หากรักนั้นเปรียบดุจผืนแผ่นฟ้า
ให้นภาโอบอุ้มใจด้วยสุขสันต์
มอบความอบอุ่นให้ทุกคืนวัน
แม้หากต้องแยกจากกันคงไม่ลืม
หากรักนั้นเปรียบดุจต้นไม้ใหญ่
ให้มวลไม้เป็นร่มเงาให้ใจจิต
มอบความรักความห่วงใยอย่างไกล้ชิด
แม้ต้องติดหนี้ชีวันมิเสียดาย
13 พฤศจิกายน 2549 09:33 น.
นิลจันทรา
อนาคตมักไม่เที่ยงแท้
ความแน่นอนไม่มีให้เห็น
สิ่งที่หวังมิใช่สิ่งที่เป็น
ความยากเย็นมักอยู่เบื้องหน้า
อนาคตเหมือนกับเส้นตรง
มนุษย์จงอย่าฝืนคำสั่งฟ้า
อย่าขัดขืนลิขิตหรือชะตา
ทางข้างหน้าเราได้แต่เดินต่อไป
อนาคตอาจล่มถ้าเราหยุด
ไปไม่สุดทางฟ้าแล้วไฉน
ฟ้ามลายทำลายทางไกล้ไกล
จำเอาไว้เราเกิดมาเพื่อเดินทาง
3 พฤศจิกายน 2549 21:00 น.
นิลจันทรา
อกคนเรานั้น ฤ เปรียบกับสิ่งใด
ดวงจิตใจอาจแข็งดั่งหินผา
ฤ แม้อาจเปรียบได้กับธารา
ที่อาจล้าอาจแรงไม่รู้ตน
บางครั้งใจเปรียบได้กับกระดาษ
อาจฉีกขาดได้หลาย ๆ หน
แต่รู้ไหมทุกครั้งนั้นทุกข์ทน
บ้างเจ็บจนอยากม้วยมลายไป
เจ็บไหมยามใจถูกเขาฉีก
แต่ไม่อาจปลีกรักจากเขาได้
ปล่อยให้เขายำใจเราจนเละไป
มันคุ้มไหมแม้ได้ไกล้ชิดกัน
ทนเพื่อรักทนได้ใครใคร่รู้
ว่ารักชูกายใจให้สุขสันต์
ลืมความเจ็บใจกายไปโดยทัน
ทีที่ท่านได้คำหวานมาซ่อมใจ
วงจรนี้มันช่างอุบาทย์นัก
คำว่า"รัก"มันไม่พ้นไปที่ไหน
คนรักเองทุ่มได้ทั้งกายใจ
คนรับไซร้บางทีไม่ตอบมา
คนเฝ้าดูก็รู้อยู่แก่ใจ
ยังไงก็มิอาจตัดเสน่หา
ที่ผูกใจเขาอยู่เสมอมา
แม้กายล้าแต่ใจยังสู้ต่อไป
เจ็บจิตใจจนจับจิตทุกครั้ง
แต่ก็ยังไม่เข็ดไม่หวั่นไหว
แต่สักวันยามปลดปลงทั้งกายใจ
วันนั้นไงวันที่ยอมเลิกรา...