2 กรกฎาคม 2551 14:11 น.
นิรา
ฉันร้อนรุ่มกลุ้มใจในหัวอก
เหมือนนรกหมกไหม้ไฟแผดเผา
หลงระเริงรื่นรมย์เสพสมเงา
มันหลอกหลอนยั่วเย้าให้เฝ้ารอ
ดังความฝันไขว่คว้าเข้าถาโถม
คอยเล้าโลมรุมเร้าเฝ้าร้องขอ
ต้องเติมเต็มสักเท่าใดใจจึงพอ
ราคะก่อราคีร่านซ่านฤดี
เหมือนแมงเม่าร่าเริงร่อนถลา
ปรารถนาความร้อนแรงแห่งแสงสี
จึงมุ่งมั่นหลงภักดิ์ในอัคคี
ด้วยพร้อมพลีมอบร่างลงกลางไฟ
แม้นทั้งรู้พระเพลิงยังเหลิงหลง
ร้อนแค่ร้อนมันคงมิพ้น "ใคร่"
เพลิงแค่เพลิงสุมมันลงกลางใจ
แผดเผาให้แดดิ้นสิ้นชีวา
เป็นคนเหมือนภูตผีสิงสถิตย์
นำชีวิตบัดสีพลีตัณหา
ระริกร่างเลือดเนื้อเพื่อบูชา
เสพกามารื่นรสบทอัศจรรย์
โถมถั่งโถมโลมเล้าเข้าหลอกล่อ
เพื่อเติมต่อเส้นทางอย่างหฤหรรษ์
หลงเวลาปลาบปลื้มจนลืมวัน
ความสุขสันต์ผันแปรไม่แน่นอน
นาฬิกาเดินไปไม่หยุดนิ่ง
ดั่งถูกสิงให้เริงรำระบำฟ้อน
ระริกร่างรื่นรสทุกบทตอน
ตัวละครแสดงนำระบำโลกีย์
15 กรกฎาคม 2549 20:31 น.
นิรา
สิ่งใดใดในโลก
อุปโลกน์รูปพรรณสัณฐาน
ต่างเวลาต่างกาล
มีชื่อเรียกขานต่างกัน
สิ่งสุขสร้างอิ่มเอม
ปรีดิ์เปรมเกษมหฤหรรษ์
เทพไท้ให้รางวัล
แด่ผู้สร้างกรรมทำดี
สิ่งทุกข์ทับถมจิต
จมติดพิษร้ายหน่ายหนี
มัวหมองต้องราคี
ภูตผีตนใดให้มา
อัตตาอันเลิศล้ำ
สูงค้ำเหนือใดในหล้า
ยอดภูเหยียดเสียดฟ้า
เหนือนั้นยอดหญ้าหยัดยืน
ของกูคือของกู
ใยอยู่คู่เคียงคนอื่น
ของกูต้องเอาคืน
มาเคียงไว้ในครอบครอง
สิ่งใดใดในโลก
ทุกข์โศกสุขเศร้าแซ่ซ้อง
ร่างกายบนดินรอง
รับรู้ฤๅรสสิ่งใด
นิรทุกข์-หมดสิ้นแล้ว-
มิคลาดแคล้วนิรภัย
และแล้วจึ่งเข้าใจ-
สุดท้ายไซร้คือไม่มี
9 ตุลาคม 2548 20:47 น.
นิรา
ทุกย่างก้าวเคยเหยียบช่างเงียบเหงา
ทุกใฝ่เฝ้าเมื่อตื่นคือคืนฝัน
ทุกความรักเคยพบต้องจบกัน
ทุกทุกวันกลืนกล้ำกลั้นน้ำตา
ทุกนาทีที่ผ่านเมื่อวานนี้
ทุกราคีหม่นหมองเมื่อมองหา
ทุกอารมณ์ข่มเศร้าที่เข้ามา
ทุกสัญญาเคยพร่ำต้องช้ำทรวง
ทุกหายใจไร้สุขทุกข์เหลือแสน
ทุกดินแดนดาวดึงส์ถึงแดนสรวง
ทุกอณู ณ เบื้องบนคือคนลวง
ทุกเหวห้วงห่วงหวงบ่วงเล่ห์กล
ทุกถ้อยคำย้ำเตือนเหมือนตามติด
ทุกเวลาแห่งชีวิตคิดสับสน
ทุกแสงทองส่องสว่างกลับมืดมน
ทุกข์เปี่ยมล้นท่วมทั่วชั่วชีวี ..
16 สิงหาคม 2548 10:19 น.
นิรา
เป็นโรคร้ายกระหน่ำซ้ำชีวิต
มันเกาะติดกัดกินจนสิ้นหวัง
ค่อยคุ้ยแคะแทะโลมโหมให้พัง
น่าชิงชังหนักหนาระอาใจ
เชื้อเริ่มแรกแทรกซึมเข้าทางหู
คำเชิดชูเพราะพริ้งสิ่งสวยใส
วจีหวานซ่านซาบอาบหทัย
มันทำให้หูบอดต้องวอดวาย
แล้วลุกลามตามทางกระแสเลือด
ความหวังเหือดแห้งลงคงฉิบหาย
เคยใฝ่ฝันสิ่งใดให้มลาย
ความสุขกลายเป็นทุกข์โดนรุกราน
กว่าจะรู้สึกตัวก็ชั่วนัก
เอาความรักบังหน้าพาร้าวฉาน
ตั้งไม่ติดคิดไม่ทันมันอันธพาล
วางแผนการณ์ทำร้ายทำลายใจ
บ่มเพาะเชื้อชั่วช้าสาฤดี
เหยียบย่ำยีศรัทธาข้าฯ สิ้นไร้
หยามความรักจริงแท้พ่ายแพ้ไป
เข้าชอนไชทะลวงร่างวางกลกาม
2 กรกฎาคม 2548 13:50 น.
นิรา
กาลครั้งนานมา ..
หนุ่มชาวนากลางทุ่งกว้าง
กระท่อมเก่ารกร้าง
ให้อ้างว้างเพียงเดียวดาย
ออกทำมาหากิน
เลี้ยงชีวินด้วยแรงกาย
ปลูกข้าวปักกล้า -หมาย-
ให้ออกรวงล่อควงเคียว
แต่ฝนซาหน้าแล้ง
ร่องน้ำแห้งต้นข้าวเหี่ยว
ไร้ผลสักรวงเดียว
ฟ้ากลั่นแกล้งข้าฯ หรือไร ..
นางที่อยู่บนนั้น
ขอรำพันหน่อยได้ไหม
โปรดเถิด .. โปรดเห็นใจ
ข้าฯ ยากไร้แสนทุกข์ทน ..
น้ำจากฟ้าหลั่งเถิด ..
เพื่อให้เกิดดอกออกผล
อย่าทับถมคนจน
จนทั้งกายจนทั้งใจ ..
นางฟ้า .. บนสวรรค์ ..
ชอบแบ่งปัน .. เป็นผู้ให้ ..
มิอาจทนเฉยได้
เยื้องย่างเหยียดกรายสู่ดิน
เจ้าชาวนา .. อมทุกข์
ดูไร้สุขเสียจนสิ้น
มิอาจเฉย .. ทนยิน
นั่งฟังนิ่งไม่ยื่นมือ
ข้าฯ จะช่วยเหลือเจ้า
แต่จงเฝ้าเรายึดถือ
ทำความดีนั้นคือ
สิ่งแลกเปลี่ยนจงเพียรทำ
หนุ่มชาวนาดีใจ
ยิ้มแย้มไปเพื่อรับคำ
หากข้าฯ พ้นกลืนกล้ำ
จะก่อกรรมทำแต่ดี
ทันใดนั้น .. น้ำฝน ..
รินหลั่งจนข้าวอิ่มพี
ต่อจากนี้ .. จะมี
รวงข้าวน้อยคอยเคียวคม
ขอบคุณนางบนฟ้า
ที่ช่วยข้าฯ จากทุกข์ถม
พ้นผ่านความโสมม
แห้งแล้งจนร้อนชีวี
เดินทางกลับบ้านน้อย
เพื่อรอคอยความสุขี
รวงข้าวผลพ่วงพี
จะได้หนีพ้นจนกาย
กลางทางพบงูเห่า
ดูซึมเซาใกล้วางวาย
อยากช่วย .. กลัวพิษร้าย
หากแว้งกัด .. สัตว์มีพิษ ..
แต่สัญญา .. ทำดี!!!
จะหลีกหนี .. อย่าได้คิด
จับงูใส่ย่าม -ปิด-
เอากลับบ้านเพื่อช่วยมัน ..