27 กันยายน 2548 09:58 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
เรารักกันมาแต่ไหนใครใครรู้
เราหวังสู่ขอกันมิหวั่นไหว
แต่คำตอบของพ่อท้อดวงใจ
คือว่าไม่เมื่อเขาขอพ่อเดือดดัน
เราทำตามประเพณีนี้ทุกอย่าง
พ่อขัดขวางลูกถึงจึงคิดสั้น
ด้วยไม่อยากทำชั่วช้าอย่างว่านั้น
จึงคิดบั่นชีวิตตน..พ้นโลกมา.
26 กันยายน 2548 01:11 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
มองดาวเดือนเกลื่อนท้องฟ้าพาหม่นหมอง
น้ำตานองถึงบ้านเก่าเศร้านักหนา
คิดถึง..."อ.อู่ทอง"...คนท้องนา
"แก้ว"จากมาด้วยคิดผิดจิตจาบัณฑ์
ด้วยไม่คิดว่าเมืองหลวงจะลวงหลอก
"แก้ว"ช้ำชอกเพราะเขาเอ่ยคำเย้ยหยัน
อยากจะกลับคืนบ้านนาป่าไพรวัลย์
แต่ใจหวั่น..."อ".ไม่...อภัยเรา
26 กันยายน 2548 01:00 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
เสียงหรีดหริ่งเรไรซ้องร้องประสาน
ราตรีกาลดาวกระจ่างกลางเวหา
สายลมโชยโรยระรื่นชื่นอุรา
โสมส่องหล้านภาพราวสกาวนวล
ธรรมชาติยามราตรีมีมนต์ขลัง
เสียงลมสั่งพัดกระโชกวิโยคหวน
เสียงหริ่งหรีดเรไรร้องก้องรัญจวน
คิดถึงนวลคนที่รักเขาจากไกล
22 กันยายน 2548 07:38 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
สวัสดีคะ...พี่พี่...ที่ทายทัก
ขอบคุณนัก...ที่ทักทาย...พอคลายเหงา
เป็นนักกลอน...น้องใหม่...หนอตัวเรา
พึ่งจะเข้า...มาไม่นาน...เพียงผ่านมา
ด้วยใจรัก...อักษร...จึงอ้อนตอบ
ด้วยแก้วชอบ...บทกลอน...อ้อนภาษา
เพียงเดินผ่าน...เห็นเว๊ปกลอน...แก้วแวะมา
ร่วมสร้างสรรค์...เฮฮา...ประสาเรา
ขอฝากตัวเป็นน้อง...เป็นศิษย์ค่ะ
21 กันยายน 2548 01:11 น.
นิรนาม / แก้ว กลางไพร
มองเวหาฟ้าสว่างที่กลางหาว
มองดวงดาวเดือนเด่นเห็นสุกใส
มองภูเขาลำเนาป่าพนาไพร
หริ่งเรไรวิหคซร้องร้องเรียกกัน
มองดูห้องหอเราเศร้าดวงจิต
เพราะมิ่งมิตรไม่กลับมาพาโศรกศัลย์
ช่างเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเสียวชีวัน
โอ้ตัวฉัน..อ้างว้าง..เหมือนอย่างเคย.