7 สิงหาคม 2545 18:12 น.
นิติ
กว่าเธอจะตกลงอุบัติเหตุรถชนเสร็จ เกือบเที่ยงคืน
เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมตกลงการชดใช้ค่าเสียหาย แต่สุดท้าย จิตรา ก็ให้ตามที่เขาต้องการ
แต่ปกติแล้ว จิตราไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ ครั้งหนึ่งมีเหตุการณ์แบบนี้กับเพื่อนเธอ
เธอไม่ยอมให้เสียเปรียบถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลเอง จนได้รับความยุติธรรมที่สุด
แต่ครั้งนี้ เธอสับสน ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกรู้สาสิ่งใด ไม่อย่างจะทำทำสิ่งใดเลย
ในหัวสมองเธอกำลังคิดว่า รนาไปรู้จักกับแม่นั้นได้อย่างไร ความสัมพันธ์ ไปถึงขั้นไหน
มันเป็นแผนของรนาหรือเปล่า แต่ก็คิดเจ็บใจ ที่เชื่อใจรนา ไว้วางใจมาตลอด
ไม่น่าทำกันได้ขนาดนี้ ไปกับหญิงอื่น กอดคอพลอดรักกัน ทำเธอเสียใจมากพอแล้ว
นี้ถึงขนาดสมรู้ร่วมคิดกัน เอาความรักความสวยงามของเธอให้เป็นกลลวง
ไม่เอาปืนไปยิงให้ตายทั้งคู่ บุญเท่าไหร่แล้ว
รนา นั่งมองฟ้าเหมือนคนสิ้นคิด คำกล่าวหาที่เขาได้รับ
มันก็ไม่ใช่ความเสียจริงทั้งหมด แต่ก็ยอมรับกับความจริงในชีวิตเขาคนนี้
เขาตกงานกระทันหัน ด้วยเหตุผลของงานที่ว่า คบคิดกับคนที่โกงบริษัท
เหตุผลทางความรัก เขา หลอกลวงจิตรา นอกใจ หนีเที่ยว เหตุผลเหล่านี้เพียงพอ
ที่ต้องกระเด็นออกจากบริษัทได้แล้ว ตอนแรกรนาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
เมื่อได้ฟังความจาก วรรณภา ผู้หญิงในคืนนั้นเขาจึงยอม สละจิตราไป
วรรณภาหลงรัก รนา มาตั้งแต่เรียน ปวช ปีสุดท้าย และไม่ได้เรียนต่อเธอ ออกหางานทำ ได้ทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อครั้งที่แม่รนาป่วย วรรณภาจึงยอกยักเงินบริษัทมารักษาแม่ของ รนา
ขณะนั้น รนา เรียนอยู่ ฐานะทางครอบครัว ไม่คอยดีนัก ได้วรรณภาช่วยเหลือมาตลอด
ความรักความผูกพัน บุญคุณ และชีวิต รนาปล่อยปัญหานี้มาตลอด จนมาเจอ จิตรา เขารักจิตรา
จนเกือบจะได้แต่งงานกันแล้ว ต้องมารู้ภายหลังว่า วรรณภาเสียสละเพื่อครอบครัว เงินที่ได้ที่นำมา
รักษาแม่ของเขาและจุนเจือมาตลอดเพราะ วรรณภาเป็นเมียลับๆของพ่อจิตรา แต่พอพ่อจิตราจะยกยอปอปั้น
เธอกลับไม่รับและไม่ยอม พ่อจิตราโกรธมาก ใส่ความเธอ แต่ตนเอง ก็ตรอมใจไม่ยอม
ทำงานเจ็บป่วยออดๆแอดๆ ให้จิตราบริหารงานแทน
รนาขบคิดตลอดทั้งคืน คนที่เรารักหรือคนที่รักทุกอย่างที่เป็นเรา
การหายป่วยของและสิ่งจุนเจือจนจบการศึกษา
จะเลือกความสุขส่วนตัวหรือบุญคุณ แต่สุดท้าย
รนาจึงตัดสินใจกับสิ่งที่เหลืออยู่ และอยู่ต่อไป
29 กรกฎาคม 2545 17:39 น.
นิติ
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ...... ..................... .. ............... .......................... ....... .......................... ....... ......................... ...... .................. ............ ....... ............ ....... ..................... .... . ................ ....................... ..................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ...... ..................... .. ............... .......................... ....... .......................... ....... ......................... ...... .................. ............ ....... ............ ....... ..................... .... . ................ ....................... ..................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................จุด จุดหนึ่ง อาจไม่มีใครมองเห็นและไม่สนใจ
จุดหลายหลายจุด อาจเกิดความสงสัย
ว่าทำไมต้อง จุด จุด จุด จุด.............................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ...... ..................... .. ............... .......................... ....... .......................... ....... ......................... ...... .................. ............ ....... ............ ....... ..................... .... . ................ ....................... ..................................................... ................................................................................
จุด จุดหนึ่งที่คุณผ่านไป
จุด จุดหนึ่งที่ใครก็หาได้
จุด จุดหนึ่งที่ไม่มีขาย
จุด จุดหนึ่งที่มีค่าแต่ไร้ราคา
จุด จุดหนึ่งที่เกิดเป็นประสบการณ์
จุด จุดหนึ่งที่ดีเด่น
จุด จุดหนึ่งที่เลวร้าย
จุด จุดหนึ่งที่ ที่จุดไว้
จุด จุดหนึ่งที่อยู่กับคุณตลอดไป..............................................................................................................................................................
29 กรกฎาคม 2545 17:38 น.
นิติ
ราตรีที่มีแต่ความวุ่นวาย ไม่จะเป็นคน รถยนต์ รถไฟฟ้า
และอีกหลายอย่างที่ขี้เกียจพูดถึง เพราะมันวุ่นวายครับ
กลิ่นควัน กลิ่นกายการทำงานของแต่ละคนดูคละคลุ้งผสมเป็นกลิ่นใหม่
ที่กลิ่นโคลนสาบควาย ดูจะราคาดีกว่ากลิ่นตัวทั่วไป เพราะอะไรนั้นหรือ
ก็ควายมันหายากเน๊อะ แล้วนับประสาอะไรกลิ่นของตัวมันจะมี แพงน่าดูเลยหล่ะกับยุคสมัยนี้
แต่ก็ยังดี ยังมีหนุ่มต่างจังหวัด ระบุเพิ่มอีกนิดก็แล้วกัน ต่างจังหวัดที่ว่าก็แถบอิสานหน่ะ
ไอ้อิด กับ ไอ้ริด มันเป็นเพื่อนรักกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
จะไม่ให้มันสนิทสนมกลมเกลียวได้ไงหล่ะ
ก็พ่อ ไอ้ตัวแสบ 2 คนเนี๊ยะเป็นเกลอกัน อิสานหน่ะเรียก เสี่ยว เด้อครับ
ขนาดพ่อยังเป็นเสี่ยวกัน เลยจับลูกคลุมถุงชนผูกเสี่ยวกัน
นับแต่นั่นมา ไอ้สองตัวนี้ เลยเป็นสองตัวแสบประจำตำบลเลยหล่ะ
ถ้าได้รวมตัวกัน งานวัดงานไหนงานนั่น มีแต่พังครับเจ้านาย
แต่ดีนะที่มันเข้ามาเรียนในกรุงเทพได้เกือบเทอมแล้ว
ทำให้วัวความชาวบ้านคงหายแตกตื่นไปซักพัก
ที่จริง ไอ้อิด กับ ไอ้ริด จะเรียนแถวบ้านก็ได้
เหตุผลง่าย "พ่อมีตังค์ให้ผลาญเล่น" ดู ดู ดู ความคิดอันชาญฉลาดของมัน!
ค่ำคืนนี้ เขาจึงตะเวนเที่ยวกันให้สุดฤทธิ์
ณ อาร์ซีเอ ที่คนเท่ห์ๆอย่างไอ้สองคนนี้เขาไป มาดูสิ ราตรีค่ำคืนนี้ 2 คนนี้จะวาดลวดลายอะไรบ้าง กับบรรยายกาศที่มองไปทางใดไม่มีดวงดาวดวงเดือน
สายลมก็พัดเบาๆ ดูท่าจะหายใจขัดๆพิลึก แต่สิ่งที่ยั่วหยวนใจกว่าแสงดาว มันคือไฟแสงสีต่างหากเล่า ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสวยแบบจำลอง ที่ไม่ใช่แสงดาวตก ดาวไถ โดยแท้
ไอ้คุณ ริด ดูเหมือนคล้ายพีท ทองเจือ แต่ที่จริงผม หนุ่มศรราม+แบรด
พีด มากกว่า ฮ่าๆ
ส่วนข่อย ไอ้อิด หล่อ กวัว ดัชชี่บอยอีกครับ
คืนนี้สองคนนี้ จะใช้เงินที่พ่อandแม่ส่งมาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ด้วยการลิ้มลองประสบการณ์ชีวิตในเมืองกรุง จะได้เก็บไปเล่าให้เด็ก
แถวบ้านฟังว่าเป็นไงและให้มันอิจฉาเล่นๆ
เราจะออกท่องเที่ยวเหมือนผีเสื้อราตรีกันเลย
สองคนนี้อยู่ในเมืองมาพอสมควร เริ่มรู้แหล่งที่เที่ยวที่ขาเฮ้วเขาไปกัน
และที่ผับแห่งนี้ เป็นที่ทราบกันดี ใครมาที่จะไม่ผิดหวัง
อย่างน้อยๆก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือไปด้วยทุกคน
อะไรเหรอ
นี้งั้ย สาวๆ สวยบ้าง ไปวัดไปวาได้บ้าง
มีอยู่เหมือนกันหน่า มีผู้ชายติดไปบ้างเหมือนกัน
กระเทยก็มีติดไปนะ
"น้องหรือพี่ครับ เอา อ่า อ่า อ่า มาตบปากหน่อยเดะ"(อย่างที่รู้กันโฆษณาเบียร์หน่ะ)
ไอ้ริดเริ่มสั่งอย่างที่เคย
"คืนนี้ เอาสวยๆขวัญใจโจ๋อาชีวะเลยนะโว้ย"
สายตาไอ้อิดเริ่มมองหาเหยื่อหรือผู้ที่โชดดีในค่ำคืนนี้
"แม่ง พอเข้าผับมึงเลิกพูดลาวเลยนะมึง!"
ไอ้ริดดัดคอไอ้อิด ในฐานที่มันลืมกระพือเก่าตนเอง
"เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามโว้ย"
สายตาไอ้อิดควานหาต่อไปอย่างเสือหิวกระหายเหยื่อ
"เจอแล้ว เจอแล้ว"
เสียงไอ้อิด สะกิดให้ไอ้ริดหันมาในขณะที่ยังดิ้นเมามันกับเสียงเพลงอยู่
"เจออะไรว่ะ"
ไอ้ริดมองไปที่ไอ้อิด แล้วลากสายตาไปตามไอ้อิดด้วยความฉงนสงสัย
"คนเมื่อวานก่อนที่กูหมายตาไว้แต่ เสือกพลาด
โดนหมาเอาไปแดกก่อนไง"
ไอ้อิดพูดแกมเสียดาย ที่ผู้ชายคนนั่นไม่ใช่มัน
"คืนนี้กูไม่ปล่อยแม่ผีเสื้อสวย หลุดมือไปแน่
ไอ้อิดท่าทางจะเอาจริง
สักพักไอ้อิดเริ่มโชว์ลีลาลวดลายคล้ายกระต่ายหมายจันทร์ แต่ใจมันเทียบเท่าเสือจ้องตะครุบเหยื่อ และย่ำยีชีกเนื้อหนังเหยื่อออกเป็นชิ้นๆเพื่อกินเนื้อในขาว-แดง ไอ้อิดมันรู้สเต็บเชิงชายดี ไม่เสียทีที่ถลุงเงินทางบ้านเป็นแสนภายในเวลาแค่เทอมเดียว ตอนเนี๊ยะมันเริ่มได้นั่งโต็ะคุยด้วยกันแลัว
แหม่คงไม่รอด ดูสิท่าทางคุยกันถูกคออีก
ไอ้อิดมันรู้ดี จากพวกรุ่นพี่มัน ผู้หญิงที่เข้ามาในนี้มันหวังมาสนุก เติมเต็มสิ่งแปลกๆใหม่ๆ ไม่จำเจกับผู้ชายคนเดิม มันไร้รสชาติชีวิต และอีกอย่างผับแห่งนี้ก็คนมีสีเป็นเจ้าของ แม่งมีหุ้นแจกกันทุกสีเลยมั้ง
ในที่สุดไอ้ริดก็ประสบความสำเร็จ แสดงสัญลักษณ์ที่พอเข้าใจกันให้ไอ้ริดได้รับรู้ สักครู่สองคนนั้นก็เดินออกไป หายอะไรใส่ชีวิตจิตใจ ที่ต้องการเพียงชั่วครู่
ต้องการสิ่งที่ติดตัวเขาอาจล้างออกได้และไม่ได้ แต่สิ่งที่จะติดในจิตใจของเขามันติดไปตลอดชีวิตยากลำบากที่จะลบลางเลือนไปได้ เพียงแค่ความต้องการสนุกสนานเพียงครู่เท่านั้น
จะให้ทำอย่างไรได้ เมื่อผู้ชายก็ต้องการหญิงก็ต้องการ ยุคสมัยที่สิทธิเท่าเทียมกัน หญิงเท่าชาย แม้จะกำหนดในกฎหมายสูงสุดเช่นนั่นแต่เรื่องจริงไม่ต่างอะไรกับอดีต ผู้ชายสามารถล่อให้ผูหญิงมาติดกับได้อยู่ดี
สิ่งที่ผู้ชายมีได้ ทำได้ ผู้หญิงก็อยากมี อยากทำได้ แต่สิ่งที่กดขี่เพศแม่ของเราอยู่
ไอ้เรื่องแบบนี้ละมั้งทำให้ ไอ้อิด เลยได้ออกแรงรอบดึกอีกครา
ไอ้ริดนั่งฟังเพลงอยู่พักใหญ่ ในใจมันก็เสาะหาอยู่หรอก แต่มันถือคติที่ว่าของดีต้องใจเย็นๆ
เห็นไหม เจอจนได้ ถึงจะเป็นเด็กมัธยม แต่ก็โตไว สวยแต่ไม่ใสหรอก
คงโชกโชนพอสมควร ยังถูกสป็กอยู่ แหม่เด็กเด็กมัธยมกำลังฮิตเลย
มันไม่ยากสิงห์กระเป๋าหนักอย่างมันจะหิ้วในคำคืนนี้หรอก
ไอ้ริดออกไปกับเด็ก แต่ก็ไม่ไกลจากผับมาก เพราะโรงแรมม่านรูดมันรายรอบอยู่แล้ว ยิ่งในเมือง แถวๆโรงเรียนมัธยม มีโรงแรมแบบนี้มีเยอะกว่าป้ายรถเมล์ ที่จะรอกลับบ้านเสียอีก
ไอ้ริดกับไออิดเมื่อเสร็จกิจแล้ว ก็อยู่ในช่วงตี 3 กว่า มันนัดเจอกันที่ร้านข้าวต้มที่ ที่คุ้นเคยกันดี
"ว่าไงว่ะ"
ไอ้ริดเปิดฉากถาม
"แม่งไม่ได้เรื่องเลย โง่ฉิบหายเลยกู"
ไอ้อิดท่าทาอาการหนัก
"ทำไมว่ะ"
ไอ้ริดเริ่มชักสงสัยเกิดอะไรขึ้น
"มึงรู้ไหมกู เจออะไร แม่งของปลอมทั้งดุลเลย"
ไอ้ริดหัวเราะเบาๆ กับท่าทางอาการของไอ้อิด
แล้วมันก็พูดให้กำลังใจไอ้ริดว่า
"อย่าว่าแต่มึงเลย กูพาเด็กออกไป แม่งเพื่อนมันรอกูตั้ง 2-3 คน กูเลยฉี่ไม่ออกอีกหลายวันแน่เลย"
ลืมบอกไปว่า ผู้ชายเดี๋ยวนี้ เริ่มเชิดชูเพศแม่ขนาดไหน??????
11 กรกฎาคม 2545 16:28 น.
นิติ
ทุกครั้งที่ "รนา" รู้สึกอัดอั้นเหมือนทุกวัน ที่เขาได้ผ่านมา
ไม่มีสิ่งใด ที่จะเข้าใจในความเป็นตัวตนของเขาได้เลย
แววตาเขารี่ลงเพราะไม่ต้านทานแสงสุริยา ส่องลอดผ่านขอบฟ้ามาเหยียบย้ำ
ในหวงความคิดของเขาในเวลานี้ มันช่างสับสนปนเปกันไปหมด
ไม่รู้จักลำดับเหตุการณ์ว่าอะไร ก่อน อะไรหลัง มัน มึนงงเหลือเกินแล้ว
แต่กระนั่นเขาเขาก็ต้องคิดหาทางแก้ปัญหาให้ได้
ถ้าปล่อยเลยตามเลยไป เรื่องที่เป็นอยู่ในขณะนี้ อาจมีผลสำคัญที่จะทำให้เขา
เสียทั้งคนรัก และเสียทั้งหน้าที่การงาน
ที่กว่าเขาจะได้งานทำ ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมามากมาย
และไหนจะครอบครัวที่เฝ้ามองเขาอยู่ เขาคือความหวังของครอบครัว
ที่ต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัว
จิตราแฟนสาววัยทำงานเช่นเดียวกับ รนา
จิตรา เป็นคนที่ให้โอกาส รนา มาตลอด ทั้งความรัก หน้าที่การงาน
ทั้งสองคนคบหากัน ตั้งเรียนมหาลัยปีสุดท้าย เพราะเหตุบังเอิญว่า
ทุกครั้งที่จิตราคิดทำสิ่งใดมักจะพบเห็น รนา ผ่านเข้ามาในสายตาเสมอ
แม้กระทั้งเกิดเหตุร้าย ในช่วงออกค่ายในชนบท มีวัยรุ่นในหมู่บ้านพยายามจะลวนลาม
แต่รนาก็เข้าช่วยจิตราได้ทันเหตุการณ์
สิ่งเหล่านี้มั้งทำให้ จิตราได้ใกล้ชิดรนามากยิ่งขึ้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมานั้นเริ่มทำให้ จิตรา คิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา
ว่าเธอกำลังโดนหลอก ด้วยแผนการอันแนบเนียน ของ รนา
เมื่อวานนี้หลังเลิกงาน รนา กลับบ้านตามปกติ แต่จิตรายังคงทำงานต่ออีกสักพักจึงจะกลับ
งานบริษัทของพ่อ จิตรา ในเวลานี้เธอเป็นผู้ดูแลแทนพ่อของเธอ คงเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียว
ความคิดของเธอจึงไม่มีใครกล้าขัด รวมถึงเรื่องความรักก็ตามที
จิตราหลังจบจากมหาลัยเธอก็รับหน้าที่บริหารบริษัทต่อจากพ่อทันที พ่อเธออายุมากแล้ว
ป่วยบ่อยๆ เนื่องจากทำงานหนักมาตลอดเพื่อบริษัทมั่นคง ไม่ตามกระแสการล้มพังของเศรษฐกิจอันเปาะบางของประเทศนี้
จิตราจึงรู้สึกเหนื่อย ที่ต้องรับหน้าที่ ทั้งที่เธอยังต้องการความท้าทาย เฮฮา ให้สมกับวัยรุ่น ที่เธอควรจะเป็น
เธอขับรถออกจากบริษัท ก็ปาเข้าสองทุ่มแล้ว
เมื่อวันนี้เธอคิดว่าจะลัดเลาะไปรอบๆเมืองที่มีแต่ ไฟแสงสี เผื่อบางทีอาการล้าในใจเธออาจลดหายไปได้บาง
เธอไปในหลายที่ เคยไปบ้าง หรือละแวกเดียวกัน เธอคิดว่าถ้าให้ รนารอกลับบ้านพร้อมกันคงจะดี
นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปไหนไกลๆด้วยกัน หรือได้ไปด้วยกัน ก็ต้องเร่งรีบ ไปทานข้าว แล้วไปส่งรนาที่บ้านเท่านั้นเอง
คงเพราะเหนื่อยกัน เวลาไปด้วยกันจึงไม่ค่อยได้คุยกัน
ตึ้ก.เสียงแรงปะทะระหว่างรถของเธอกับรถคันหน้า
จิตราเธอตกใจมาก แต่เธอไม่เป็นไร ดีนะ ที่เธอรัดเข็มขัดนิรภัย และขับรถไม่เร็วมากนะ
ในใจเธอคิดว่า ถ้ามีรนา ขับรถให้ ถึงเธอจะคิดอะไรเพลินๆ ยังงั้ยก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
เธอมองออกไปผ่านกระจกประตูรถเธอ ภาพที่เธอเห็น มันทำให้เธอตกใจมากกว่า เธอชนกับรถคนอื่นเสียอีก
..
(โปรดเถอะมีตอนต่อไป)
10 กรกฎาคม 2545 10:47 น.
นิติ
รัฐบาลขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF เพื่อมากอบกู้ฐานะทางเศรษฐกิจ และนำมาใช้ในประเทศเพื่อให้เกิดสภาพคล่องตัวทางการเงินเพื่อหวังให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว และดำเนินการค้าไปได้ แต่เหมือนพายุมรสุมทางเศรษฐกิจยังไม่หมดไปจากประเทศไทย มรสุมลูกต่อมา ที่สร้างความตื่นกลัวไปทั่วโลก เป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งในรอบ เกือบสามทศวรรษ เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายเป็นพลีชีพ ด้วยการบังคับจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกอาคารเวิร์ดเทรคเซนเตอร์ ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์การค้าแบบทุนนิยม ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ผู้คนล่มตายเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นไม่นานสหรัฐอเมริกา เปิดฉากสงครามกับกลุ่มผู้สงสัยก่อเหตุการณ์เลวร้าย ด้วยแรงสนับสนุนจากสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกาจึงประกาศสงครามกับประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งมีรัฐบาลตาลีบันคุมอำนาจปกครองประเทศอัฟกานิสถานอยู่ โดยได้การหนุนหลังของมหาเศรษฐีชาวอินเดียนามว่า บินลาดิน
ด้วยเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้รุ่มเร้าทำให้ประเทศของเราต้องประสบวิกฤตการณ์ปัญหาที่ลำบากมากยิ่งขึ้นที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมันมีปัจจัยหลายข้อทั้งในและต่างประเทศ
จากรัฐบาล พล.อ ชวลิต แก้ปัญหาต่างๆไม่ได้จึงประกาศลาออกจากตำแหน่ง พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งพรรคฝ่ายค้านมี ส.ส.ห่างจากพรรคความหวังใหม่เพียง สองคน จึงประกาศจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยใช้หลักการและแบบปฎิบัติตามแนวความคิดเห็นของข้อมูลวิเคราห์จากนักวิชาการในต่างประเทศ เพราะเชื่อในความเป็นสากลจึงหลงลืมไปว่าประเทศไทย ประสบปัญหาไม่เหมือนกัน ประชาชนเริ่มเสื่อมศรัทธา และการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้เป็นแก่นนำในการจัดตั้งรัฐบาล กลับเป็นพรรคการเมืองพรรคใหม่ ที่ชื่อว่า พรรคไทยรักไทย จัดตั้งรัฐบาลแทน
พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย ที่ทุกคนต่างหวังว่าจะเข้ามาแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ต.ท ทักษิณ นั้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศ ที่ผันตัวมาจากอาชีพราชการสายงาน ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาเป็นพ่อค้าหนังเร่แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนมาประสบความสำเร็จเกี่ยวกับธุรกิจสื่อสาร เป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านของเมืองไทยภายในเวลาไม่นานนัก
นายกฯทักษิณ เป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวงการเมืองมานาน นับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ สังกัดพรรคพลังธรรมในขณะนั้น โดยการชักนำของ พล.ต จำลอง ในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 ทำให้ชาวเมืองกรุงเทคะแนนเสียงให้พรรคพลังธรรมอย่างท่วมท้น ก็เหมือนพรรคไทยรักไทยของท่านนายกฯในตอนนี้ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากประชาชนทั้งในเมืองกรุงและต่างจังหวัด
การนำนโยบายเอาใจคนจนมากกว่าการเอาใจกลุ่มนายทุนที่ต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมาของนายชวน หลีกภัย และการทำการบ้านในการหาคะแนนเสียงมาดี มีการส่งคนไปเก็บข้อมูลความต้องการของประชาชนมาทำเป็นนโยบายในการหาเสียงและใช้บริหารประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ประชาชนให้ความเชื่อถือและไว้วางใจกันทั้งประเทศ
เพราะหลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคไทยรักไทย ของ พ.ต.ท ทักษิณ ได้รับการเลือกผู้สมัครในนามพรรคมาเป็น ส.ส. มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ด้วยนโยบายหลักๆที่สามารถซื้อใจประชาชนทั้งประเทศเทศว่าจะเป็นการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อที่ชนะขาดพรรคคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่เห็นฝุ่น
นโยบายแรกที่เกี่ยวกับงานสาธารณสุข โดยมี น.พ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้เสนอนโยบายนี้ เพื่อรักษาคนเจ็บป่วยไข้ ในราคาถูกกับ โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนชนบทมากมาย
นโยบายถัดมา กองทุนหมู่บ้านละหนึ่งล้าน ในยุคที่ขาดเงินทุนหมุนเวียนในระบบ นโยบายนี้ ช่วยชุมชนมีเงินในระบบจะได้นำมาใช้ลงทุน สร้างรายได้ เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ถ้าประสบผลสำเร็จ ประชาชนก็จะสามารถพึ่งตนเองได้
นโยบายสุดท้ายที่ผมจะนำเสนอ พักหนี้เกษตรกร เป็นนโยบายที่ ให้ความสำคัญคนจนจริงๆ ช่วยให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีอนาคตลืมตาอ้างปากได้
นโยบายเหล่านี้เป็นการเอื้อต่อการจับจ่ายใช้เงินให้มากขึ้น หลังจากประชาชนเสียขวัญในช่วงที่ประกาศค่าเงินบาทลอยตัว ประชาชนไม่กล้าใช้จ่ายเงิน พากันเก็บเงิน ออมเงินไว้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก เกิดความเสียหายด้านความเชื่อถือว่าเป็นประเทศที่เหมาะแก่การลงทุน ต่อนักลงทุนชาวต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดนี้กว่าจะผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้ครบขวบปี ร่วมฉลองปีใหม่กับประชาชนที่ถนนสีลมที่ผ่านมา ยังมีเรื่องราวให้หวนคิดอยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินทั้งหมดของนายกฯ ว่ามีการมอบให้ใครดูแลบ้าง จนเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญโดย ปปช. (คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) เป็นผู้ยื่นให้ศาลพิจารณา แต่มติออกมาว่าไม่มีความผิด รอดพ้นจากการหยุดดำเนินการกิจกรรมทางการเมืองอย่างหวุดหวิด ทำให้มีเสียงวิพากวิจารณ์กันเป็นอย่างมาก
นักวิชาการหลายท่านได้ ออกมาวิพากวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลนี้มากมาย ว่ารัฐบาลต้องการแต่เพียงคะแนนเสียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่คำนึงถึงความอยู่รอดของประเทศชาติ นำนโยบายที่ทำลายระบบการบริหารประเทศที่ถูกวิธี เสียจนหมดสิ้น
รัฐบาลชุดนี้ ได้นำหลักการบริหารประเทศแบบเอกชน มาแทนความเป็นมหาชนของคนทั้งประเทศ การบริหารงานแบบพ่อค้าที่ต้องการเพียงผลกำไร จากการประกอบการ เพื่อให้ตนเองและหมู่คณะอยู่รอด ไม่ได้หวังให้ประเทศชาติพลิกฟื้นจากวิกฤต ซึ่งอยากจะขอให้พวกเราเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิด
ท่านนายกฯประสบความสำเร็จจากการบริหารธุรกิจจากการสัมปทานงานจากรัฐ และปัจจุบันท่านเองก็กุมอำนาจอยู่ในมือ ผมกลัวเหลือเกินว่า กลัวจะเหมือนประเทศอินโดนีเซีย ที่ประธานาธิบดีซูฮาร์โต ผูกขาดอำนาจมานานแต่กลับทำประโยชน์ให้แต่พวกพ้องของตน ซึ่งน่ากลัวสำหรับประเทศไทยเป็นอย่างมาก
การที่เราไว้ใจในตัวผู้นำมากเกินไป การให้อำนาจสร้างความไม่ชอบธรรมกลายเป็นความชอบธรรม ประเทศชาติของเราจะอยู่ได้อย่างไร
บทพิสูจน์ที่น่ากลัวที่เอาประเทศชาติเป็นเดิมพัน ในระหว่างสถานการณ์ในโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การพิสูจน์จากผลงานรัฐบาลชุดนี้ ในการบริหารประเทศ เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะแผ่นดินนี้เป็นของเราทุกคน
รักชาติศาสน์กษัตริย์แห่งแดนสยาม
จึงพยายามพล่ามเพื่อห้ามทรราช
ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ให้คิดตาม
เพื่อแผ่นดินสยามจะได้คงอยู่ สืบต่อไป.