21 พฤศจิกายน 2545 13:11 น.
นิติ
อาจจะตกใจเล็กน้อย หรือเริ่มจากน้อยไปถึงมากในที่สุดด้วยจดหมายฉบับนี้ เราเชื่อเสมอว่าเพื่อนซึ่งเป็นเพื่อนคุณและเพื่อนผมจะปลอบคุณให้หายตกใจ สร้างกลิ่นไอเสียงหัวเราะคละเคล้าอาการอมยิ้มตรงมุมใดมุมของปากสีแดง ชมพู เพราะสีสันลิปสติก อย่า!! อย่าพึงขยำแผ่นกระดาษแผ่นน้อยด้อยค่าราคาลงหน้าต่าง อย่า!! พยายามซุกวางลงใต้โต๊ะอันมืดมิด ที่ไม่มีสิทธิ์จะได้เห็นแสงอาทิตย์ให้พลิกผันรู้เวลา ไม่ได้เห็นแสงดาวที่ส่องสกาววับวาวสวยปานใด อยากให้เธออ่านให้จบแล้วจะลบกับปริศนาน่างงงวย ถ้าไม่ช่วยด้วยเหตุประการต่างๆ เราคงอ้างว้าง เหมือนกวางขาดคู่อยู่ตัวเดียวในคืนวันพระจันทร์วันเพ็ญ เห็นนกเป็นๆอย่างนกกระเต็นเคลียคล้อไม่วางเว้นเคียงคู่สองกับคู่มัน เฮ่ย ยิ่งน่าเศร้าจะปัดเป่าก็ยิ่งเหงาไปกันใหญ่ ไม่ไหว ไม่ไหว ช่วยอ่านไปให้จบก่อนคนดี
จดจำได้ทุกอณูความรู้สึก ที่เจอกันในครั้งแรก เราจ้องมองเธออย่างไม่กระพริบตา คล้ายท้องฟ้าเป็นสีชมพูอมขาว นึกถึงแสงดาวที่เจิดจ้าเวลากลางคืน ส่องประกายยืดยาวเหมือนดาวตก เราเหมือนตกนรกในวินาทีนั้น เดินสะดุดขาตัวเองจนเกือบล้มเสียทรงผมแย่จริง เธอและเพื่อนต่างหัวเราะชอบใจ นับตั้งแต่เริ่มจากสะดุดขาตัวเองจึงเหิมเกริมเริ่มสะดุดใจ เสียงหัวใจเต้นแรงจนเหงื่อออกเลย ผมจดจำไปโสตประสาทความคิด ใคร่ครวญคิดว่าจะทำอย่างไรจะได้รู้จักมักคุ้นกัน เราจำเธอได้ตลอดเวลานับตั้งแต่นั้น แม้เวลาไปเรียนใจละเมอเผลอไปว่าเธอกำลังนั่งเคียงอยู่ด้วยกัน เวลาทานข้าวก็นึกว่าเธอกำลังป้อนข้าวเลย ถึงขนาดว่าเข้าห้องน้ำถ่ายท้องภาพเธอยังลอยวนไปเวียนมาอยู่หน้าประตูนั้นแหละ เป็นอย่างนี่ ทุกวันทุกคืนทั้งยามหลับยามตื่น
และเมื่อได้พบเธออีกครั้ง ..แอบยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร จนเราร่างจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาด้วยแรงปรารถนาที่มากกว่าความเขินอาย และรอจังหวะนาทีมาถึงส่ง กระดาษแผ่นนี้ให้เธอกับถ้อยคำที่คุ้นหูคุ้นตา...................................................................................................................................... ขอโอกาสให้ผมหน่อยนะครับ ผมชอบรอยยิ้มยามเธอสุข หัวเราะตอนเธอสนุกและทุกข์ไปกับเธอเมื่อเสียใจ ขอให้ผมยืนอยู่ข้างกับภาพเหล่านั้นครับ.
20 กันยายน 2545 17:38 น.
นิติ
ชายหนุ่มก้มหน้า ถ้าไม่พูดเราก็ไม่เข้าใจกัน เขาพูดขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่กล้าสบตา
ทำไมไม่สบตาล่ะ เธอถาม พร้อมเชิดหน้าขึ้น เอียงไปทางซ้ายนิดหนึ่ง
ผมรู้ ว่าผิดแต่ เขาหยุดพูด เมื่อเสียงเธอดังขึ้น
พอเถอะ ..คำแก้ตัว? ทั่งคู่นิ่ง เหมือนว่าโลก ในตอนนี้มีเพียงเธอและเขา ยืนอยู่บนภูเขาน้ำแข็งด้วยอาการหนาวเหน็บหดหู่ ฝ่ายหญิงใจแข็ง เหมือนน้ำแข็งที่อยู่ในใจกลางภูเขาน้ำแข็งในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ เธอปล่อยให้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ตัวชาเหมือนโดนหลอมละลายจนเกือบจะเป็นไอล่องลอยออกจากก้อนแข้งกระด่าง กับคำพูดเธอเมื่อกี้นี้ ชายหนุ่มเงยหน้าแล้วถอนหายใจคล้ายใกล้หมดความอดทนแล้ว
นี่เราจะพูดกันดีๆไม่ได้เหรอ ผมเริ่มหมดความอดทนแล้วนะ!!!เขาตอบด้วยเสียงที่ดังขึ้นสวนออกมากับความรู้สึกอ้างว้างและสับสนในขณะนั้น
ใครกันที่เริ่ม ใครที่ผิด ใครกันที่หลอกลวง เธอตอบเพื่อจะสยบเสียงที่ได้ยินอย่างเกรียวกราด
มันเป็นเหตุบังเอิญ เป็นความเข้าใจผิด ได้ยินไหม ฟังผมบ้างสิ!!!! เขาตอบสวนอย่างรวดเร็ว
เห็นอยู่เต็มตายังมาหาว่าเข้าใจผิดอีก คน..โกหก..ฮึ เธอเริ่มใช้อารมณ์คุยกัน
โธ่..เว้ย ให้มันได้อย่างนี้สิ เขาก็ใช่อารมณ์เช่นกัน
"ไอ้เรื่องวันนั้น ผมพูดแล้วพูดอีก ..แล้วทีคุณล่ะ" เขาหาเรื่องเพิ่ม
"ทำไม ฉันทำไม คุณพูดมาดีๆนะ อย่าคิดว่าคนอื่นเหมือนคุณสิ"เธอต่อว่าคืน
ลมพัดเอื่อยเอื่อย ไม่แรงพอที่จะให้อารมณ์ร้อนๆทั่งสองคนลดลงได้ เพราะนี้พลัดมาหลายวันแล้ว ถ้าไม่พูดกันวันนี้ ให้รู้ดำรู้แดงกัน มันคงต้องค้างความรู้สึกเขาทั่งสองไปเรื่อยเช่นกัน
ชายหนุ่มเครียดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คงเพราะรักเธอมากไม่อยากเสียเธอไป ไม่ได้ทั่งรัก เสียเพื่อนที่เข้าใจและเสียความรู้สึกอีก แต่ฝ่ายหญิงดูท่าจะไม่โอนอ่อนผ่อนตามเขาเลยแม้แต่น้อย ลมพายุมรสุมความรักลูกนี้ดูจะสาหัส กว่าทุกครั้งในชีวิตคู่ของเขาสองคน
"คุณหมดรักในตัวผมแล้วใช่ไหม" เขาถามด้วยใบหน้าอันเศร้าสลด
ฝ่ายหญิงไม่ตอบ ยืนเชิดหน้า เอียงส่ายซ้ายขวาเล็กน้อยและนิ่งต่อไป เธอยังลังเลว่าจะตอบว่าอะไรดี จะว่าหมดรักไปแล้วก็ไม่ใช่ มันยังแหลือเยื่อใยอยู่ หรืออาจบางทียังรักเขาอยู่ แต่ด้วยอารมณ์โกรธ เพราะกับเหตุการณ์ เธอสาบานว่าจะไม่ยอมยกโทษให้ แต่เห็นหน้าเขาก็ใจอ่อนไปกว่าครึ่ง ส่วนที่แข็งแกร่งกระด่างอยู่นี้ เป็นอีกครึ่งที่เธอเก็บอารมณ์ความรู้สึก โกรธแค้นเอาไว้สำหรับเขา
"คุณยังรักผมอยู่ใช่ไหม" เขาพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม
"ไม่" เธอตอบโดยไม่ได้ไตร่ตรองอีก พร้อมมองดูที่หน้าบูดบึงของเขาเข้าแทนที่รอยยิ้มเมื่อกี้
เขาเดินคอตกออกไป เธอยืนนิ่งอยู่ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ที่พูดคำว่า"ไม่" คำพยางค์เดียวสั้นแต่มากด้วยความหมาย ปิดฉากบทสนทนาที่เงียบงัน สับสน หรือบางทีมันอาจเป็นทางออกของปัญหาก็ได้ เธอหวนคิดเหตุการณ์ที่ทำลายความรู้สึกเธออีกครั้ง ถึงแม้เธอไม่อยากคิด จะเอ่ยถึง แต่มันเป็นความจริง ที่เธอรับรู้ด้วยสองตา ด้วยสติสัมปชัญญะครบถ้วน เธอทราบดีว่า เขาพูดในวันนี้กับคำอ้างเพื่อ ความรัก ที่ไม่รู้ความหมายแน่ชัดว่าเป็นอะไร สิ่งใด เพราะเธอยอมมาตลอด ด้วยคำว่า รัก ทั่งเธอและเขาให้กันและกัน
เย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่แล้ว เขามาหาฉันที่คอนโด โดยนัดกันมาทำงาน เริ่มทำงานตั้งแต่เช้า ซึ่งมีเพื่อนเขามาด้วยคนหนึ่ง ดูองอาจและแข็งแรงสมเป็นชายทหารตามที่เขาเคยเล่าให้ฟัง แต่ก็ไม่คอยเห็นมากนัก และเพื่อนหญิงที่เห็นกันบ่อยๆ มาด้วย ฉันไม่คอยเท่าไรหรอก...กลัวเป็นมือที่สาม แต่ก็ไว้ใจเขาเพราะรัก ถึงแม้เขาและเธอจะมีอะไรกัน มันเป็นธรรมดาของสังคม ฉันก็เคยเหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับความพอใจเสียมากกว่า เราไม่ว่าอะไรกัน ยุติธรรมทั่งหญิงและชายดีออก วิธีป้องกันเรารู้ดี
สิ่งที่คาดฝันเกิดขึ้นเกินคาดคิด ฉันขอตัวออกไปทำธุระชั่วโมงกว่า กลับมาพบว่า เขาและเธอกำลังทำสิ่งที่ฉันคาดคิด ฉันหงุดหงิดเสียใจที่เขาทำเช่นนี้เพราะนี้เป็นบ้านฉันแต่ก็ไม่เป็นไรเราเอาแบบฝรั่งทุกอย่าง เอาอีกอย่างจะเป็นไร สังคมเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ฉันได้ยินคำว่า สิทธิเสรี ออกบ่อย แหละนี้เป้นสิทธิ และเสรี ความหมายคงอันเดียวกันกับฝรั่งมั้งฉันคิด
แต่พอ เพื่อนชายเขานุ่งผ้าคุณหนูตัวโปรดของฉันออกมาจากห้องน้ำ ฉันรับไม่ได้ กับเรื่องแบบนี้ มันเร็วเกินไป แล้วต่อไป สังคมนี้จะนิยมอะไรตามเขาอีก........?
19 กันยายน 2545 18:45 น.
นิติ
ตั้ ง แ ต่ เ มื่ อ ห ล า ย วั น ก่ อ น
ใ น วั น นั้ น ม อ ง กี่ ที กี่ ที ตุ๊ ก ต า ตั ว นี้
ไ ม่ มี ร อ ย ยิ้ ม ไ ม่ มี อ า ก า ร หั ว เ ร าะ
ห นั ก ไ ป ก ว่ า นั้ น ไ ม่ อ ย า ก จ ะ ม อ ง ตุ๊ ก ต า ตั ว นี้
ห นั ก ก ว่ า นี้ อี ก นิด ก็ บ่ น ว่ า ใ ห้ เ จ้ า ตุ๊ ก ต า รำ ค า ญ . . จ น ต้ อ ง ล้ ม ล ง ไ ป ต่ อ ห น้ า ต่ อ ต า ที เ ดี ย ว
ห นั ก ห นั ก เ ข้ า ต้ อ ง เ ค า ะ หั ว เ บ า เ บ า ห รื อ ไ ม่ ก็ ข ว า ง ป่ า ต ร ง ไ ป ที กำ แ พ ง เล ย ที่ เ ดี ย ว
ยั ง จำ ไ ด้ ต อ น ที่ ไ ด้ มั น ม า ที แ ร ก
มั น ยื น ต ร ะ ห ง่ า น อยู่ บ นโ ต๊ ะ ทำ ง า น ต ล อ ด เ ว ลา
หรื อ ไ ป ตั้ ง อ ยู่ มุ ม ไ ห น ก็ เ ด่ น เ สี ย จ น ม อ ง แ ล้ ว ม อ ง อี ก
ทุ ก อ ย่ า ง ดู ดี ดู ล ง ตั ว ไ ป ห มด
แต่ ก็ อี ก นั่ น แ ห ล ะ พ อม า ช่ ว ง ห ล า ย วั น ก่ อน
เ จ้ า ตุ๊ ก ต า ก็ เ ป็ น ตั ว ที่ น่ า เ บื่ อ ที่ สุ ด ใ น ห้ อง
เ อ า แ ต่ ใ จ ที่ สุ ด ใ น ห้ อง
ไ ม่ มี เ ห ตุ ผ ล ที่ สุ ด
อ ยู่ มุ ม ไ ห น ข อ ง ห้ อ ง ก็ ไ ม่ ส ว ย
ห รื อ ทำ ใ ห้ เร า เ กิ ด อ า ร ม ณ์ ห งุ ด ห งิ ด ฉุ น เ ฉี ย ว ทุ ก ที เล ย
. . แ ต่ ม า ถึ ง วัน นี้
ดี ที่ เ ก็ บ มั น ไว้ อยู่ กั บ เ ร า ม าจ น ถึ ง วั น นี้
ช่ า ง ส ว ย
ช่ า ง น่ า รั ก
น่ า ท ะ นุ ถ น อ ม
ดูไ ร้ เ ดี ย ง สา
อ ยู่ มุ ม ไ ห น ข อ ง ห้ อ ง ก็ ส ว ย
ม อ ง มุ ม ไ หน ก็ ส ว ย
ดู ดี ไ ป ห ม ด
. ภ า พ เ ห ตุ ก า ร ณ์ วั น ก่ อ น ดู เ ลื อ น ล า ง แ ต่ พ อ จำ ไ ด้
ส ง สั ย ภ าพ วั น นี้
กำ ลั ง ล บ สิ่ง เห ล่ า นั้ น อ ยู่
. . ดี . . ที่ เ ก็ บ ตุ๊ ก ต า ตั ว นั้ น . . ที่ เ ธ อ ใ ห้ ไ ว้ ต ล อด มา
17 กันยายน 2545 13:27 น.
นิติ
ฝนตกตอนเช้า ฟ้ามืดครึม ก้อนเมฆจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนสีดำน่ากลัวกว่าเมื่อวาน และได้แต่หวังว่า พรุ่งนี้ คงไม่เป็นเช่นอย่างวันนี้ ผู้คนเดินตากฝนที่ ริน ริน พอให้เสื้อผ้าชื้นไปได้ทั่งวันเลยทีเดียว ไม่มีใครทราบว่าฝนจะหยุดตกตอนไหน ถึงจะติดตามการพยากรณ์อากาศอยู่สม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝนจะหยุดตกแน่นอนเพียงใด เพราะเขาบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่านี้คือการพยากรณ์
เวลาจวนจะเก้าโมงเช้าแล้ว ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ตามความต้องการของมนุษย์ ฝูงชนคนจำนวนมากเริ่มออกจากอาคารบ้านร้านค้าที่อาศัยเป็นที่หลบฝนชั่วคราว หากไม่ยอมออกมาเปียกชื้นตามความไม่แน่นอนของฝนในตอนนี้ มีหวังต้องไปถึงจุดหมายช้าเกินใครจะรั้งรอ ด้วยแท้ที่จริงแล้ว
แปดโมงเช้าเป็นเวลาเริ่มงาน เริ่มนัด ที่สมควรจะไปถึงจุดนัดนานแล้ว แต่วัฒนธรรมของคนไทยที่สืบทอดและสะสมมาหลายชั่วอายุคน มีอ้างเหตุที่ไม่สมผลเสมอ เป็นข้อเท็จจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เป็นสิ่งเราเคารพกันเรื่อยๆมา โดยเฉพาะวันนี้ ฝนตกริน ริน ตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง จนจวนจะเก้าโมงไม่ยอมหยุดรินเสียที ชายหนุ่มยืนอยู่ที่เดิมด้วยอาการสงบ กับใบหน้าที่ชาเย็นใสซื่อด้วยละอองฝน คนรอบข้างเดินออกจากบริเวณที่เขาอยู่จนหมดสิ้น เขายืนอยู่คนเดียวท่ามกลางสายฝนพรำ เขายกดูนาฬิกาหลายครั้ง สีหน้าเขาเริ่มบึงเข้มขึ้น อาการกระวนกระวายเริ่มปรากฎทีละเล็กทีละน้อย ในอุ้มมือเขายกถุงกระดาษขนาดเห็นถนัดตา วางไว้แนบระดับอก เหมือนสิ่งที่สำคัญที่สุด อยู่ในถุงกระดาษนั้น นี้คงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ยอมออกไปตากฝนในเช้าวันนี้ เขามองดูไปรอบๆ ไม่มีใครเลย
ในขนะนั้นเอง??...ความโหดร้ายกรายกร่ำฝ่าพายุฝนมุ่งตรงมายังตัวเขา ชายร่างท้วมสองคนลงจากรถ เดินมากับอากัปอาการกระฉับกระเฉง ทั่งสองฝ่ายต่างเจรจาพาทีกันสักครู่หนึ่ง ชายหนุ่มคนที่กอดถุงกระดาษห่อนั้นมีทีท่าไม่ยอมรับข้อตกลงจากการสนทนา แสดงออกทางสีหน้าเห็นได้ชัดเจน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน ด้วยข้อเสนอที่ไม่อาจสานผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันทั่งสองฝ่ายได้ ชายร่างท้วมสองคนชักปืนออกมาขู่ เท่านั้นแหละ??? ชายหนุ่มที่คิดว่าเสียเปรียบมาต้น ยิ้มพรายแสดงกลโกงลบใบหน้าอันใสซื่อเชิงเสียดสีชายสองคน
คนร่างกายกำยำสี่-ห้าคนกรูเข้าอยู่ข้างหลังชายหนุ่มคนนั้น เขายืนเรียงรายพร้อมอาวุธปืนครบมือ สถานที่นี้ไม่ใช่ที่หลบฝนของคนผ่านทางเสียแล้ว แต่เป็นจุดนัดพบของคนบางกลุ่มที่ถือโอกาส ฝนตกพรำมาหลายวัน เป็นที่แลกเปลี่ยนสินค้าบางประเภท ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะออกมีกิจใดมากนัก..
ชายหนุ่มคนถือถุงกระดาษกระโดดหลบเมื่อเหลือบไปเห็น ปลายกระบอกวางผาดกับประตูรถที่จอดแน่นิ่งเมื่อสิบนาทีที่แล้ว
ปัง ! เสียงเริ่มต้นของเสียงปืนอีกหลายๆเสียง พรั่งพรู ยิงกระสุนปืนสวนทางกัน แต่จุดหมายเดียวกัน เพื่อทะลุทะลวงร่างกายข้างฝ่ายตรงข้ามผู้ที่หมายเอาชีวิตกัน อย่างดุเดือดเผ็ดมัน?.....
....โอ้ย!!!!!!!!เสียงดังมาจากหลังบริเวณ ทั้งสองฝ่ายประหัสประหารกัน แต่ก็ไม่ดังเท่าเสียงปืน ณ ที่นั้น เวลานั้น สิ้นเสียงนี้ภาพเหตุการณ์นี้จบพร้อมเสียงนี้ โดยไม่รับรู้ได้การยิงกันจะสิ้นสุดตอนไหน
มารู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาล พร้อมเสียตาข้างขวากับการเห็นเหตุการณ์นั้น พร้อมศพอีกหลายศพ พร้อมคนเข้าที่คุมขังอีกมากมาย เพราะชายคนที่ถือถุงกระดาษ คือราชการคนหนึ่งในประเทศนี้........
29 สิงหาคม 2545 13:34 น.
นิติ
ได้ยินเพียงเสียงกระซิบของสายลม ที่แผ่วเบาบางผ่านโสตประสาทรับความรู้สึก
ที่ลึกๆ สายลมพยายามบอก บอก "เธอต้องการสิ่งใด" สายลมยังพัดมาเอื่อยเอื่อย เฉื่อยเฉื่อย
แต่สายลมก็ไม่เคยคิดจะรั้งรอใคร
แม้เพียงเราหยุดผ่อนหายใจลงสักครู่ แต่สิ่งที่รับรู้ได้คือเรายังต้องการ ต้องการอยากจะหายใจต่อไป
นอกเสียจากเราไม่มีลมหายใจ ที่จะค้นหาสิ่งต่างๆ ที่เราฉงนสงสัย
มนุษย์มีความปรารถนา ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่มีใครหรอก ที่ไม่อยากให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน
ไม่มีใครหรอกที่จะหยุดอยู่ที่เก่า และเศร้าไปกับสิ่งเดิมๆ
ไม่มีใครหรอกยินดีกับควาทุกข์ทน และทนอยู่กับมันไปเรื่อยๆ
ไม่มีใครหรอกที่หยุดแสวงหาความต้องการของตนเอง ทั้งที่ใจยังเรียกหาอยู่
ถึงแม้ลมหายใจของเราจะหยุดดำเนินไปตามวิถีของมัน
แต่ความรัก ความใคร่ ความปรารถนา
ยังเป็นสมบัติมรดกตกทอด ให้กับเราและคุณ อยู่เช่นเคย