21 กันยายน 2555 07:49 น.
นายหมอดี(แท้)
ในประเทศสารขันธ์ ที่จะกล่าวต่อไปนี้...
การเล่นการเมืองของพรรคการเมืองหนึ่งๆ
ตามตำรามันต้องมีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไป
พรรคการเมืองต้องดูนโยบายพัฒนาประเทศ
เหมือนทหาร ก็ต้องป้องกันประเทศเป็นหลัก
แต่ในประเทศนี้....
ทหารดันไปใช้วิธีเยี่ยงโจร...ลอบประทุษร้ายบุคคล..
.ที่ตัวเองรบแพ้ โดยไม่คำนึงถึงวิธีที่ใช้...
พรรคการเมือง ดันไปใช้วิธีเยี่ยงโจร
โจมตีบุคคล โดยไม่คำนึงถึงวิธีที่ใช้
จริงๆแล้วในประเทศนี้ อนุรักษ์นิยมนั้นยังคง
ไม่พัฒนาไปตามการค้าเสรีนิยมที่เดินอยู่แทบทั้งโลก
การลอบกัด ลอบประทุษร้ายทั้งๆที่ไม่ใช่นโยบาย
ในการพัฒนาหรือป้องกันประเทศนั้น
น่าจะ เป็นกลไกของอนุรักษ์นิยมว่า
เป็นสิ่งที่ดีงามและถูกต้องแล้ว
สงสารประเทศ สงสารพลเมือง
ว่าประเทศนี้จะก้าวผ่านวัฒนธรรมทางการเมือง
ที่คับแคบในอุดมคติเหล่านี้ไปได้อย่างไร?
17 กันยายน 2555 18:26 น.
นายหมอดี(แท้)
ฟังถ้อยแถลง.....และ สรุปด้วยตนเอง....ดังนี้
1.รากเหง้าของปัญหา
เป็นการพัฒนาทางการเมือง ด้าน "วัฒนธรรมทางการเมือง"
โดยมีกลุ่มอนุรักษ์นิยม และ กลุ่มเสรีนิยม เป็นตัวขัดแย้ง
โดยความขัดแย้ง มีปัจจัยหลักๆ คือ วัฒนธรรมไพร่ฟ้า พัฒนามาเป็นแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น ทำให้กลุ่มทุนนิยม สามารถตอบสนองความต้องการได้ดี แก่ประชาชน การแก้รัฐธรรมนูญปี2540ทำให้ฝ่ายบริหารของกลุ่มทุนนิยมมีอำนาจมากขึ้น และฝ่ายนิติบัญญัติก็มีเสียงข้างมากด้วย การรัฐประหารปี2549 การมีตุลาการภิวัตน์และการแก้รัฐธรรมนูญปี2550 เป็นต้น
2.กรณ๊ศึกษาประวัติศาสตร์
มีกรณีคำแนะนำในกรณีความขัดแย้ง พ.ศ.2535ไว้แล้วว่า ควรใช้ตำรวจที่ฝึกฝนมาอย่างดีในการควบคุมฝูงชน มิใช่ใช้ทหาร ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่ก็ไม่มีรัฐบาลใดใส่ใจ พอมาเกิดความขัดแย้งปี2553 ก็ดันไปใช้ทหารเข้ามา จึงทำให้เกิดกรณีสิทธิมนุษยชนขึ้นดังกล่าว
3.การดำเนินการในอนาคต
มุ่งหวังในการใช้นิติรัฐ ด้วยความโปร่งใส เสมอภาคเป็นเบื้องต้น และการเมืองไม่ควรชี้นำหรือแก้แค้นซึ่งกันและกัน
และไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญและออกกฏหมายปองดองในระยะนี้
โดยความเห็นส่วนตัวของประธานฯอยากให้คุณทักษิณฯเลิกเล่นการเมือง
โดยดูรัฐบุรุษ ท่านปรีดีฯเป็นตัวอย่างที่ไม่กลับไทยเพราะมุ่งหวังถึงการปองดองในชาติ
4.ความห่วงของ คอป. เกรงว่าจะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำข้อสรุปของความขัดแย้งนี้ ไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งก็ปรากฏแล้วบางกรณี เช่นกรณีแท็กซี่ถูกยิงตาย เพราะทหารยิงป้องกันรถตู้ที่ฝ่าฝืนพลาดไปถูกและศาลตัดสินแล้วว่าผิด ทางดีเอสไอก็จพนำคดีนี้เป็นต้นแบบต่อไป
อย่างนี้ ถ้านิติรัฐดำเนินไปอย่างเที่ยงธรรมแล้ว รับรอง ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายกันวุ่นแน่
...ก็ต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการของ"นิติรัฐ"อย่าแทรกแซง เพราะนี่คือ ประชาธิปไตย
23 สิงหาคม 2555 11:54 น.
นายหมอดี(แท้)
เด็กสมัยนี้ ไม่มีใครรู้เคยรู้จัก.....ไอ้ย่ามแดง...ในอดีต....
เขาเป็นคนบ้า ที่ลูกตาย เอาใส่ย่าม ตะเวณทั่วกรุงฯ
มาปัจจุบัน.....เมื่อการเรียกร้องทางการเมืองเดือด......
....ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าผู้พิทักษ์......ก็ต้องตัดสินใจฆ่า...ไอ้ย่ามแดง...
..เพราะถือเป็นคนบ้า.......
...ฝ่ายคนบ้า.......ก็บอกตัวเองไม่ได้บ้า...พร้อมเรียกร้องสิทธิมนุษยชน
ฝ่ายผู้พิทักษ์ก็บอกว่า"รอศาลสั่งก่อน"
ย้อนไปเรื่องเครื่องตรวจระเบิด
มีการกล่าวหาผู้พิทักษ์
ผู้พิทักษ์ก็สอบสวน
ได้ความสรุปว่า
บริษัทฝรั่ง...เป็นผู้ผิด...ที่มาหลอกขาย....
กรณีฆ่าไอ้ย่ามแดง...ผลสรุปน่าจะออกมาเหมือนๆกัน
คือ ไอ้โม่งดำ...เป็นคนฆ่า...จบ.
12 สิงหาคม 2555 07:48 น.
นายหมอดี(แท้)
เมื่อปลายเดือน กค.2555
มีโอกาสไปหาดใหญ่ ไปประชุมเรื่องงานในองค์กร(ของผม)
ตอนเย็นหกโมงกว่า เข้าเมือง(พักในสนามบิน)
ตอนหนึ่งทุ่ม....เห็นร้านรวง ราวๆ90%ปิดหน้าร้านหมด
เหลือแต่ที่ราชการ ร้านอาหาร(บางร้าน)
เมืองทั้งเมือง"เงียบเหมือนเมืองร้าง"
เกิดคำถามว่า "นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
ตอนเช้า เข้าเมืองอีก ไปตลาดนิวกิมหยง ถามคนแก่ที่นั่งคุยกันหน้าร้าน
"เมื่อคืนไฟไหม้ เพราะอะไร"
แกตอบว่า "ยังไม่รู้สาเหตุ"
ถามต่อว่า กลัวไหม"
แกตอบว่า"กลัว"
แกกลัวอะไร...กลัวผู้ร้ายแบ่งแยกดินแดน กลัวทหาร
กลัวข้าราชการส่วนกลาง
กลัวข้าราชการส่วนภูมิภาค
กลัวข้าราชการส่วนท้องถิ่น
กลัวเอกชน
กลัวต่างประเทศ
กลัวศาสนา
กลัวกลุ่มผลประโยชน์
กลัวรัฐบาล กลัวฝ่ายค้าน
ใครมีคำตอบ ขอบใจเอย
20 กรกฎาคม 2555 07:04 น.
นายหมอดี(แท้)
...บ้านเมืองไทย ยุคจอมพล ป.มีประมาณ 18 ล้านคน
มายุคปัจจุบัน มี65 ล้านคน...
...หลวงปู่แหวน เคยสนทนากับหลวงปู่เครื่อง อุดรฯว่า"สิงสาราสัตว์มันมาเกิดเป็นคนกันมาก........
นี่คือที่มาของพวกนักเรียนที่ตีกัน....ที่แท้พวกมันคือฝูงสัตว์ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์และยังไม่ลืมสัญญาเดิมนั่นเอง....นี่ทางพุทธ วิเคราะห์อย่างนี้
..ส่วนทางวิทย์ ก็ว่าบ้านเมืองพัฒนาขึ้น สาธารณะสุขดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น การคุมกำเหนิดเลวขึ้น...คนมันจึงเกิดกันมากขึ้น เป็น65ล้านคนภายใน50กว่าปีที่ผ่านมา.....
...เศรษฐกิจอาจเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้มนุษย์มีโอกาสพบปะ และ สมสู่กันมากยิ่งขึ้นกว่าอดีต ที่กว่าจะได้พบสาว ต้องรอหน้าเกี่ยว หรือ งานวัด งานประเพณีเท่านั้น..
..เมื่อสภาพเศรษฐกิจเปลี่ยน สภาพสังคมจึงเปลี่ยน....
...เปลี่ยนเป็นอุบัติเหตุมากขึ้น โจรผู้ร้ายมากขึ้น เด็กเกิดมากขึ้น ทำแท้งมากขึ้น ครอบครัวเดี่ยว มากขึ้น ครอบครัวขยายหดตัวลง
จริงๆแล้วในการลดประชากรที่ได้ผลก็คือ ยุยงเสริมแต่งให้นักเรียนพวกนี้ เหิมเกริม แล้วจัดหาอาวุธหนักๆให้ เพื่อให้พวกมันฆ่ากันเอง เราก็คอยระวังลูกหลง สักพัก พวกมันก็ฆ่ากันตายจนหมด เรานั่งบนภู ดูตัวเหี้ยกัดกัน...อย่างนี้ ฉลาดแบบ มาเคียววลี ตอนเป็นหมาป่า....
เขียนไปเขียนมาก็เวทนากระทรวงสังคมและพัฒนามนุษย์ ตำรวจ ครอบครัวพ่อแม่ โรงเรียน
"หล่อหลอมกันอย่างไร...จึงทำให้เกิดตัวเหี้ยมากมายอย่างนี้?