12 มีนาคม 2552 09:51 น.
นายสิทธิ
" ฉันเป็นคนไทยจริงๆนะ เกิดเมืองไทย ไม่เคยอยู่ประเทศลาวเลย ญาติพี่น้องก็ไม่มีใครอยู่ประเทศลาว เพียงแต่ว่าฉันไม่ได้ทำบัตรประชาชน เพราะฉันต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ และฉันก็ไม่มีโอกาสได้เรียน เพราะเขาหาว่าฉันไม่มีบัตรประชาชน ฉันมีเพียงแต่หนังสือรับรองที่ประทับตราจังหวัด ที่ถ่ายเอกสารมา ถ้าไม่เชื่อลองตรวจสอบดูก็ได้ นี่ก็เป็นลูกของฉัน มีชื่อในทะเบียนบ้านด้วย พวกฉันเป็นคนไทยนะ อย่าส่งฉันไปประเทศลาวนะ ถ้าต้องส่งฉันไปประเทศลาว ฉันขออยู่ในห้องขังนี้ตลอดชีวิตเสียยังดีกว่า..."
นี่เป็นคำพูดที่แสนซื่อ แฝงด้วยความรันทด ของหญิงนางหนึ่ง ที่กอดลูกน้อยวัย ๓ ขวบ นั่งร้องให้อยู่เบื้องหลังของซี่ลูกกรงเหล็ก
จากการตรวจสอบเบื้องต้น เด็กน้อยวัย ๓ ขวบนั้นมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจริงตามที่เธอแจ้ง แต่ตัวเธอเล่า..มีเพียงแต่สำเนาหนังสือรับรองที่ยับยู่ยี่... สำเนียงของเธอก็ฟังละม้ายไปทางประเทศเพื่อนบ้านของเราอยู่เสียมาก เอกสารฉบับนี้จะจริงมั้ย? หรือว่าเราจะส่งไปก่อน แล้วให้เขาไปอ้างเอาที่ สตม.เอาเองดีมั้ย แล้วเด็กน้อยคนนี้เล่า... ถ้าแม่ของเขา ต้องถูกส่งกลับไปจริง แล้วจะอยู่อย่างไร ใครจะดูแล? คำถามเหล่านี้ กึกก้องอยู่ในหัว
หวนคิดถึงอาจารย์แหวว...ยอดสตรีที่ต่อสู้เพื่อคนต่างด้าวที่ไร้สัญชาติ...เมื่อตั้งหลักได้ จึงทำการตรวจสอบกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ทั้งหลายที่สามารถที่จะเข้าถึงได้ (แต่..ไม่มีฐานข้อมูลใดเลยที่เราจะสามารถเข้าค้นได้โดยตัวเอง) จึงขอความร่วมมือจากรุ่นพี่ ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้ตรวจหาให้ ซึ่งในการตรวจสอบก็ไม่ได้ง่ายเลย เพราะด้วยที่เธอไม่เคยเรียนหนังสือ เธอจึงเขียนชื่อตัวเองไม่ค่อยจะถูก
ด้วยเธอพูดสำเนียงอีสาน เสียงวรรณยุกต์ชื่อของเธอจึงเพี้ยน ด้วยเธอเป็นเด็กกำพร้า เป็นเด็กที่เกิดมาจากผลพวงของสงครามเวียดนาม พ่อเป็น จีไอ! เธอจึงต้องร่อนเร่อยู่กับญาติตั้งแต่เด็ก.. เธอจึงจำชื่อพ่อ กับแม่ เพี้ยน ด้วยที่เธอไม่เคยจัดงานวันเกิด เธอจึงจำวันเกิดของเธอไม่ได้ จำได้แต่เพียงปีคร่าวๆ และด้วยที่เธอไม่เคยทำบัตรประชาชน จึงไม่เคยมีรูปของเธอปรากฎอยู่ในฐานข้อมูล
เมื่อสอบประวัติเท่าที่จะสามารถทราบได้ จึงวานรุ่นพี่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลพวกนี้ได้ให้ช่วยหาให้ คีย์ชื่อไปหลายชื่อ ก็ยังไม่ปรากฎ แต่จนสุดท้าย "เมรี" ก็มีข้อมูลปรากฏออกมา จึงจัดการส่งมาเร็วไปที่สำนักงานเขต เพื่อที่จะขอให้เจ้าหน้าที่รับรอง มาประกอบการปล่อยตัวออกจากห้องควบคุม ให้เขาเป็นอิสระจากข้อกล่าวหาว่า " เป็นบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต" และในที่สุด เธอกับลูกก็เป็นอิสระ
แต่...จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมต้องฉุกคิดขึ้นมา ว่า....ทำไม คนจับกุมมันไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อนวะ?ถ้าตรวจสอบให้ดีเสียก่อนเขาก็ไม่ต้องเข้าไปยังห้องขัง ในนั้น..แค่วินาทีหนึ่งก็ไม่ควรเข้าไป และหากว่าตรวจสอบไม่พบว่าเขาเป็นคนไทย เช่นดังคนไร้สัญชาติอื่นๆแถวตะเข็บชายแดน ที่เกิดในไทย แต่ไม่เคยไปขึ้นทะเบียน จะทำยังงัย แม่ลูกคู่นี้ไม่ต้องพรากกันเหรอ แล้วทำไม คนเราเกิดเป็นคน เราเป็นประชากรมนุษย์ เราจะเคลื่อนย้ายร่างกายไปยังส่วนใหนของโลก ทำไมต้องมีกฎเกณฑ์ห้ามด้วย การเข้าไปยังที่ใดๆ หากว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนมันก็น่าจะเข้าไปได้นี่ และต่อให้จะวางกฎเกณฑ์ห้าม เรื่องนี้มันก็ไม่ได้มีลักษณะที่เป็นความผิดในตัวเอง ไม่มีลักษณะของอาชญากร แล้วควรหรือที่จะต้องปฏิบัติต่อเขาเช่นดังเขาเป็นอาชญากร
หรือว่ามันเป็นสัญชาตญาณในการหวงกัน ของสิ่งมีชีวิต ที่จะต้องสร้างอาณาเขตของตนเอง ไม่ให้ใครอื่นเข้ามาได้...
ออ..กำแพงเมืองจีนก็คงมาจากสาเหตุนี้ เฉกเดียวกับที่ไอ้ตูบมันฉี่..รอบโรงพักนั้นเอง.
6 เมษายน 2551 09:21 น.
นายสิทธิ
ผมเป็นตำรวจหนุ่มอนาคตไกล
มีผลงานอวดเจ้านายอย่างสม่ำเสมอ
งานของผมที่ขึ้นชื่อลือชา และมีความชำนาญมาก ก็คงไม่พ้นเรื่องยาเสพติดนี้แหละ
ปีนี้ผมว่าคงไม่พลาด ๒ ขั้นแน่ๆ
อาว์ วันนี้สงสัยต้องสร้างผลงานซะหน่อยแล้ว เอาเป็นคดีไรดีนะ
คดีครอบเพื่อจำหน่ายก็ดี ง่าย และไม่เสี่ยง
เอาละ ติดต่อสาย ดีกว่า ให้มันต่อมาให้สักคน
.........................
หนูเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ที่ล้มเหลวในชีวิตครอบครัว
เพราะตอนวัยรุ่นใจง่ายเกินไป ไปหลงระเริงกับแสงสี ราตรี ในเมือง
พลาดท่าตั้งครรภ์ขึ้น โดยไม่ตั้งใจ
แต่อย่างไรก็ตาม แม้หนูจะยังงัย แต่เด็กที่เกิดมา มันบริสุทธิ์ ยังงัยหนูก็จะเก็บไว้
ส่วนพ่อของเด็กนะหรือ หลังจากมันรู้ว่าหนูตั้งครรภ์ มันก็หายหัวไป สงสัยมันคงตายไปแล้วมั้ง
เมื่อหนูตั้งครรภ์ หนูต้องลาออกจากโรงเรียน
เมื่อหนูคลอดลูกออกมา หนูก็หางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองและลูก
ออ ลืมบอกไปหนูเป็นเด็กที่อยู่ในชุมชนสลัม การหาเช้ากินค่ำนะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
หนูก็ต้องทำงานเพื่อเลี้ยงไอ้ตัวเล็กที่มันออกมา โดยหวังว่ามันคงจะไม่คิดผิดเหมือนหนู
หนูได้ไปสมัครงานเป็นลูกจ้างขายของในตลาดนัด กับญาติๆ
แต่ว่าช่วงนี้ลูกหนูมันไม่สบายหนูจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน เงินเก็บหนูก็ไม่มี
ของพ่อแม่ก็ไม่มี
หนูไม่รู้จะทำยังงัย หยิบยืมใครเขาก็ไม่ให้
แต่วันหนึ่ง คนในละแวกบ้านของหนู ซึ่งหนูรู้จักเป็นอย่างดี
ได้แนะนำหาเงินให้หนู โดยให้หนูไปรับของจากชายคนหนึ่ง
ซึ่งค่าตอบแทนมันก็งามพอสมควร
พอที่จะรักษาไอ้ตัวเล็ก และเก็บเอาไว้เป็นค่านมได้ส่วนหนึ่งเลยทีเดียว
เพียงแต่ว่าหนูต้องลงทุนเสี่ยงนิดนึง
ซึ่งหนูคิดว่า แม้จะเสียงบ้างแต่ถ้าได้เงินมา ไอ้ตัวเล็กของหนูก็จะหายไข้ อืมน่าสนใจ
.........................
ไอ้ขี้ยา ใครๆเขาก็เรียกผมเช่นนี้
ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมมันต้องมาประนามผมเช่นนี้ด้วย
ทั้งที่ชื่อเล่น ชื่อจริง ของผมก็มี พ่อแม่ได้ตั้งให้ผมไว้เหมือนกับคนอื่นๆ
แต่เอาเหอะ จะเรียกว่าไร ไม่เป็นไรผมไม่สน แต่อย่ามายุ่งกับชีวิตผมก็เป็นพอ
ชีวิตผมก็เหมือนเด็กสลัมทั่วๆไปนี้แหละ หาเช้ากินค่ำ อดบ้าง อิ่มบ้าง
แต่ชีวิตผม ถือว่ายังมีโชคดีอยู่บ้าง
ที่ได้ทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ มีไรเจ้าหน้าที่เขาก็ช่วยเหลือ หนำซ้ำยังให้รางวัลผมด้วย
เนี่ยเมื่อตะกี้ นายก็โทรมาหาผม ให้ผมทำงานให้หน่อย
พอดีมีเด็กสาวในละแวกบ้านของผม ซึ่งช่วงนี้มันจำเป็นต้องใช้ตังค์
เพราะว่าลูกสาวมันป่วย
มันน่าจะสนใจสิ่งที่ผมจะให้มันทำ
ถ้าผมทำงานนี้สำเร็จ ผมคงสบายไปอีกหลายวัน
อย่างน้อยอีต้อยที่มันเคยด่าผม มันคงจะไม่ดูถูกผมอีกเมื่อผมมีตังค์
.....................
อาว์ ได้การละ สายของผมติดต่อกลับมาแล้ว
ว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งหลงเข้ามาเป็นผลงานของผมแล้ว
พรุ่งนี้เช้า เตรียมดำเนินการตามแผนได้
.......................
ตกลงคะพี่ หนูรับงานนี้เอง แล้วหนูต้องทำไรบ้างคะพี่
ส่วนค่าตอบแทน พี่อย่าเบี้ยวหนูนะ หนูต้องการใช้เงินจริงๆ
........................
เสร็จกูละอีน้องเอ๋ย ถือซะว่าช่วยพี่ทีนะ นายพี่เขาขอมา
ถ้าพี่หาให้นายไม่ได้ พี่ก็อาจโดนเล่นเองก็ได้
ยังงัยเดียวพี่ค่อยซึ้อของไปเยี่ยมก็แล้วกันนะ
..........................
อืม ได้เวลานัดแนะแล้ว ผู้หญิงเกงขาสัน เสื้อสีชมพูใช่มั้ย
อาว์ มาแล้ว เข้าไปแสดงตัว ขอตรวจค้นได้เลย เจอแน่ๆ
...........................
อะ อา มีไรหรือค่ะพี่ พี่จะทำไรหนูอะ
เรื่องไรนะ เรื่องยาบ้าเหรอ หนูไม่รู้เรื่องนะ
พี่ หนูรีบ ต้องพาลูกไปหาหมอ พี่ยังมายุ่งกับหนูเลย
..........................
ได้เวลาแล้ว ป่านนี้นายคงจะทำงานเสร็จแล้วมั่ง
เย็นนี้ได้เงินจากนายมา ต้องหาไรกินแก้เปรี้ยวปากซะหน่อยแล้ว
..........................
อย่าปฎิเสธเลย สายของผมรายงานมาว่าคุณมียาบ้าในครอบครอง
เอาออกมาซะดีๆ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา
จะยังงัยก็ตามคุณหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก
ผมเป็นเจ้าหน้าที่ คุณกล้าขัดคำสั่งเจ้าพนักงานเหรอ
ส่งกระเป๋าถือมาดูสิ
อย่าโยกโย้ เร็ว ผมไม่อยากทำอะไรผู้หญิงนะ
นี่..
นีไง อะไรเนี่ย ยังมาปฎิเสธอีก
.........................
ไม่นะพี่ พี่เชื่อหนูสิ ไม่มีจริงๆ
โอ๊ะ อย่านะพี่
ว้าย..
อือ..
อย่าจับหนูเลยนะ
หนูจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ
นี้เป็นครั้งแรกจริงๆนะ
ลูกหนูป่วย
ถ้าพี่ปล่อยหนูพี่อยากได้ไร เดี๋ยวหนูให้หมดเลย
พี่จะนอนกับหนูก็ได้
.............................
ถ้าจะไปกินเหล้า
กินที่ใหนดีน้า
ชวนเพื่อนไปด้วยหลายๆ คนดีกว่า
............................
นี่ไง จะรับหรือปล่าว
เอ้ย ใส่กุญแจมือพาไปโรงพักได้เลยโว้ย
ไม่ต้องเสียเวลา
ร้อนวะ
คิดว่าช่วยราชการก็แล้วกันนะน้องนะ
.............................
ไม่นะพี่
ไม่ไป...
อือ ๆ ๆ ๆ ๆ
.............................
หรือว่าจะไปอาบน้ำดีวะ
เหนียวตัวอยู่เหมือนกัลล์
.............................
อาว์ เสร็จไปอีกราย
เป็นยังงี้ทุกวัน ใส ๆ
๒ ขั้นไปใหนเสีย
เอ้ย ไอ้ขี้ยาหรือวะ เออขอบใจมึงโว้ย
อีนี้หัวอ่อนดีวะ
จับง่าย
ทีหลังเอาเป็นหญิงยังงี้ก็ดีนะ
ไม่ต้องกลัวว่ามันจะขัดขืน
อือ เดี๋ยวมารับได้เลยนะ เตรียมไว้ให้มึงแล้ว
วันหลังจะใช้บริการใหม่
ขอบใจวะ เจอกัน
........................
อือ อือ อือ ....
......................
อาโหล หวัดดีครับนาย
ไม่เป็นไรนาย วางใจได้
นายใจดียังงี้ จะเอาอีกกี่คน
เดี๋ยวจัดให้
เดียวผม ไปเอานะ
หวัดดีครับ
......................
......................
อือ ๆ ๆ ๆ ๆ
ลูกแม่ อย่าเป็นไรนะ
แม่ช่วยราชการเสร็จ ก็จะได้กลับไปหาลูกแล้วนะ
.......................
.......................