28 กันยายน 2550 23:12 น.
นายธนา
บะเยงนองหลังสร้างแล้ว วางวาย
รัฐม่านแตกสลาย กลุ่มน้อย
ปองดองนั้นกลับกลาย แตกแยก เมืองนา
ชาติพม่าไร้สมานด้อย สามัคคีเมือง
ปังปังปืนกลาดกร้าว ยิงชน ม่านเฮย
ชีพม้วยดาดับบน แผ่นพื้น
นองเลือดแลกหวังพ้น คืนสู่ อิสรา
ถึงคราที่ต้องฟื้น คืนแคว้นพม่าเมือง
ชะเวดากองสั่นแล้ว สะเทือนนา
ลุกฮือชาวประชา เรียกร้อง
เสรีสู่แดนพม่า คืนกลับ ปวงเฮย
จึงเกิดเรื่องทราบซ้อง ทั่วทั้งโลกา
อิระวดีสีเลือดแล้ว กระมัง
ของอำนาจพระเกศรั้ง เรื่องร้าย
ตะเลงอย่าพ่ายพลัง พลาดแพ้ ภัยนา
ขอสันติ์สู่พม่าท้าย ยืนได้มั่นเฮย
26 กันยายน 2550 01:36 น.
นายธนา
เสียงปืนปังดังก้องฟ้าน้ำตาไหล
โอ้โจรไพร่ฆ่าใครหนาน่าแหนงหน่าย
ครู อีกแล้วหรือนี่ที่ต้องตาย
ช่างโหดร้ายจริงหนอทรชน
เสียงเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น
ยินเสียงปืนก้องกู่อยู่บ่อยหน
โจรใต้ชั่วทำตัวไม่ใช่คน
มันมาปล้นป่นชีวิตครูผู้อารี
โรงเรียนไกลใจครูสู้เพื่อศิษย์
แม้นชีวิตจักต้องตายไม่หน่ายหนี
ขอศิษย์มีความรู้ครูยอมพลี
ภัยราวีไม่มีห่างศิษย์ร้างไกล
ได้ชื่อครูปาเจรา จริยาเลิศ
โหติเกิดแก่แผ่นดินแม้นสิ้นขัย
คุณุตราถวายสิ้นเพื่อถิ่นไทย
นุสา สกาใจไม่ท้อขอฝึกคน
ครูในดวงใจ : อรวี สัจจานนท์
24 กันยายน 2550 22:00 น.
นายธนา
หากจะหานิยามของความรัก
คงยากนักจักแถลงแจงความหมาย
ยากจักหาถ้อยคำนำบรรยาย
เพราะความรักมีหลากหลายต่างกันไป
โอ้ความรักหวานซึ้งตรึงใจล้น
เกิดจากคนสองคนที่รักใคร่
ไม่จำกัดขอบเขตว่าเพศใด
เพราะความรักนั้นไร้ซึ่งพรมแดน
หากแม้นชายรักชายคือความผิด
ไม่มีสิทธิ์นั้นหรือคือแบบแผน
อะไรเล่าที่กำหนดวางกฎแปลน
ต้องโลดแล่นตามครรลองของใครกัน
ในเมื่อใจหนึ่งใจให้รักแท้
แล้วอีกใจใยต้องแก้ให้แปรผัน
ถึงแม้นมีจารีตคอยกีดกัน
แต่ความรักเรานั้นมากประมาณ
แม้นต้องถูกตราหน้าว่าวิปริต
ประพฤติผิดประเพณีที่สืบสาน
ฝืนธรรมเนียมธรรมชาติอันยาวนาน
แต่ความรักนี้เหลือต้านจะห้ามเอย...
อยากรู้แต่ไม่อยากถาม : Calories blah blah
21 กันยายน 2550 18:43 น.
นายธนา
ลมพัดพลิ้วทิวเสลาเฝ้าย้ายโยก
ยอดเบนโบกตามกระแสแผ่แผ่วผาย
ปลิดกลีบม่วงร่วงหล่นจนโรยราย
คงมิวายจะต้านแรงที่แพร่งโชย
กับแสงแดดแผดละมุนคุกรุ่นอ้าว
มองเมฆขาวเฝ้ากระจายสายลมโหย
ดวงตะวันเข้าชิดฟ้าล้าแรงโรย
จึ่งปรายโปรยแสงอ่อนร้อนเบาบาง
เย็นย่ำแล้ว...เย็นแล้วหนอเวลานี้
ณ ท้องที่มหาลัยใหญ่กว้างขวาง
กับชีวิตนักศึกษาหาเส้นทาง
เพราะเคว้งคว้างสบสนจึงด้นมา
หาปัญญาหาวิชาหาความรู้
เพื่อพรั่งพรูแตกฉานการศึกษา
หวังได้รับเกียรติใบปริญญา
ให้เชิดหน้าชูตาในสังคม
แต่ด้วยชีวิตอิสระจากอ้อมบ้าน
จึงสำราญใช้ชีวาพาสุขสม
ด้วยแสงสีลายล้อมให้เริงรมย์
จึงหลงชมหลงระเริงจนเหลิงใจ
อีกความรักความใคร่ใจฟุ้งซ่าน
เพราะไกลบ้านเหงาล้นเหลือทนไหว
ด้วยวัยนี้มันคะนองอยากลองไป
จึงเหลวไหลเสียงานเสียการเรียน
โอ้ชีวิตมหาลัยไยยากนัก
ต้องรู้จักครองใจใฝ่อ่านเขียน
บังคับให้ไม่เหลวไหลในการเรียน
ต้องพากเพียรต้องขยันต้องมั่นใจ
หลายร้อยคนไปไม่ถึงซึ่งฝั่งฝัน
มาล้มลงตรงกลางคันเพราะหวั่นไหว
หลงระเริงอิสระสบายใจ
เถลไถลหลงเล่ห์แห่งเสรี
นี่แหละหนอชีวิตวัยนักศึกษา
ต้องข่มใจให้ฟันฝ่าอย่าพ่ายหนี
ต้องชนะบังคับใจให้ได้ดี
เพราะไม่มีใครมาเฝ้าพะเน้าพะนอ
อยู่ที่เรา...ตัวเราและตัวเรา
อย่าหวังพึ่งใครเขาเฝ้าร้องขอ
ไม่มีใครหรอกหนาอย่าคอยรอ
ต้องสู้ต่อสู้ต่อไปด้วยใจเรา
ตะวันตกแล้วหนอที่ชายฟ้า
ณ สถานการศึกษาพาเงียบเหงา
โอ้ตะวันจะมาใหม่ไหมยามเช้า
ข้าอยากก้าวแก้ไขให้ชีวิต...
ทะเลใจ : ป๊อด โมเดิร์น ด็อก
20 กันยายน 2550 07:09 น.
นายธนา
อรุณสวัสดิ์ประภัสแดงแสงอาทิตย์
ส่องวิจิตรประภาพราวเช้าวสันต์
วิหกเหินบินเจื้อยแจ้วแซวตะวัน
บุบผาชันชูช่อล้อภุมรา
หมู่แมลงแมงผึ้งเคล้าคลึงกลีบ
บัวจับจีบจองแจงแซงแซวป่า
จู้ฮุกกรูกู่ขันเขาเอี้ยงกา
ชื่นวิญญาดุริยางค์เช้าคนเจ้ากลอน
โสตสดับรับพิรุณละมุนพรม
ระริ่วลมหวีดหวิวปลิวเกสร
มะลิวัลย์เลื้อยเลี้ยวเกี่ยวก้านบอน
หมู่ภมรรุมดอมหอมมิวาง
โพระดกพ่กป๊กหกเหินไหน
ยินเสียงไก่อี้เอ๊กถามยามฟ้าสาง
กระเต็นขับจับปลาพาขึ้นยาง
ข่อยสองนางกระแตโลดกระโดดถี่
ตะวันวับจับแววแถวขอบฟ้า
จันทร์ก็ลาลับแสงแปลงดวงหนี
ท้องนภาเมฆาขาวราวสำลี
คือเวทีดุรียางค์วางประชัน
สำเนียงชินยินสดับรับฟ้าสาง
ใช่อ้างว้างดวงแดแต่สุขสันต์
ธรรมชาตินาทภิรมย์ประโคมครัน
ช่างเสกสรรดุริยะเช้าคราวตื่นนอน ฯ