31 สิงหาคม 2550 18:34 น.
นายธนา
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
ไทยนี้นะมีชื่อ นรคืออิสรา
โบราณ พชนพา สุระกู้ ธ กอปไท
เกริกเกียรติ์ปิตุรงค์ ธ อ่าองค์ทุระหาย
ร้อนลุ่มพระดับคลาย ทุหฤษฎ์สิขเย็น
ควร ฤ จะเข่นฆ่า นรสา ณ ใต้เข็ญ
แบ่งแยกทวีเป็น ปฐพีนิมึงกู
ปังปัง ! ทุอาวุธ ปะทะเลือดสพรั่งพรู
ไทยไทมิใช่ผู้ กรร้ายทลายชน
แตกแยกสมัคคี จลมีจลาจล
นานาประชาหม่น กมลาผวากลัว
สงสาร ธ เอกองค์ พระจะทรงสิหมองมัว
ทวยราษฎร์ บ่ ลืมตัว มุทุสู้กะกู้ชัย
รู้รักสมัคคี อนหนี ณ ที่ใด
ไทยรวมพลังไทย จรสู้กะกู้ดิน
รวมชาตินะเป็นหนึ่ง มนพึงจะรวมสิ้น
รวมกอผิรวมจิน ตนไซร้ดุจใผ่งาม
ธาราทว่าน้อย ปะทะด้อยอักคิลาม
หนึ่งเดียวสมัญญ์นาม สมพลพลไท
ร่มเย็นบ่เข็ญทุกข์ นรสุขเกษมสมัย
สามัคคีซะทีไทย ระดะเด่นเป็น ขวานทอง
ไผ่รวมกอ : รวมศิลปินอาร์สยาม
29 สิงหาคม 2550 20:48 น.
นายธนา
โอ้สยามงามพิไลก่อนได้ชื่อ
สยาม คือเมืองยิ้มพริ้มพิสัย
แย้มโอษฐ์วาดชาตินานาประทับใจ
ตราตรึงให้ใครเห็นชื่นมื่นไพบูลย์
กาลต่อมาพากลับกลายหายรอยยิ้ม
ที่ปลื้มปริ่มก็ละลายหายสาบสูญ
อัตคัดคนขัดสนจนเพิ่มพูน
เพราะมากมูลด้วยหนี้สินทั้งถิ่นไทย
ค่าเงินบาทลอยตัวพามัวหมอง
อีกข้าวของขึ้นราคาเป็นว่าใหญ่
ทั้งฝนแล้งแข่งน้ำท่วมอ่วมฤทัย
หม่นหมองใจไร่นาพาล่มจม
รัฐบาลการเมืองเรื่องสมมุติ
โกงกินทรุดชาวประชาพาขื่นขม
นำมันแพง ใต้เข่นฆ่าน่าอกตรม
เพราะเงื่อนปมเหตุไทยไร้สามัคคี
เมื่อไหร่หนอ ? ขอฝากถาม สยาม เอ๋ย
จักได้เคยเป็นเช่นตอนเมื่อก่อนนี้
โจรใต้ชั่ว คอรัปชั่นนั้นไม่มี
ประชาชีสมานฉันท์กันทั่วไทย
โปรดเถิดหนาช่วยเยียวยาสยามนี้
ให้คงอยู่คู่ปฐพีอีกสมัย
รักษานาม สยามเมืองยิ้ม อิ่มเอมใจ
มิควรให้เปลี่ยนเป็นนาม สยามซึม
สยามเมืองยิ้ม : สมชาย ใหญ่
27 สิงหาคม 2550 19:52 น.
นายธนา
เอ้อระเหย...ลอยมา ลอยมาแล้วก็ลอยไป
ลอยวน...มาข้างข้าง อยู่ทางนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล
พวงเอ๋ย...เจ้าพวงมาลี เจ้าจะลอยลี้หนีไปแห่งไหน
ใครเล่า...ที่เจ้าเฝ้ารอ หมายไปคล้องคอรูปหล่อคนใด
ลอยไป...แล้วก็ลอยวน ที่ข้างถนนบนทางเส้นใหญ่
แดดอ่อน...ยันร้อนระอุ ยังคงมุ่งมุสู้ไหวสู้ไหว
นี่หนอ...นะชีวิตคน ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กันไป
ไม่ได้...เกิดบนกองทอง มีพ่อพี่น้องมากองไว้ให้
สมบัติ...อยู่ที่ดิ้นรน ชีวิตต้องค้นสู้ทนเข้าไว้
ดอกเอ๋ย...เจ้าดอกจำปี สอดร้อยมาลีเป็นพวงมาลัย
หอมยิ่ง..จริงดอกมะลิ บานแล้วแพร่งผลิชูชื่นสดใส
ลอยวน...ที่ตรงสี่แยก โอ้เด็กน้อยแบกเห็นเป็นพวงใหญ่
รถชะลอ...รีบออเข้าหา พี่คะพี่ขาช่วยซื้อได้ไหม
สองพวง...ไปเลยนะพี่ แล้วหนูคนนี้จะกลับบ้านได้
ไฟแดง..ใกล้จะหมดแล้ว เถอะนะพี่แก้วช่วยซื้อเก็บไว้
พ่อช่อมะกอกพ่อดอกลำไย เหมาหมดได้ไหมหนอพี่ชายเอย
ก่อนมะลิบาน : ไทม์
22 สิงหาคม 2550 23:50 น.
นายธนา
เดือนดาวราวลับฟ้า ราตรี
โอ้ค่ำของคืนนี้ เปี่ยมเศร้า
เงาเมฆหม่นบังสี เดือนส่อง แสงมัว
ใจยิ่งกลัวจากเจ้า จากแล้วจากเลย
ใดเอยเหงาเท่าน้อง ขาดเรียม
ใครเล่าจักเศร้าเทียม เทียบข้า
หากไร้พี่คงเปี่ยม อกแน่ น้ำตา
ร้องร่ำช้ำนองหน้า อ่าแก้มแต้มกาย
เรียมเอ๋ยอย่าเพิ่งท้อ กลัวไป ก่อนเลย
จงเชื่อมั่นเถอะใน รักแท้
รักแล้วแน่วคงใจ จักไม่ ผันแปร
ขอพี่จงอย่าแพ้ อย่าท้อก็พอ
จักมอบใจหนึ่งนี้ เป็นแรง กำลัง
และยังมิเปลี่ยนแปลง เชื่อได้
สัญญาหาได้แกล้ง หลอกพี่ อย่างใด
รักนั่นจักคงไว้ เคียงข้างตลอดนาน
เราสองครองคู่ข้าง เคียงกัน
รักร่วมเรียมนิรันทร์ ชั่วฟ้า
คำพูดใช่เปรยปั้น ปรุงแต่ง แกล้งมา
คือสื่อจากใจข้า บ่งรู้ความนัย
จับมือถือมั่นไว้ เคียงครอง
รักพี่พี่รักน้อง ต่างรู้
ยืนยันว่าเราสอง ปองร่วม ชีวา
รักกว่ารักยอดชู้ หนึ่งนี้คนเดียว
ขอเป็นคนของเธอ : โบ สุนิตา
18 สิงหาคม 2550 07:21 น.
นายธนา
ขอแอบอิงพิงใจในความฝัน
ฝากถ้อยคำหวานซึ้งพึงรำพัน
ให้ไหวหวั่นหวั่นหวามตามติดตรึง
.................................................
เอ่ยอารมณ์ชมชิมลิ้มรสรัก
แล้วสลักจารึกบันทึกถึง
บรรจงเขียนเรียงร้อยถ้อยคำนึง
อันเอมอิ่มซาบซึ้งถึงดวงใจ
...................................................
ห้วงเวหาฟ้าโปร่งโล่งสว่าง
เอาหมอกเมฆจัดวางกลางฟ้าใส
เรียงเป็นคำว่าคิดถึงคำนึงใน
ตามหัวใจเรียกหาทุกนาที
...................................................
ภวังค์ใดไหนละเจ้าจะเท่ารัก
หลงใหลนักเหลือจักหักใจหนี
เพราะฤทธิ์รักจึงจำยากพรากฤดี
ใจดวงนี้มิอาจกล้าจะฝ่าไป
.....................................................
เชิญชื่นชิมอิ่มอารมณ์กับความฝัน
ตามตะวันส่องทางสว่างไสว
แม้นแดดร้อนระรานถึงม่านใจ
ขอแอบไปซ่อนกระแสที่แปรปรวน
......................................................
หากจะซ่อนแสงแดดอันแผดร้อน
คงต้องนอนหลับใหลที่ในสวน
หนุนตักเจ้าออดอ้อนกล่อมเพลงครวญ
เหนียมอายม้วนชวนรักจักประคอง
...........................................................
ขอมีเจ้าอยู่ใกล้ก็ไร้ทุกข์
ด้วยความสุขจะอยู่เคียงเพียงเราสอง
โอบกอดเจ้าจ้องตาหันหน้ามอง
คอยประคองประทับจูบลูบแก้มกาย
.......................................................
หากแม้ได้แนบชิดสนิทเนื้อ
อ้อมแขนเอื้อโอบกอดทอดไหล่ผาย
ให้เจ้าหนุนนอนผ่อนพักจักสบาย
เพียงเอนแอบแนบคลายหายกังวล
........................................................
ไหล่ของข้าจะประคองเราท่องฝัน
คืนและวันผันผ่านกาลล่วงพ้น
อยู่ในโลกที่มีเราเพียงสองคน
แล้วร่ายมนต์สะกดรักประจักษ์ใจ
......................................................
เอ่ยอารมณ์ชมใจในความรัก
แล้วผ่อนพักหลับฝันอันสดใส
เปิดดวงตาที่แอบยิ้มกระหยิ่มใจ
เลิกหลับใหลเพ้อฝันอันยากจริง
.......................................................
ขอต้อนรับสู่โลกไร้ความฝัน
ที่คืนวันหมุนไปไม่หยุดนิ่ง
หากหัวใจเหนื่อยล้าอาจถูกทิ้ง
ให้จมดิ่งสู่ก้นเบื้องของเรื่องราว
..........................................................
ฉะนั้นใจต้องเข้มแข็งและแกร่งกล้า
เผชิญหน้าแม้หนทางยังว่างเปล่า
และใจจงมุ่งมั่นจะฟันก้าว
ตะกายดาวปีนฟ้าเพื่อคว้าชัย
..........................................................
ชัยชนะคือความหวังอยู่ข้างหน้า
ความพ่ายแพ้คือแรงกล้าให้แก้ไข
ส่วนความรักคือยาแพงของแรงใจ
ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้เลย
..............................................................
ใจดื่มด่ำล้ำลึกบันทึกฝัน
ในค่ำคืนของวันอันเปิดเผย
มีเราสองครองเคียงเอียงแนบเชย
สุขใดเลยหรือจะเท่าสุขสองเรา
...........................................................
แม้ยามใดที่ใจเปลี่ยวเพียงเดียวดาย
ไร้คนแอบแนบกายให้คลายเหงา
อยากจะมีคนเคียงเพียงแต่เจ้า
คอยปัดเป่าความอ้างว้างให้จางไป
.........................................................
ขอนำสายใยเราหนอมาทอถัก
เพื่อสานรักแน่แท้เป็นแพรไหม
สอดเส้นด้ายหลายสีที่หัวใจ
พุ่งกระสวยส่งไปสายใยทอ
.........................................................
แล้วใจจะกรอทอเส้นแบ่งเป็นสาย
วาดลวดลายสีสันรังสรรค์ต่อ
กี่กระตุกทุกย่างย่ำจะทำทอ
รักเราหนอจะงดงามตามลวดลาย
......................................................
ลวดลายของรักเรานี้เรากำหนด
เป็นผู้ทดผู้ลองหาความหมาย
จะสุขทุกข์สมหวังพังดีร้าย
จะลำบากยากง่ายแล้วแต่เรา
......................................................
เมื่อเราเป็นคนกำหนดรักเราแล้ว
จงวางแนวทางงามตามอย่างเขา
สร้างเส้นทางวางรากฐานการรักเรา
ให้บริสุทธิ์สีขาวและงดงาม
.....................................................
แม้รู้ว่ารักเรานี้มันผิดนัก
อุปสรรคของเส้นทางวางด้วยหนาม
ไม่มีกลีบกุหลาบโรยโปรยงดงาม
ให้เดินตามความสุขทุกวานวัน
....................................................
แม้รักนี้อาจผิด...ผิดที่รัก
แต่ยากนักจะหักให้ใจแปรผัน
ด้วยใจของสองเราเฝ้าผูกพัน
ขอยืนหยัดรักกันอย่างมั่นคง
.......................................................
เอ่ยอารมณ์ชมใจในความหวาน
อันซาบซ่านซาบซึ้งถึงลุ่มหลง
ติดลิ้มรสหอมหวนชวนพะวง
ขอใจจงดื่มด่ำหนำอุรา
........................................................
แม้นใครว่าหวานน้ำตาลมันหวานนัก
แต่ข้าว่าหวานรักจักหวานกว่า
หวานน้ำผึ้งหวานน้ำอ้อยหวานนานา
ไม่เทียบหวานเจ้ากับข้านะยาใจ
............................................................
ด้วยรสหวามของความหวานที่ฐานรัก
ชื่นใจนักรักผลักฝันมั่นสดใส
แม้เคยชิมลิ้มรสหวานทานสิ่งใด
ก็ไม่หวานเท่าหวานใจข้าได้เลย
.........................................................
เอ่ยอารมณ์ชมสวนมวลดอกไม้
อวลกลิ่นอายมิหายหางจางละเหย
กระจายหอมอ้อมประทินกลิ่นรำเพย
ขอเอื้อนเอ่ยถึงยอดหวงของดวงใจ
........................................................
ชมดอกไม้นานาประดาสวน
ประดับชวนเชยชิดพิสมัย
ละอองน้ำพรมบนกลีบจีบบนใบ
น้ำค้างใสเหมือนใจฉันมั่นรักเธอ
...........................................................
อยากจะนำดอกกุหลาบสักล้านดอก
พร้อมคำหวานกระซิบบอกมอบเสนอ
นั่งคุกเข่ายื่นดอกไม้ส่งให้เธอ
ที่ใจฉันรักเสมอไม่เสื่อมคลาย
.........................................................
ขอเจ้าจงรับมันไว้ในอ้อมกอด
ข้าจะพลอดคำหวานขอหมั่นหมาย
ขอจงรักภักดีเจ้าจนวันตาย
มิห่างหายขอเคียงอยู่เป็นคู่กัน
...........................................................
อิ่มอารมณ์ชมรักอีกสักครา
ออดอ้อนใจอันเหว่ว้าไปคว้าฝัน
เมื่อเอมอิ่มลิ้มรักภักดิ์นิรันดร์
หากถึงวันจำจากคงยากใจ
.......................................................
ใจหนอใจใจเราเอ๋ยมิเฉยนิ่ง
คงวนวิ่งวุ่นวายและหวั่นไหว
เมื่อใจนี้มิอาจพรากจากอีกใจ
เหลือทนไหวที่จะให้ไร้ผูกพัน
................................................
แม้สุดท้ายกาลเวลาจะพาพราก
พาเราจากทิ้งรักไว้เพียงในฝัน
เพราะความจริงจะทำให้ใจห่างกัน
แต่หวังว่าความรักนั้นคงมั่นเอย