30 มิถุนายน 2550 20:46 น.
นายธนา
เมื่อแดดร่มลมเย็นเดินเล่นกาด
เที่ยวตลาดบ้านนาซื้อหาของ
เห็นแม่ค้าคนสวยจึงฉวยมอง
งามจริงหนอนวลน้องนางบ้านนา
คงมาช่วยยายหรือแม่แน่เลยเจ้า
งานหนักเอาเบาไม่หนีดีจริงหนา
ลูกสาวใครแหมสวยใสสะดุดตา
อยากจะพาแม่ไปขอจริงหนอนาง
ทั้งผิวพรรณผุดผองดั่งทองเก้า
ผมก็ยาวดำสลายสวยทุกอย่าง
พร้อมใบหน้ากิริยาและท่าทาง
งามกว่าสาวเดินห้างในเมืองกรุง
แม่น้องนางบ้านนาหน้าตาสวย
ใส่ผ้าไทยเสียด้วยสวมซิ่นนุ่ง
พรมน้ำหอมดอกมะลิที่อบปรุง
จนหอมฟุ้งจรุงจิตให้ติดใจ
แม้นพูดจาพาทีชวนชื่นหู
อยากจะรู้บ้านนางอยู่ทางไหน
จะแอบดูข้างรั้วอยู่ใกล้ใกล้
ด้วยถูกใจเสียยิ่งจริงแก้วตา
โบราณกล่าวว่าดูนางต้องดูแม่
จะให้แน่ดูถึงยายได้ดีกว่า
แล้วไหนเล่าแม่และยายกัลยา
พี่จะรีบวันทาไม่ช้านาน
ว่ากันว่าจะหาแท้แม่ศรีเรือน
เสียงตำน้ำพริกต้องสะเทือนไปเจ็ดบ้าน
ต้องเก่งกาจเรื่องราวทั้งคาวหวาน
และไม่คร้านปัดกวาดสะอาดตา
เออ..น้องหนอคุณพ่อท่านดุไหม
มีปืนติดบ้านไว้บ้างไหมหนา
ถึงแม้นมีพี่ยอมน้อมชีวา
ขอเพียงได้กัลยามาเคลียคลอ
แม่น้องนางบ้านนาจรรยางาม
พี่ขอถามว่ามีคู่อยู่ไหมหนอ
ถ้าไม่มีพี่จะรีบไปบอกพ่อ
ให้แต่งขันหมากรอขอมะรืน
กาด เป็นภาษาไทยถิ่นเหนือ หมายถึง ตลาด
เทพธิดาผ้าซิ่น : เสรี รุ่งสว่าง
28 มิถุนายน 2550 19:44 น.
นายธนา
ทุ่งข้าวเขียวเป็นเกรียวคลื่นตื่นตามลม
ดอกทองกวาวสีส้มที่ท้ายหนอง
กอผักตบลอยปริ่มอยู่ริมคลอง
ช่อโสนสีทองเริ่มแย้มบาน
กาสะลองชายคลองยังไร้ดอก
ผีเสื้อหยอกแมลงปอสนุกสนาน
นกกระจาบทำรังใหญ่ที่ใบตาล
หอยขมคลานตามปูเอ็นดูจัง
ห้างเก่าเก่าข้างกอไผ่ใครไปสร้าง
มีผ้ายางขาดปะเป็นผนัง
มุงหญ้าคาผุผุพอประทัง
เมื่อพักนั่งยามร้อนคงผ่อนคลาย
นกกระยางกลางปีกเรียวระหง
สะโอดสะองลอยล่องท่องมิหาย
ปลาเห็นเข้ารีบแทรกกันแหวกว่าย
เดี๋ยวจะกลายเป็นอาหารหวานโอชา
ดอกบัวบานก้านยาวใบกลมใหญ่
กลางธารน้ำใสใสไหลช้าช้า
กุ้งตัวน้อยลอยเด่นเล่นไปมา
ข้างฝูงปลาว่ายอยู่เคียงคู่กัน
ชื่นชมถิ่นดินแดนแสนชนบท
งามหมดจดบริสุทธิ์ดุจสวรรค์
ทั้งท้องไร่ท้องนาพฤกษาพันธุ์
ธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างสมบูรณ์
25 มิถุนายน 2550 06:53 น.
นายธนา
ย้อนเวลากลับไปหลายปีก่อน
ครั้งยังนอนในเปลฟังเห่กล่อม
แม่คอยปัดริ้นไรไม่ให้ตอม
พ่อเฝ้าหอมเฝ้ากอดจนแก้มชา
จนวันนี้ผ่านมายี่สิบเอ็ดหนาว
หลากเรื่องราวเวียนผ่านการศึกษา
ได้เติบใหญ่เรียนรู้พรูปัญญา
ตามคำสอนสั่งมาว่าตั้งใจ
หวังสานฝันของพ่อและของแม่
ไม่ย้อมแพ้แม้เหน็ดเหนื่อยยังสู้ไหว
เพราะมีพ่อและมีแม่เป็นแรงใจ
ให้มุ่งมั่นต่อไปที่ใจรอ
ถึงหนทางว่างเปล่าเส้นทางเปลี่ยว
จะแลเหลียวหาใครที่ไหนหนอ
พอหันหลังกลับไปยังมีพ่อ
แม่ก็รอคอยมอบปลอบหัวใจ
อาจมีบ้างบางครั้งรู้สึกท้อ
แต่เห็นเหงื่อของพ่อท้อไม่ได้
แม่ก็เหนื่อยทำงานอยู่เรื่อยไป
เพื่อส่งเงินมาให้ใช้ให้ได้เรียน
ขอสัญญาว่าจะไม่เหลวไหล
จะตั้งใจศึกษาพาอ่านเขียน
มุมานะมุ่งใจใฝ่การเรียน
ด้วยพรากเพียรสานฝันกตัญญู
จากบ้านมาเพื่อตามหาเส้นทางฝัน
และเชื่อมั่นต้องทำได้ให้เลิศหรู
บอกหัวใจอยู่ทุกวันว่าต้องสู้
พ่อและแม่คอยดูรู้คำนึง
อยากกลับบ้านไปหาจวนจะแย่
ก็ได้แต่โทรไปคลายคิดถึง
ได้ยินเสียงพร่ำพูดก็สุดซึ้ง
เปรียบประหนึ่งแรงใจให้ก้าวไป
มองหนทางข้างหน้าใกล้มาแล้ว
ด้วยแน่แนวสัญญาว่าทำได้
อีกไม่นานลูกจะต้องถึงเส้นชัย
ให้พ่อแม่ได้ดีใจกันสักที
เขียนฝันไว้ข้างฝา : รัชนก ศรีโลพันธ์
23 มิถุนายน 2550 00:31 น.
นายธนา
เอม อก...คิดถึง...เมื่อคิดถึง
ใจคอยเฝ้ารำพึงคำนึงหา
ถึงยอดหวงของดวงชีวา
รักหนักหนาเกินกล่าวเล่าความนัย
............................................
แม้นมิได้เคียงคู่อยู่เคียงข้าง
แต่ใจนี้มิเคยห่างร้างไปไหน
ยังคงมั่นรักพี่ยอดดวงใจ
จะเหลวไหลสักครั้งยังไม่มี
............................................
เอม อก...คิดถึง...แสนคิดถึง
ด้วยหวานซึ้งตรึงใจไม่หายหนี
เหลือหลงรักมากนักนะคนดี
ทั้งชีพพลีให้ได้แม้นต้องการ
............................................
ถึงห่างกายใช่ห่างใจอย่าไหวหวั่น
เรารักกันมั่นไว้ในความหวาน
เพียงเชื่อใจไม่มีใครมาแผ้วพาน
ฤๅระรานให้ชอกช้ำลำบากใจ
.............................................
ส่งความคิดถึงปลิวไปในอากาศ
คิดถึงพี่ใจจะขาดแล้วรู้ไหม
ฝากหอมแก้มผ่านสายลมพรมพาไป
บรรจงจูบแก้มใสของแก้วตา
.............................................
เอม อก...คิดถึง...กว่าคิดถึง
เกินกว่าชายคนหนึ่งคำนึงหา
คิดถึงพี่มากมายหลายเวลา
เฝ้าพร่ำเพ้อละเมอหาทุกนาที
อสงไขย : เดอะซิส
21 มิถุนายน 2550 19:53 น.
นายธนา
ปทุมาดาษดื่นเหนือพื้นน้ำ
สะพรั่งงามแย้มพริ้มอิ่มเกสร
กลีบสลวยสวยชวนมวลภมร
ให้บินร่อนลดเลี้ยวเทียวมาชม
บัวเบ่งบานบอบบางอยู่กลางหนอง
ให้แลมองชมพูดูงามสม
คล้อยเอนไหวส่ายก้านต้านสายลม
ตูมพนมดอกน้อยยังคอยบาน
เห็นบัวงามให้ตามคิดถึงคำสอน
ของเอกองค์ชินวรผู้แตกฉาน
สมเด็จพระพุทธองค์ผู้ทรงญาณ
ผู้เบิกบานหยั่งรู้อยู่ทุกครา
พระแบ่งบัวออกเป็นเช่นสี่เหล่า
แล้วเปรียบเข้ามนุษย์ให้ศึกษา
แทนดอกบัวให้เป็นเช่นปัญญา
นำธรรมามาสอนกร่อนจิตใจ
งามดอกบัวบานสะพรั่งอยู่กลางหนอง
จงเพ่งมองลงไปในน้ำใส
เห็นถึงหง่าวถึงกอที่ก่อไว้
แล้วทรงใช้ปัญญาพาเรื่องราว
ว่าบัวหนึ่งอยู่ในตมก้นธารา
เปรียบเป็นคนไรปัญญาแสนโง่เขลา
สอนเท่าไหร่ไม่รับไม่จับเอา
ต้องเปลื่อยเน่าลงไปอยู่ในดิน
บัวเหล่าสองเติบโตอยู่ในน้ำ
หากมีใครชี้นำคงแปรผิน
อาจโผล่พ้นพื้นน้ำงามรวยริน
และส่งกลิ่นชวนฝันวันต่อมา
บัวเหล่าสามคือบัวงามเสมอน้ำ
เปรียบดั่งคนฟังความรู้ภาษา
อธิบายเข้าใจใช้ปัญญา
อีกไม่ช้าก็เบ่งบานซาบซ่านใจ
และสุดท้ายคือบัวเหล่าที่สี่
บัวดอกนี้พ้นน้ำงามสดใส
คลี่กลีบออกดอกบานสะท้านใจ
ด้วยแจ่มใสแจ้งรู้พรูปัญญา