25 ตุลาคม 2550 08:24 น.
นายธนา
ถูกโซ่ตรวนตรึงมิต่างอย่างกับทาส
ถูกอำนาจครอบงำนำมุสา
หลงเสน่ห์เล่ห์เพลินของเงินตรา
เป็นขี้ข้าวัตถุนิยมชมชอบใจ
สั่งสมซึ่งสิ่งไร้ในสาระ
มุมานะหาของสนองใคร่
ละเลยการทำดีมีน้ำใจ
แก่งแย่งกันเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
หลงอำนาจหลงวัตถุหลงเงินตรา
ใช้ชีวิตใฝ่หาแต่ทรัพย์สิน
จิตก่อกรรมกายทำร้ายใจโกงกิน
จนหมดสิ้นไม่เหลืออะไรในโลกนี้
มนุษยทาสตกอำนาจกิเลสมาร
มิอาจต้านหลีกพบหรือหลบหนี
ไม่มีทางหลุดพ้น ณ หนนี้
ตราบใดที่ใจยังใฝ่ไม่บางเบา
วัตถุกลายเป็นเครื่องพันธนาการ
สั่งสันดานมนุษย์สุดโง่เขลา
บังคับแขนบังคับขาให้คว้าเอา
และคอยเฝ้าทำชั่วไม่กลัวกรรม
23 ตุลาคม 2550 19:40 น.
นายธนา
ท่ามถนนฝนกระหน่ำดังฟ้ารั่ว
อากาศมัวมืดหมดรถพลุกพล่าน
น้ำเจิ่งนองท้องทางอย่างละลาน
มิอาจต้านต้องหลบไปในศาลา
บุรุษหนึ่งจอดรถลงมานั่ง
บุรุษสองตามหลังมาไม่ช้า
หญิงสองนางเพื่อนกันก็รีบมา
รีบวิ่งฝ่าสายฝนที่พ้นพรำ
คู่สามีภรรยาก็มาต่อ
อีกคู่พ่อลูกชายก็ย่างย่ำ
แล้วสาวน้อยกับน้องชายกลางร่มดำ
มาหลบฝนชุ่มฉ่ำที่เดียวกัน
แล้วความเงียบก็ครอบทุกทุกสิ่ง
ทั้งหมดนิ่งไม่ส่งเสียงแม้นเพียงสั้น
ต่างคนต่างอยู่มุมของใครของมัน
ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอไม่รู้ใคร
ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้า
มีแต่ตามองกันเหมือนหมั่นไส้
ราวโกรธเกลียดกันมานานแต่ชาติไหน
ต่างเชิดใส่หน้าบึ้งมึงอย่าดัง
สังคมไทยสมัยนี้คนไม่มีปาก
พูดกันยากคุยกันเย็นเห็นโอหัง
กลัวพิกุลจะร่วงหล่นเสียกระมัง
จะพูดจากันมั่งไม่ได้หรือไร
22 ตุลาคม 2550 11:55 น.
นายธนา
โคลงสอง
ภูมิแผ่นดินมิ่งฟ้า เทิดท่าน ธ ขวัญหล้า
ยิ่งล้ำพระบารมี พ่อเฮย
เกริกจักรีเกียรติก้อง ลือเล่ากล่าวศักดิ์ซ้อง
มิ่งแล้วภูมิพล ราชา
คือใจชนพ่อไท้ คือพ่อไทยไกลใกล้
พสกนี้ของพระองค์
พ่อ ธ ทรงคิดสร้าง แนวสู่ทางลบล้าง
ยากแค้นประชา- ชนเฮย
พอเพียงพาสุขล้ำ พ่อกล่าวชี้เน้นย้ำ
สอนสั่งกตัญญู สามัคคี
ธ สถิตอยู่เหนือเกล้า ไทยเหล่ารักพ่อเจ้า
เทิดไว้ในใจ ชาวชน
ขอพระรัตน์ไตรศักดิ์ล้น คุ้มพ่อเภทภัยพ้น
หายได้จากการณ์ ประชวรเฮย
เทิดพระภูบาลพ่อฟ้า สถิตมิ่งเป็นขวัญหล้า
คู่แค้วนคู่ชาว- ไทยเทอญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมฯของเดชะฯ
7 ตุลาคม 2550 22:26 น.
นายธนา
โคลงดั้น
ลมโรยโชยพัดพลิ้ว โศกคราว
เดือนเด่นดาวดับมืน หม่นฟ้า
ราตรีที่ปวดร้าว ใจแย่ แพ้ใจ
ร้องไห้เพียงเหว่ว้า คร่ำครวญ
เดียวดายไร้คนข้าง เคียงกาย
กอดก่ายหมอนลำพัง อย่างนี้
เหงาเศร้าซ่าบมิวาย บอบแท้ ใจเอย
หาใครต่างไร้ลี้ ไป่มี
ล้าแรงโรยเหนื่อยแล้ว ใจเอย
อ่าอกเอ๋ยอ่อนเอ่อ อิ่มช้ำ
ใจเจ็บเก็บอย่างเคย แสนหน่าย แล้วนา
ใช่กลับไม่ย้ำซ้ำ ดั่งเดิม
หนาวเหน็บหนาวเรานี้ หนาวใจ
ใครเล่าใครจักมา คู่ข้าง
คงคอยอยู่คือใคร ที่ใช่ เรานา
หวังหนักหนาเจอบ้าง จริงใจ
5 ตุลาคม 2550 18:55 น.
นายธนา
ฉบัง ๑๖
กึกก้องร้องร่ำคำราม มืดทุกเขตคาม
เมฆมิดปิดฟ้าอำไพ
ลมลิ่วพัดพลิ้วไสว ไม้ทิ้งทอดใบ
กลาดเกลื่อนไปทั้งแดนดิน
ฝุ่นฟุ้งคละคลุ้งเคล้ากลิ่น ไอดินรวยริน
และแล้วกระหน่ำลงมา
สายฝนร่วงหล่นจากฟ้า น้ำนองไม่ช้า
ท่วมทั้งทั่วทุ่งถิ่นทาง
ชุ่มฉ่ำชุ่มชื้นชื่นพลาง เดือดร้อนกันบ้าง
ดินถล่มพืชจมน้ำตาย
เกษตรกรปางวาย ผลผลิตเสียหาย
ใจช้ำเหลือล้ำระอา
ฝนท้ายตอกย้ำอำลา ทิ้งคราบน้ำตา
ชาวไร่ชาวนาระทม