31 ตุลาคม 2550 20:24 น.
นายธนา
พลิ้วลมแผ่วแว่วพัดระลอกหนาว
ไอหมอกพราวเข้าครองจองเวหา
เย็นย่ำเยือนยะเยือกเยือนเคลื่อนผ่านมา
ปรกนภาคลุมแค้วนแผ่นไผท
สายลมโชยโปรยปลิวลิ่วระลอก
หนาวเหน็บหนาวหนาวไอหมอกหนาวหวั่นไหว
วัสสะวารผ่านช่วงกาลกลับไปไกล
เหมันต์ได้เคลื่อนเข้าประจำยาม
ฤดูหนาวหาวลมพรมน้ำค้าง
ละอองบางหยาดย้อยค่อยคล้อยถาม
ว่าเหตุใดไฉนหนาวเฝ้าเคลื่อนตาม
ประจำยามหลังฝนฤดูกาล
แม้หนาวกายใช้อุ่นผ้ามาปะทัง
หรือล้อมนั่งผิงไฟให้กายหาญ
แต่หนาวใจไร้ไออุ่นทรมาน
หนาวเหน็บปานแช่แข็งเรียวแรงรา
โอ้เหน็บหนาวหนาวในหัวใจหนาว
หนาวเปลี่ยวเปล่าหนาวเดียวดายหน่ายหนักหนา
อยากจะได้ไออุ่นรักคอยชักพา
ให้อบอุ่นทุกเวลาทุกนาที
แต่ไฉนหัวใจไยขาดรัก
แม้ใฝ่ฝักค้นหากับหายหนี
แล้วลมหนาวที่พัดมาในครานี้
ยังไม่มีไออุ่นใดให้ใจเลย
30 ตุลาคม 2550 11:47 น.
นายธนา
ถามตัวเองว่ามาทำไมนะที่นี่
หาคำตอบไม่ได้สักทีจึงสงสัย
แล้วตัวข้ามาเพื่อ...ทำอะไร
ใครหนอใครช่วยตอบคำถามที
สิ่งที่เรียนเรียนไป.... ใช่หรือเปล่า
มันคือเราหรือไม่....ใช่หรือนี่
ฝืนไหมหนาที่เรียนมากว่าสองปี
ยังไม่มีคำตอบ....ให้ตัวเอง
มหาลัยใหญ่โตโอ่อ่า
ข้างข้างข้าก็มีแต่คนเก่ง
พูดจาภาษาวิชาหน้าเครียดเคร่ง
ข้าเซ็ง...ไม่รู้เรื่องกับพวกมัน
ปีสาม....เทอมสอง....มองตัวเอง
ยังครื้นเครงเหลวไหลไม่ขยัน
เรียนบ้างเที่ยวบ้างอยู่อย่างนั้น
จะจบทันเพื่อนได้ไหมหนอกู
วิชาเอกวิชามอก็ติดF
I ก็เก็บDก็เอาเขลาจริงหนู
ถามหาAสักตัวอยู่ไหนไม่รู้
ดูเกรดทีแทบบ้า...จะบ้าตาย
ปริญญา....ที่หวังจะคว้าในสี่ปี
แต่ตอนนี้ความฝันนั้น....สลาย
สงสัยพ่อจะขายนามาส่ง....ควาย
จะถูกทายไหมหนอชักท้อใจ
**รีทาย หรือ retired หมายถึง นักศึกษาที่พ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษา
28 ตุลาคม 2550 19:19 น.
นายธนา
โหมโรงบรรเลงเพลงลั่น
กึกก้องสนั่น
กล่อมขวัญประกาศค่ำคืน
พ่อจ๋าแม่จ๋ามาเริงรื่น
ลิเกครึกครื้น
คณะนี้เขาว่าเล่นดี
รีบหวาแต่หัวค่ำจองที่
ช้าไปเดี๋ยวไม่มี
อดดูแล้วน่าเสียดาย
ค่ำแล้วจูงมือหลานยาย
หิ้วหมากกระทาย
ซื้อลูกชิ้นถั่วต้มเสบียง
ลิเกออกแขกแล้วแว่วเสียง
ผู้คนต่างเรียง-
หน้าสลอนกันที่เวที
พระเอกหล่อนะคนนี้
ขวัญใจยายชี้
เร็วเข้ารีบคล้องมาลัย
นางเอกก็สวยถูกใจ
ดอกไม้ส่งให้
ตัวโจ๊กตลกเฮฮา
ฉากนี้ซึ้งใจหนักหนา
ยายเช็ดน้ำตา
อีกฉากน่ารักจีบกัน
หลานยายดูลิเกเมามัน
ปรบมือสนั่น
สุดท้ายเมื่อลิเกจบลง
27 ตุลาคม 2550 10:12 น.
นายธนา
ภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒
มโนน้อมนมัสการ
ธ ทรงญาณพระโคดม
อเนกคุณ สิ บังคม
ประนมก้มกะกราบกราน
ติวรรษาฤดูฝน
ผลาพลฤดูหว่าน
นราราษฎร์สัตว์สำราญ
ฤดูแล้งก็เหือดหาย
จึ่งมีพระวินัยยล
ภิกษุกลนโยบาย
มิท่องเที่ยวรึกรีดกราย
ณ สามเดือนมิเคลื่อนคลา
ลุผ่านกาลฤดูฝน
สิออกพ้นพระพรรษา
ตถาคตครั้งลงมา
สวรรค์ชั้น ณ ดาวดึงส์
ตำนานกาลเทโวนั้น
บุราณอันขนมนึ่ง
ผลากล้วยกะข้าวจึง
สู่ข้าวต้มขนมไทย
นิรบุญกุศลสร้าง
มิหายห่างแต่กาลไหน
เทโวโรหนนัย
ประโยชน์ย้ำชนทำดี
26 ตุลาคม 2550 18:02 น.
นายธนา
ดวงไฟลอยทยอยขึ้นจากผืนน้ำ
ในคืนค่ำคราเพ็ญออกพรรษา
ณ ริมฝั่งโขงนทีศรีธารา
เป็นบั้งไฟพุทธบูชาจากบาดาล
สว่างวาบวับหายเลือนไกลหน
ชวนผู้คนแตกตื่นยืนร้องขาน
มหัศจรรย์ลี้ลับกับตำนาน
เป็นผลงานธรรมชาติหรือสิ่งใด
สิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ดออกพรรษา
ล้ำศรัทธาพุทธองค์อสงไขย
ครั้งเสด็จจากสวรรค์สุราลัย
กลับลงไปสู่ผืนปฐพี
ก่อปีติแซ่ซ้องทุกหย่อมย่าน
ทั้งชั้นฟ้าเมืองบาดาลเฉลิมศรี
พญานาคจึ่งพ่นไฟในวารี
ด้วยยินดีรับกลับสัพพัญญู
เกิดตำนานบั้งไฟพญานาค
ณ สองฝากฝั่งโขงสืบคงอยู่
ให้พุทธศาสนิกชนได้เชิดชู
บูชาองค์พระสัมมาพรั่งพร้อมเพียง