22 มีนาคม 2550 10:12 น.
นายธนา
ขอเรียงลอยถ้อยคำหวานสานคำรัก
แล้วจำหลักจารึกลงตรงกลางฝัน
อยู่ระหว่างห้วงหัวใจกันและกัน
เธอกับฉันฉันกับเธอละเมอไป
หอบหัวใจอันเหนื่อยล้ามาขอฝาก
และก็อยากให้ดูแลรักษาไว้
เก็บหัวใจไว้ที่ห้องของหัวใจ
คอยมอบไออบอุ่นอุ้มดูแล
ใจเอ๋ยใจใจฉันมันฟุ้งซ่าน
วาดวิมานหวานนักรักแน่แท้
รักครั้งนี้มอบใจให้ไม่ผันแปล
โปรดดูแลให้ความรักจักเป็นดี
ใจของฉันมันบอบช้ำมาหลายครั้ง
จึงเพียงหวังฝากหัวใจไว้ที่นี่
หวังอย่างยิ่งว่าหัวใจใครคนนี้
จะยินดีเป็นที่พักรักษาใจ.....
21 มีนาคม 2550 18:48 น.
นายธนา
ลมพัดพลิ้วปลิวสายที่ปลายทุ่ง
หอมดินปรุงฟุ้งอบอวลชวนหลับฝัน
ปล่อยหัวใจเถลไถลในคืนวัน
ให้ไหวหวั่นหวั่นไหวไปสักครา
ลมคิมหันต์ผันพลิ้วลิ่วระลิ่วล่อง
เพลงขลุ่ยร้องคล้องบรรเลงเครงหรรษา
เอ่ยอารมณ์ระงงร้อนผ่อนอุรา
ยามแดดล้าฟ้าโปร่งโล่งหัวใจ
หอมรวยรินกลิ่นป่าใบหญ้าแห้ง
ใบไม้แล้งล่วงหล่นไปหนไหน
อบแสงแดดแปดเปรียวที่เรียวใบ
จนม้านไหม้หม่นหมองต้องสายตา
ปรุงประทิ่นกลิ่นประทับจับดวงจิต
เชยแนบชิดสรวงใจไอพฤกษา
หอมชื่นสายมิหายห่างและร้างลา
โชยกลิ่นซาพาพลิ้วลิ่วล่องลม
อบไอดินกลิ่นไอร้อนต้อนอ่อนล้า
พักหัวใจที่เหว่ว้าปัญหาถม
ค่อยทำจิตคิดเริงรื่นชื่นเริงรมย์
แล้วเอ่ยชมยามลมร้อนนอนพักใจ
21 มีนาคม 2550 10:09 น.
นายธนา
สายลมโชยโปรยพัดลัดทิวไม้
ทิวไม้ไหวใบไม้พลิ้วลิ่วลมหวน
พัดเรื่อยเรื่อยพัดเฉื่อยเฉื่อยพัดเรรวน
ใบไม้ล้วนล่องลิ่วปลิวตามแรง
ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งใบสาขา
สูงสง่าท้าสายลมเป็นร่มแผง
เขียวชอุ่มพุ่มขจีรี่ลมแรง
ค่อยเคลื่อนแกว่งแยงย้ายตามสายลม
ใบไม้แห้งล่วงหล่นบทพื้นรอบ
แล้วแห้งกรอบบำรุงพื้นชุ่มชื้นสม
ดินโดยรอบขอบล้วนร่วนอุดม
ใบไม้ถมหมักทับกระชับดิน
ที่โคนต้นพ้นพื้นชุ่มชื่นที่
รากยาวรีวางขวางอยู่กลางถิ่น
ฝูงแมลงเพลิดเพลินเดินหากิน
ตามพื้นดินหลากหลายเชื้อสายพันธุ์
เจ้านกน้อยลอยตัวเกาะบนต้น
จิกกินผลไม้ใหญ่ใจสุขสันต์
แล้วร้องเพลงบรรเลงป่าพนาวัน
แว่วขับขันเจื้อยเจียงเสียงแว่วมา
กิ้งก่าน้อยเกาะกับกิ่งไม้อยู่
ทำมองดูหัวผงกตลกหน้า
ตาหลึบเหลือกเกลือกกลิ้งวิ่งไปมา
ทั้งสี่ขาเกาะแน่นค่อยแล่นเดิน
มานั่งลงตรงโคนของรากไม้
เย็นสบายสายลมไหวให้ใจเหิน
เคลิ้มหลับฝันพรรณนาพาเพลิดเพลิน
หัวใจเดินเตร็ดเตร่ร่อนเร่ไป
ใต้ร่มไม้ร่มใหญ่ใจอารี
หลายชีวีมีมาอยู่อาศัย
เป็นแหล่งร่มพรมพื้นอันชื่นใจ
เป็นแหล่งใหญ่ให้อาศัยหลายชีวิต.....
20 มีนาคม 2550 20:23 น.
นายธนา
ถือกำเนิดเกิดจากดินที่ถิ่นพื้น
แล้วหยัดยืนอย่างมั่นคงทะนงไว้
แม้นต่ำต้อยด้อยค่ากว่าใครใคร
แต่ก็ภาภูมิใจที่เป็นดิน
อาจถูกด่าตราหน้าว่าต้อยต่ำ
ถูกเหยียบย่ำช้ำใจใครดูหมิ่น
ว่าเกิดต่ำซ้ำชาติจากพื้นดิน
จะโผผินเสนอหน้ามาอย่างไร
ดินก้อนนี้จึงตั้งมั่นปฏิญาณ
จักต้องสานความฝันนั้นให้ได้
ถึงเป็นดินจะโผผินบินก้าวไกล
จะยิ่งใหญ่ก้องไปในจักรวาล
จะลบคำดูหมิ่นสบประหม่า
จะเชิดหน้าฝ่าไกด้วยใจหาญ
ไม่ยอมแพ้แม้ประสบพบภัยพาล
มุ่งทะยานสานฝันนั้นขึ้นมา
สักวันหนึ่งดินนี้จะเป็นดาว
จัดแสงพราววาววับกับท้องฟ้า
สุกไสวผ่องใสในนภา
สว่างแสงสว่างจ้าท้าแสงดาว
20 มีนาคม 2550 20:19 น.
นายธนา
แว่วสำเนียงเสียงบรรเลงเพลงใบไม้
ลมดีดสายพิณไหวพริ้งไพเราะ
ถอดทำนองร้องรับขับเสนาะ
เมื่อลมเลาะเพราะพลิ้วลิ่วล่องมา
.............................................
ซอสีซอสามสายหลายคันซอ
อ่ออี้ออไม้สีไม้ให้หรรษา
กล่อมบรรเลงเพลงธรรมชาติสะอาดตา
เป็นเสียงป่าพนาไพรไร้ผู้คน
..................................................
พลิ้วใบไม้ไหวกอบแกบแนบสายลม
เอื่อยเอยชมลมพัดลัดล่องหน
บัลดาลเพลงบรรเลงระนาดปราศผู้คน
อิ่มกมลโอนอ่อนผ่อนหัวใจ
.................................................
เสียงดนตรีมโหรีจากราวป่า
เพลงใบไม้ไพรพนาพาหวั่นไหว
โปรดฟังเสียงสำเนียงนี้เถิดหัวใจ
แล้วจักได้ผ่อนพักจากกังวล
..................................................
ขลุ่ยผิ่วแผ่วแว่วบรรเลงเพลงใบไม้
ไหวพลิ้วพายสายลมไหวใบไมหล่น
ใบไม้ไหวบันดาลเพลงบรรเลงดล
ให้ผู้คนฟังเสียงงามธรรมชาติเอย.....