10 พฤษภาคม 2548 17:12 น.
นาย G
ความพ่ายแพ้......หนึ่งในรสชาดชีวิต ที่โลกสร้างขึ้นเพื่อให้เราได้สัมผัส ได้ลิ้มลอง ทุก ๆคน ต้องเคยแพ้ไม่ใช่หรือ ไม่จำเป็นเลย....ที่เราต้องร้องให้ ไม่จำเป็นเลย....ที่เราต้องอับอาย ที่เราพ่ายแพ้....
เราแพ้.....ที่ทำคะแนนได้น้อยกว่าเขา เราแพ้.....ที่เขาได้ควงคนที่เราแอบชอบ หรือแพ้สิ่งใด ๆ ก็ตาม หากถ้าเทียบกับการที่เรามานั่งเศร้า.....ฟูมฟาย จนเราไม่รู้จะทำอะไร มันไม่น่าอายมากกว่าหรือ.....?
เมื่อเราล้ม....เราก็ลุกขึ้นได้ เมื่อเราร้องให้....เราก็ต้องมีหัวเราะ เราต้องสู้...สู้เพื่อชนะความพ่ายแพ้..... วันนี้แม้เราแพ้....เราก็ต้องชนะเป็นเหมือนกัน^_^
เพราะโลก .... .สร้างสรรค์รสชาติแห่งชีวิตให้กับคนทุกคนบนโลกกลม ๆ ใบนี้ให้ได้ลิ้มลองอยู่เสมอ....... อย่าคิดว่าโลก....รังแกเรา ไม่ว่าจะเรื่องร้ายหรือดี
โลก....ก็ให้ของขวัญแก่เราอยู่เสมอ นั่นคือประสบการณ์........
4 มีนาคม 2548 15:21 น.
นาย G
เราเกิดมาบนโลกเพื่ออะไร.......? เกิดมาเพื่อรู้จักรัก เกิดมาเพื่อรู้จักเกลียด รู้จักเศร้า เสียใจ ....หรือเปล่า ?... ใช่ !! เราเกิดมาเพื่อให้เราได้รู้จัก รสชาดของชีวิต......
เพราะทางเดินชีวิตเรา ไม่ได้เรียบเหมือนกับทางลาดยางที่ ทอดยาวกว้างไกลจนสุดสายตา หรืออยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ ที่สวยงามและ หอมหวล
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ช่วงเวลาอันน้อยนิดของชีวิตเรา ก็คงขาดซึ่งรสชาดที่เราควรได้รับ และอาจจะทำให้ชีวิตของคนเราขาดความ เอร็ดอร่อยไปได้เหมือนกัน
ความพ่ายแพ้......หนึ่งในรสชาดชีวิต ที่โลกสร้างขึ้นเพื่อให้เราได้สัมผัส ได้ลิ้มลอง ทุก ๆคน ต้องเคยแพ้ ไม่จำเป็นเลย....ที่เราต้องมาร้องให้ ไม่จำเป็นเลย....ที่เราต้องอับอาย ที่เราพ่ายแพ้....
เราแพ้.....ที่ทำคะแนนได้น้อยกว่าเขา เราแพ้.....ที่เขาได้ควงคนที่เราแอบชอบ หรือแพ้สิ่งใด ๆ ก็ตาม หากถ้าเทียบกับการที่เรามานั่งเศร้า.....ฟูมฟาย จนเราไม่รู้จะทำอะไร มันไม่น่าอายมากกว่าหรือ.....?
เมื่อเราล้ม....เราก็ลุกขึ้นได้ เมื่อเราร้องให้....เราก็ต้องมีหัวเราะ เราต้องสู้...เพื่อชนะความพ่ายแพ้..... วันนี้แม้เราแพ้....เราก็ต้องชนะได้ซักวัน........ ^_^
เพราะโลก .... .สร้างสรรค์รสชาติแห่งชีวิตให้กับคนทุกคนบนโลกกลม ๆ ใบนี้ให้ได้ลิ้มลองอยู่เสมอ....... อย่าคิดว่าโลก....รังแกเรา ไม่ว่าจะเรื่องร้ายหรือดี
โลก....ก็ให้ของขวัญแก่เราอยู่เสมอ นั่นคือประสบการณ์........
นาย G
30 สิงหาคม 2547 18:48 น.
นาย G
คุณไม่ผ่านโปร !!!!! .. เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน. จากปากของฝ่ายสรรค์หาบุคลากร ที่ผมได้ร่วมเข้าไปทำงาน กว่า 3 เดือน
คำธรรมดา เพียง 4 คำที่แหลมคมดั่งใบมีด เชือดเฉือน ความมุ่งมั่นที่เคยมี. ความพยายามอย่างเต็มใจ ความตั้งใจ. และ เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจของผมแทบหมดสิ้น. ผมเฝ้าถามตัวอยู่หลายวัน .. ผิดหรือ ที่ผมตั้งใจทำงาน ? .. แต่เสียงในใจผม ก็ได้แต่เพียงกระซิบบอกผมอยู่หลายวันเช่นกัน
.. นายไม่ผิดหรอก. นายทำดีที่สุดแล้ว ผมพยายามลบลืมความทุกข์ ที่ฝังตรึงอยู่ภายในใจ แต่ทำเท่าไหร่ทำไม่ได้ซักที.. ผมค่อย ๆ นอนลงอยู่ในความมืดมนของห้อง และหลับไป
จนวันหนึ่ง ผมได้ไปพบเจอกับคนตาบอดคนหนึ่งเดินอยู่ริมถนนที่มีรถสัญจรผ่านไปมามากมาย ผมตรงเขาไปช่วยเขาด้วยกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย และพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง
ผมถามเขาว่า คุณไม่กลัวหรอที่เดินอยู่ในที่ ๆ อันตรายแบบนี้ เขาตอบผมว่า
เขาก็กลัวเหมือนกันแต่มันก็ต้องเดินไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย แต่ด้วยความบังเอิญอะไรไม่ทราบ คนตาบอดคนนี้ได้มอบข้อคิดดี ๆ ให้กับผมโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาพูดกับผมว่า
คุณก็โชคดีนะที่สามารถมองเห็นอะไรต่ออะไรได้มากมาย ต่างจากผมที่ต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมนมาตลอด แต่ไม่เป็นไร. .เพราะว่าผมยังมองเห็นแสงสว่างสุกใสอยู่ภายในใจของผมอยู่ตลอดเวลา ผมถึงไม่คิดเสียใจอะไร ที่มองไม่เห็น ต่างจากคนอีกตั้งมากมาย ทั้ง ๆ ที่ตาของเขามองเห็นแท้ ๆ แต่ดันยังเดินจมอยู่กับความมืดมนมาตลอด ไม่ยอมรับแสงใหม่ของตะวันเสียที
เขาพูดไปพลางก็ขอบคุณผมไป ผมมาส่งเขาถึงที่ป้ายรถเมล์ ส่วนผมก็เดินแยกไป
หลังจากวันนั้น ผมยิ้มได้ ลืมเรื่องร้าย ๆ จนหมดสิ้น ผมยังอดขอบคุณคนตาบอดคนนั้นไม่ได้ ที่ให้กำลังใจดี ๆ กับผม ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองไม่รู้ตัว
ถ้าผมเจอเขาอีกครั้ง ผมจะกล่าวสั้น ๆ กับเขาว่า ขอบคุณมากครับ
นาย G