ว อ น ส า ย ล ม พ ลิ้ ว ไ ห ว ใ น ค่ำ นี้ ห อ บ ว จี จ า ก หั ว ใ จ ไ ป เ ส น อ แ ม้ รั ก ร้ า ง ห่ า ง ไ กล ไ ม่ พ บ เ จ อ ยั ง รั ก มั่ น เ พี ย ง เ ธ อ เ ส ม อ ม า ล ม เ อ ย . . ช่ ว ย ขั บ ก ล่ อ ม เ จ้ า จ อ ม ข วั ญ ก ร ะ ซิ บ บ อ ก ค น ไ ก ล นั้ น ยั ง ฝั น ห า แ ม้ ล า ลั บ น า น แ ล้ ว ห น อ แ ก้ ว ต า ยั ง ร อ วั น พ บ ห น้ า . . เ จ้ า ย า ใ จ แ ม้ บ ท เ พ ล ง . . ไ ม่ ซ า บ ซึ้ ง ต ร า ต รึ ง จิ ต ห วั ง เ พี ย ง นิ ด เ ถิ ด เ ม ต ต า อ ย่ า ผ ลั ก ไ ส แ ต่ ห า ก เ พ ล ง ป ร ะ ทั บ จั บ ด ว ง ใ จ ข อ ไ ด้ ไ ห ม ต อ บ สั ญ ญ า ม า กั บ ล ม ว่ า . . เ ธ อ นั้ น ยั ง ค ง มั่ น เ ช่ น ฉั น นี้ แ ม้ ผ่ า น วั น เ ดื อ น ปี ที่ ขื่ น ข ม ว า น เ จ้ า บ อ ก ฝ า ก ไ ว้ กั บ ส า ย ล ม ล อ ย คื น ม า ใ ห้ ชื่ น ช ม ส ม ดั ง ใ จ
จะมีใครกี่คนที่เดินไปถึงดินแดนแห่งนั้น สักกี่คนพร้อมกุมมือกันก้าวไปบนเส้นทางการค้นหา กี่คนแล้ว..กี่คนเล่าที่เคยก้าวผ่านเข้ามา และสักกี่ครั้งกี่ครา..ที่ความหวังต้องพังทลาย อาจจะไกลแสนไกลจนสุดขอบฟ้า อาจสักกี่ขุนเขาบังตา...ขวางกั้นกว่าจะถึงจุดหมาย อาจต้องข้ามแผ่นน้ำ..ต้องก้าวผ่านทะเลทราย ใครจะเป็นคนสุดท้าย..ที่ยืนรออยู่ปลายทาง คงจะมีรักจริง..ในดินแดนแห่งนั้น เพียงสักคนเพื่อผูกพัน...เคียงใกล้ไม่เหินห่าง จะไม่ใช่เพียงเงาของความฝันอันเลือนลาง จะมีใครเคียงข้าง...ทดแทนความอ้างว้างเดียวดาย คนที่เป็นคำตอบของทุกทุกคำถาม คนที่เป็นนิยามของทุกทุกความหมาย คนที่มอบความอบอุ่นละมุนละไมทั้งใจกาย คนที่จุดความสว่างไสวให้ดอกไม้..ทั้งโลกได้เบ่งบาน ....โบยบินสู่ดินแดนแห่งความรัก.. ก้าวสู่อาณาจักรอันงดงามและอ่อนหวาน ที่แห่งนั้นจะมีเพียงเธอฉันตราบนานแสนนาน บทเพลงรักจะก้องกังวาน...ณ ปลายทางที่ใจคอยเฝ้ารอ
เถิด...ยิ้มรับโชคชะตาหนาเจ้า หนักฤาเบา..ขอเจ้าอย่าหวั่นไหว นิรันดร...ยาวนานสักเพียงใด อาจพรหมลิขิตให้...ไว้ร้าวราน ระหว่างเรา..เหงาเงียบเย็นเยียบนัก สายลมรัก..หวีดหวิวแผ่วพลิ้วผ่าน ค่อยซึมซาบซ่านซึ้งถึงวิญญาณ ยิ่งเนิ่นนาน...ยิ่งย้ำยิ่งช้ำใจ ระหว่างทาง..ยาวไกลต่อไปนี้ อีกสักกี่นาที...กี่กาลสมัย ระหว่างเรา..จะพ้อร้องขอใคร จงน้อมรับความเป็นไป..ในมายา อาจชะตาวาดวางระหว่างฝัน สองเรานั้น..จึงห่างไกลเกินใฝ่หา เมื่อรักคือ..นาฏกรรมการอำลา กลืนน้ำตา..เถิด..ยอมรับกับความจริง
บทเพลงรักจากพระจันทร์...จืดจาง ซึมซับความอ้างว้าง..จนหวั่นไหว ท่วงทำนอง..เห่กล่อมยามห่างไกล มารานใจ...จนปวดปร่าน้ำตานอง ทอดถอนใจอยู่ในความว่างเปล่า... เพลงคิดถึงเปลี่ยวเหงาจนเราหมอง จันทร์กระจ่างเคยสวยใสสมใจปอง กลับเมฆครองจนหม่นมัวทั่วนภา ระหว่างทางยาวไกล...ใครแปรฝัน แล้วใครกันร่ำไห้อาลัยหา หนึ่งคำซึ้งก่อนนั้นมั่นวาจา แท้มารยาว่าคิดถึง..เพิ่งซึ้งใจ บทเพลงรักจากพระจันทร์..จึงจืดจาง ในความห่างจึงอ้างว้างจนหวั่นไหว จบเพลงรักด้วยคำลาแม้อาลัย ก่อนจากกันแสนไกล..ไม่กลับคืน
ท้องฟ้ากว้างยังดูห่าง....ไกลแสนไกล ผืนน้ำสีฟ้ายังกว้างใหญ่เหมือนเดิมอยู่อย่างนั้น พระอาทิตย์ดวงโตยังเล่าขานนิทานของคืนวัน ค่ำแล้วเพลงพระจันทร์ยังหม่นเศร้าเหมือนอย่างเคย ทุกอย่างยังคงเดิมเช่นวันแรกที่เธอเดินเข้ามา ต่างกันเพียงแต่ว่า..ความจริงในใจที่เราต่างเฉลย ในความเปล่าร้างจึงไม่อ้างว้างเหมือนอย่างที่เคย สัมผัสบางเบาเพียงสายลมรำเพยก็อุ่นทั่วทั้งหัวใจ ฉันดีใจ...ที่หนึ่งชีวิตนี้ได้มีโอกาสรู้จักเธอ ทุกคราที่หลับตา..เราจะพบกันเสมออย่างนั้นใช่ไหม กระแสลมที่เดินทางยังซ่านกรุ่นด้วยอุ่นไอ อาจกายห่างไกล..แต่หัวใจเราผูกไว้คู่กัน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับวันที่ยังเหลือ มากพอจะโอบเอื้อดวงใจทั้งดวงของฉัน อาจเป็นบทเพลงเดิมเดิม..แต่ฉันก็ยินดีฟังทุกวัน แม้เป็นตลกเรื่องเดียวให้หัวเราะได้ซ้ำซ้ำ...เท่านั้นก็เพียงพอ ...เช้าวันพรุ่งท้องฟ้าอาจไม่ใสเท่าวันนี้ อาจจะร้ายหรือดี..แต่ฉันก็มั่นใจที่จะก้าวเดินต่อ แค่มีเธอ...เพียงเธอเท่านั้น...สำหรับฉัน..ขอเท่านี้ก็พอ เมื่อความหมายของสิ่งที่คอยรอ....สิ้นสุดลงที่เราต่างมีกันและกัน