3 กันยายน 2551 13:25 น.
นาคะพรรณ
อย่าร้องไห้ได้ไหมในวันนั้น
วันที่ฉันหลับใหลในเวหา
วันที่ฉันไร้สิ้นจินตนา
วันที่ฟ้าบอกฉันว่าอย่าหายใจ
จงอย่าโกรธโทษใครในวันนั้น
โปรดอย่าฝันถึงฉันให้หวั่นไหว
เก็บน้ำตาพาเธอเดินก้าวข้ามไป
ทิ้งฉันไว้ในเวหาอย่าอาวรณ์
แต่อย่าเลยให้เป็นเช่นวันนั้น
อย่าพรากฉันสิงสู่อนุสรณ์
ขอเถิดฟ้าให้ฉันอยู่คู่หลับนอน
กล่อมบังอรให้หลับไหลไปชั่วกาล
เพราะวันนี้ฉันยังมีชีวิตอยู่
ยังรับรู้สุขทุกข์สนุกสนาน
จะขอรักเพียงแต่เจ้าตลอดกาล
จนเนิ่นนานตราบโลกา...อวสาน
นาคะพรรณ ๓ กันยายน ๒๕๕๑
1 กันยายน 2551 18:05 น.
นาคะพรรณ
หนังเรื่องนั้นเขาเล่นเป็นพระเอก
หยิบจับเสกเพลงรักเป็นอักษร
มีวาจาอันสวยสดเป็นบทกลอน
เที่ยวสัญจรหลับฝันใต้จันทรา
มีปากกาอาบวิชาเป็นอาวุธ
พกสมุดหยุดมารผ่านภาษา
ฝึกคารมคมคายคล้ายศาสตรา
เป็นนักฆ่าหน้ากวีที่เกรียงไกร
เมื่อมีภัยใช้ภาษาวาทะศิลป์
ปราบจนสิ้นมารผจญยากทนไหว
ร่ายศาสตราฆ่าฟันพวกจัญไร
ให้สิ้นไปแผ่นดินไทยได้เจริญ
ยามมีรักถักทอก่อวจี
ร้อยวลียียวนชวนขัดเขิน
สดับฟังหวานหูดูเพลิดเพลิน
ทุกก้าวเดินคือรอยรักนักกวี
ครั้นอ่อนแอท้อแท้แลสิ้นหวัง
ร่วมยับยั้งความทุกข์จนสุขี
คำอวยพรกลอนกานต์หวานฤดี
คือวิถีแห่งกวีที่นำพา
จนชีวิตงดงามตามความฝัน
บทประพันธ์บันเทิงเริงภาษา
เรียงร้อยคำสร้างสรรค์พรรณนา
ล้ำคุณค่าเลิศวิไลในสากล
เป็นพระเอกนักฆ่าหน้ากวี
กล่อมนทีจันทราเรียกฟ้าฝน
ตระการตาดั่งว่ามายากล
ภาพยนตร์ทรงคุณค่าน่าอัศจรรย์
หนังจบลงความทรงจำยังย้ำอยู่
ให้รับรู้ถูกผิดคิดสร้างสรรค์
อรรถรสวรรณกรรมนับร้อยพัน
เติมแต่งฝันสู่จุดหมายปลายปากกา
ให้เสียงภาษาไทยโดย นาคะพรรณ
๑ กันยายน ๒๕๕๑