29 กันยายน 2551 15:25 น.
นาคะพรรณ
ช่างงดงามเป็นลำดับดุจอัปสร
แม้แง่งอนอรชรยังอ่อนหวาน
นัยน์ตาคมสมคำล้ำตระการ
เป็นตำนานนารีแม่ศรีเรือน
ประพฤติตนทรงคุณค่าตามจารีต
ร้อยประณีตบุษบาหาใครเหมือน
ส่งกลิ่นหอมสุกสกาวทั่วดาวเดือน
เปรียบเสมือนเทพธิดาร้อยมาลัย
ริมฝีปากอวบอิ่มแม่ยิ้มแย้ม
บนเรือนแก้มนิ่มน้องดูผ่องใส
สำเนียงเสียงฟังสดับหวานจับใจ
ดุจนางในความฝันวรรณคดี
สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ครั้งก่อนเก่า
เนื้อนงเยาว์ผ่องพรรณวรรณะศรี
เส้นเกศาพริ้วไหวดั่งสายนที
ดกดำดีดุจสีีมณีนิล
ตื่นก่อนฟ้ารุ่งรางสว่างแสง
ประจักษ์แจ้งความสามารถเป็นศาสตร์ศิลป์
ต้มผัดแกงหลากตาดูน่ากิน
เป็นอาจิณนงคราญแห่งบ้านนา
ทุกราตรีอยู่เหย้าเฝ้าเรือนชาน
ยามวิกาลอ่านเขียนเรียนภาษา
แม่เพียบพร้อมคุณธรรมจริยา
คือนางฟ้านางสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ที่สุดแล้วดวงกานดาที่ข้าเอ่ย
ไฉนเลยจะปีนป่ายขึ้นไปถึง
แค่ความคิดจินตนาที่ตราตรึง
เป็นช่วงหนึ่งแห่งฝันวรรณคดี
เพราะแม่หญิงจริงแท้เกิดแก่ข้า
ใช่นางฟ้าเทพธิดามาลาศรี
เป็นเพียงคนธรรมดาที่ข้ามี
แต่ใจนี้เรารักมั่น...นิรันดร
นาคะพรรณ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๑
26 กันยายน 2551 12:55 น.
นาคะพรรณ
สวัสดีครับยาย...เป็นไงบ้าง
เฮ้อ...ยังอ้างว้างเดียวดายไอ้หลานเอ๋ย
อ๋อ...มิน่าล่ะผมเห็นยายนั่งเฉยเมย
เฮ้อ...ก็ไม่เคยมีใครเลยมาสนใจ
เป็นยังไงบ้างล่ะที่บางกอก
ยังช้ำชอกรันทดไม่สดใส
ข้าบอกแล้วก็ไม่เชื่อว่าอย่าไป
ทำไงได้ก็ที่บ้านงานไม่มี
นี่ขนมผมซื้อมาจากบางกอก
ไม่เอาดอกคงกินยากมันหลากสี
ซื้อมาแพงผมรับรองของผู้ดี
ดูท่าทีคงเหนียวหนืดข้าฝืดคอ
เอ็งไปหยิบย่ามมาให้ข้าหน่อย
ของอร่อยอยู่ข้างในใช่ไหมหนอ
เอ็งอย่ามัวเล่นท่าให้ข้ารอ
น้ำลายสอรอไม่ไหวหรือไงยาย
คุยอยู่นานขอคำเดียวข้าเปรี้ยวปาก
มันอยากหมากตามคนแก่แก้ไม่หาย
งั้นผมขอครกสากด้วยอยากช่วยยาย
จะตำให้ไปพลางจัดหมากพลู
ผมเห็นยายกินมาเมื่อคราเด็ก
เอ็งยังเล็กนักหนาที่ข้ารู้
ถึงตอนนี้ยายยังแกร่งแข็งแรงอยู่
ก็หมากพลูที่เอ็งดูอยู่นี้ไง
ผมขอตัวชั่วประเดี๋ยวยายเคี้ยวหมาก
เห็นแล้วอยากเปรี้ยวปากยากทนไหว
เอ็งจะลองหมากบ้างหรืออย่างไร
คงไม่ไหวไม่หรอกครับเดี๋ยวกลับมา
ดูหลังบ้านชานเรือนไม่เหมือนก่อน
ผมเคยนอนร้องร่ำไห้ไร้เดียงสา
ใต้เงาไผ่กอใหญ่ติดชายคา
บัดนี้มาดูเวิ้งว้างร้างกิ่งใบ
ผมขอนั่งสูบบุหรี่ตรงที่เก่า
ตอนยังเยาว์เฝ้ายายเลือกตากเปลือกไม้
ดูใบพลูเขียวขจีดีนะยาย
เออ...ข้าปลูกไว้พอได้กินไม่สิ้นเปลือง
ที่บ้านเราผมว่าอากาศดี
ไม่เห็นมีฝุ่นละอองดั่งปล่องเหมือง
ไหนเอ็งบอกว่าเมืองกรุงเขารุ่งเรือง
ไยขุ่นเคืองเรื่องร่างกายการหายใจ
สงสัยเอ็งต้องเลิกยามาเคี้ยวหมาก
แม้กินยากไม่งดงามตามสมัย
แต่ไม่ขัดขุ่นเคืองเรื่องหายใจ
ไร้โรคภัยยายรับรองว่าของดี
เออ...เอ็งจะพักอยู่ที่บ้านนานแค่ไหน
จะกลับไปวันใดให้สุขี
ให้เดินทางโดยปลอดภัยสวัสดี
ขอเอ็งมีความสุขกาย...สบายใจ
ขอบคุณครับ.....ยาย
บุหรี่เป็นสารเสพติดไม่ดีต่อสุขภาพ
เยาวชนไม่ควรลอกเลียนแบบ
นาคะพรรณ 26 กันยายน ๒๕๕๑
Photo by: อาคม นาคะ
19 กันยายน 2551 18:59 น.
นาคะพรรณ
เก็บสายฝนวันเก่ามาเล่าใหม่
ยังจำได้วิ่งร่าเล่นฟ้าฝน
ตัวเปียกปอนหนาวเย็นเพราะเล่นซน
ช่างสุขล้นฝนพรำฉันย่ำไป
พอเม็ดฝนขาดสายจากปลายฟ้า
หมู่นกการ้องร่าเห็นฟ้าใส
เสียงเจื้อยแจ้วแว่วดังไม่ฟังใคร
บนยอดไม้ใบบังทำรังนอน
กบเขียดปาดดาษดื่นตื่นลงน้ำ
เมื่อฉันย่ำเหยียบไปบนไม้ขอน
ปลาตกใจแหวกว่ายซุกใบบอน
ผักบุ้งซ้อนทอดยอดใบไต่คันนา
ฉันกับเพื่อนพวกผองและน้องพี่
เร่งเร็วรี่จับจ้องเมียงมองหา
กบเขียดปาดหลีกเร้นหลืบคันนา
เราจับมาทำเหยื่อเบ็ดเป็นเสร็จงาน
ลมระเรื่อเจือดินเคล้ากลิ่นฝน
เราทุกคนล้มลุกสนุกสนาน
กลิ้งเกลือกโคลนห้อยโหนโจนทะยาน
ฤดูกาลฝนพรำชื่นฉ่ำใจ
มองตะวันโรยราใกล้ลาลับ
แสงทองจับสะท้อนน้ำงามไสว
ฉันกับเพื่อนกระโดดน้ำชำระกาย
น้ำกระจายซ่านกระเซ็นเป็นสีทอง
ไม่รู้วันเวลากี่นาที
แต่ทุกปีน้ำท่าเต็มนาหนอง
ให้ผักหญ้าเขียวสะพรั่งสองฝั่งคลอง
เพื่อพี่น้องชาวนาได้หากิน
เห็นสายฝนห่าใหญ่ในวันนี้
โอ้คนดีใจฉันหวั่นถวิล
น้ำตาฟ้าหลั่งไหลที่ได้ยิน
คล้ายสูญสิ้นฤดูกาล...ที่บ้านเรา
นาคะพรรณ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๑
16 กันยายน 2551 19:07 น.
นาคะพรรณ
ฉันเสพสุขดื่มกินศิลป์ภาษา
เลี้ยงชีวารจนาพาสุขสันต์
ฉันซึ้งแล้วเพ่งพิศวิจิตรอนันต์
เห็นสวรรค์วรรณกรรมอยู่รำไร
ฉันจึงเก็บรสคำที่พร่ำสอน
มาหนุนนอนก่อนนิทราพาหลับใหล
จนเคลิบเคลิ้มละเมอเพ้อฝันไป
แต่ไฉนฝันร้ายกลับกลายมา
ภาพนิมิตรวิปริตคิดประหลาด
เห็นกระดาษขาดวิ่นสิ้นภาษา
วิหคตกรังร้างห่างนภา
หมู่ดาราหลบหน้าคืนราตรี
บทประพันธ์วรรณกรรมดูดำหมอง
คีตร้องร่ำไห้ถูกป้ายสี
สังคมทรามด่างพร้อยรอยวลี
บทกวีซึมเศร้าเหงาอุรา
สะดุ้งตื่นสุดตัวด้วยกลัวฝัน
ร้องเสียงลั่นตัวสั่นขวัญผวา
หยิบสมุดขึ้นพลางจรดปากกา
เขียนภาษาเรียงอักษรเป็นกลอนกานต์
ขอดวงดาวพราวพรายประกายฟ้า
หมู่นกการ้องรับสดับขาน
กวีศิลป์บันเทิงเริงสราญ
คีตกานต์บรรเลงเพลงชาติไทย
บทบันทึกงดงามในยามนั้น
เปรียบสวรรค์เส้นทางสว่างไสว
สู่สังคมอบอุ่นละมุนละไม
สะกดไว้ในกระดาษสะอาดตา
จนกระทั่งแสงทองส่องสว่าง
สู่เส้นทางแห่งกาลปรารถนา
บทชีวิตประจักษ์ชัดจรัสตา
เผชิญหน้ากับโลกา....อันท้าทาย
นาคะพรรณ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๑
11 กันยายน 2551 17:17 น.
นาคะพรรณ
ยิ้มสยามเรืองนามข้ามเขตแดน
ทุกแว่นแคว้นทศทิศพิสมัย
แดนสวรรค์บนดินอันถิ่นไทย
งามน้ำใจไมตรีกิริยา
ประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์บรรพกาล
สร้างสืบสานรวมชาติศาสนา
องค์กษัตริย์สมมติเทพเทวา
ปกไพร่ฟ้าทหารกล้าข้าแผ่นดิน
เจ็ดร้อยปีสุโขทัยสมัยทอง
พ่อปกครองเรืองรองกองทรัพย์สิน
ดินน้ำชุ่มข้าวปลาได้หากิน
เป็นอาจิณแหลมทองของผองไทย
ผลัดแผ่นดินพ่อขุนรามงามอักษร
จำจากจรมาบรรจบภพสมัย
อวสานสุวรรณภูมิสุโขทัย
จึงแล้วไซร้อโยธยาราชธานี
สถาปนาเจ้าอู่ทองขึ้นครองราช
ก่อปราสาทราชวังตั้งกรุงศรี
ขุดคูคลองล้อมรัดด้วยนที
งามบุรีแซ่ซ้องทองธารา
มัจจุราชชาติพม่ากรีธาทัพ
ริดรอนจับพังพินาศศาสนา
เดือดร้อนองค์สงฆ์เจ้าพระปฏิมา
ท้องนภาแดงฉานเลือดหยาดริน
ศึกภายนอกนับพันหาหวั่นไม่
เท่าศึกในคนมักใหญ่ใฝ่ทรัพย์สิน
มันขายชาติทรยศกบฏแผ่นดิน
จึงสูญสิ้นแผ่นดินทองถึงสองครา
แผ่นดินร้อนราชวงศ์องค์เหนือหัว
ทุกข์ถ้วนทั่วตัวคนจนหนักหนา
รวมไพร่พลซ่องสุมซุ่มศาสตรา
กู้กรุงมาทั้งสองคราคืนธานี
คราแรกพระนเรศวรมหาราช
ทรงประกาศเอกราชชาติกรุงศรี
หลั่งน้ำสัตย์ปฏิญาณปฐพี
ต่อแต่นี้ไม่เป็นทาสของชาติใด
พระมหาอุปราชชาติพม่า
สุดโกรธารู้แจ้งแถลงไข
กรีธาทัพนับแสนสู่แดนไทย
หวังชิงชัยไล่ฆ่าไม่ปรานี
เมื่อนั้นพระนเรศวรมหาราช
พระแสงฆาตเร่งรุดยุทธหัตถี
พระมหาอุปราชพลาดเสียที
สิ้นชีวีขาดคอช้างกลางไพร่พล
ศึกคราสองพระเจ้าตากฝากเมืองไว้
กูไม่ตายจักกลับมาฆ่าอีกหน
ด้วยเวียงวังอัปยศทุรชน
ลี้ไพร่พลอยู่ป่าเขาลำเนาไพร
ยึดเมืองจันทบุรีเป็นที่มั่น
กูจักบั่นคอพม่าที่อาศัย
รวมชุมนุมไพร่พลขนปืนไฟ
รบขับไล่พวกพม่าพ้นธานี
กว่าสี่ร้อยสิบเจ็ดปีกรุงศรีภพ
เกิดนักรบเรืองอำนาจเป็นศาสตร์ศรี
งามวิจิตรวังวิหารปราชญ์กวี
ถึงวันที่ก่ออุบัติผลัดแผ่นดิน
เข้าสู่กรุงธนบุรีศรีสยาม
เลื่องลือนามเหนือเกล้าเจ้าตากสิน
มหาราชชาตินักรบกู้แผ่นดิน
ดั่งไม่สิ้นคนดีศรีนคร
แล้วปราบดาขึ้นเป็นองค์กษัตริย์
สองพระหัตถ์ตรากตรำทำสมร
ทั้งชีวิตฆ่าฟันดัสกร
ราษฎรมีชาติเอกราชไทย
สิบห้าปีกรุงธนบุรีศรีสมุทร
ถึงการหยุดอวสานพาลสลาย
เจ้าตากสินอำลาสวรรคาลัย
สืบชาติไทยในกาลปัจจุบัน
พ.ศ.สองพันสามร้อยยี่สิบห้า
เทพเบิกฟ้าเทวดาบนสวรรค์
องค์กษัตริย์สมมติเทวัญ
เอกอนันต์อุบัติลงวงศ์จักรี
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ดับทุกข์โศกกล่อมขวัญพลันสุขี
สร้างเมืองหลวงอีกฝั่งกรุงธนบุรี
ด้วยนทีเจ้าพระยาเป็นปราการ
สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
นามแผ่นดินไร้สิ้นกาลอวสาน
วิมานเทพกษัตราอวตาร
ประดิษฐานพระแก้วคลาดแคล้วภัย
บริบูรณ์น้ำท่าธัญญาหาร
บริบาลไพร่ฟ้าจนหน้าใส
ศาสนสถานงามอร่ามไกล
เลิศวิไลสมฤดีสุดปรีดา
ประเพณีสงกรานต์วันสารทโกน
ยี่เกโขนโจนทะยานสุดหรรษา
เพลงเห่กล่อมร่ายรำดูงามตา
สื่อภาษางานอักษรเป็นกลอนกานต์
สองร้อยปีกรุงรัตนโกสินทร์
คุณแผ่นดินล้นฟ้ามหาศาล
ผ่านความสุขทุกข์เศร้ามายาวนาน
ดลบันดาลยืนยงธงชาติไทย
กราบพระสยามเทวาธิราชเจ้า
ผู้ปกเกล้าฯแดนดินถิ่นอาศัย
ด้วยคุณพระศรีรัตนตรัย
ขอชาติไทยสงบสุขสวัสดี
.........................................
ข้าพระพุทธเจ้าระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ อีกทั้งวีรชนทหารกล้าข้าแผ่นดิน ผู้ที่ยอมเสียสละเลือดเนื้อแลกมาซึ่งแผ่นดินไทย ให้ลูกหลานได้อยู่ได้อาศัยอย่างมีความสุขสวัสดีจนถึงทุกวันนี้
มันผู้ใดที่คิดทำอันตรายต่อแผ่นดินไทย
ขอให้มันผู้นั้นมีอันเป็นไป....สาธุ
นาคะพรรณ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๑