29 เมษายน 2550 10:03 น.
นับเดือน
หนึ่งปีที่หายไปจากโลกออนไลน์ พ.ย.2548-ธค.2549
ตั้งแต่เกิดมาฉันก็เป็นคนตัวผอมๆ ซุกซน แต่ก็ไม่สบายเล็กๆน้อยๆมาตลอด เรียนหนังสือระดับชั้นประถมถึงมัธยมแบบถูถูไถไถ ระดับปริญญาตรีแบบใช้ไปวัดได้ ระดับปริญญาโทแบบตั้งใจหน่อยเลยอยู่ในเกณฑ์ดี เรียนจบปริญญาโทเมื่อพ.ศ.2545 ก็เลยได้เปลี่ยนงานใหม่มาเป็นผู้บริหารขององค์กรเอกชนองค์กรหนึ่ง
ฉันเคยได้รับความทุกข์(สะเทือนใจอย่างสาหัส ฉันก็เลยทุ่มเทให้กับงานฉันสนุกกับการทำงานมาก ถึงจะเหนื่อยแต่เมื่องานออกมาสำเร็จก็จะเป็นความภาคภูมิใจเริ่มทำงานใหม่ตั้งแต่ปี 2546 สุขภาพก็ยังปกติแต่จะมีอาการปวดศรีษะปวดท้องบางทีก็เดือนละครั้งบางทีก็สัปดาห์ละครั้ง ฉันก็คิดว่าคงเป็นเพราะเครียดไม่ได้พักผ่อน บางครั้งเดินออยู่เฉยๆก็ล้มลงไปเลย แบบไม่ทราบสาเหตุ
ปี 2547 ไปหาหมอพบว่าเป็นโรคหัวใจ ซึ่งก็ไม่ตกใจนักเพราะทานยารักษาและดูแลตัวเองให้ดีก็หายและปกติเป็นคนที่จะไม่เก็บอะไรไว้ในใจนานๆจะระบายออกทางตัวหนังสือ หรือการทำงานจนกระทั่งเข้ามาเล่นเนตครั้งแรกที่สนุก.คอม ได้คนคนนึงสอนให้รู้จักตั้งแต่ url เล่น msn และทุกอย่างก็เพลินดี
จนกระทั่งเดือน พ.ย.ปี2548 เริ่มมีอาการปวดศรีษะตลอด 24 ชั่วโมง ทานข้าวไม่ได้ยืนยันว่าไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว พยายามทานก็จะอาเจียนออกมาหมด เดินไปไหนบางทีก็ล้มไปเฉยๆแบบไม่รู้ตัว พ่อเลยพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเซนทรัลเยนเนอรัล แพงหน่อยแต่ก็คิดว่าสะดวกดีและคงจะหาย ที่นั่นไปนอนอยู่ประมาณ 7 วันหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรเครียดให้น้ำเกลือ แต่อาการปวดศรีษะทานข้าวไม่ได้ก็ยังอยู่มันทรมานมาก หมดเงินไปเยอะเหมือนกันไม่หาย น้ำหนักตัวก็ลดลงเรื่อยๆ จากปกติ 55 เหลือ 34 ในเวลา 1 เดือน
พ่อจึงพาไปหาหมอที่ภูมิพลไปแบบเข้าห้อง ฉุกเฉินเพราะความดันต่ำและอาเจียนต้องเอ่ยชื่อเพื่อให้คนที่อ่านจะได้พิจารณาว่าควรไปรักษามั๊ย หมอพาไปตรวจโรคหัวใจฉีดสี ทั้งหัวใจทั้งปอดนอนโรงพยาบาลครึ่งเดือน สรุปว่าอาการทุกอย่างเหมือนเดิมพอออกจากโรงพยาบาลมาฉันก็ยังทนทุกข์ทรมาน กับอาการปวดศรีษะทานข้าวไม่ได้ทานแต่น้ำและอาเจียนทุกวัน
สงสารก็แต่ญาตพี่น้องไม่รู้จะทำยังไงตอนนั้นตาก็มองไม่เห็น ต้องพาส่งโรงพยาบาลตลอด สุดท้ายที่ภูมิพลบอกว่าตรวจพบเลือดเป็นกรดก็ให้ยาทางเส้นเลือดแต่พอกลับบ้านอาการก็เหมือนเดิมและหนักขึ้นเรื่อยๆตอนนั้นเดือนมิถุนายน ฉันเคยคิดจะผูกคอตายด้วยซ้ำ เพราะถอดใจแล้วกี่หมอก็รักษาไม่หายพยายามนึกว่าไปทำอะไรใครไว้ก็นึกไม่ออก คิดว่าเป็นกรรมเก่าตามมาทัน
เดือนกรกฎาประมาณกลางเดือนอาการกำเริบอีกพ่อพาส่งโรงพยาบาลเดินไม่ได้แล้วเพราะไม่มีแรง ความดันต่ำจนวัดไม่ได้แต่หมอที่ดรงพยาบาลภูมิพลกลับบอกว่านัดมาส่องกล้องเดือนตุลาวันที่ 2 ซึ่งในวันนั้นฉันก็จะตายอยู่แล้ว ขณะที่นอนอยู่บนรถเข็นของโรงพยาบาล มีนางพยาบาลคนนึงเดินมาบอกพ่อว่าอย่าให้รออีก 2 เดือนเลยพาไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาเถอะ แล้วคืนนั้นฉันกลับบ้านเกิดอาการช๊อกก็น้ำหนักตัวจาก55 เหลือ 34 ในเวลา 1เดือนจะไม่ช๊อกได้ไงพ่อกับแม่เลยพาส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลรามาซึ่งทางโรงพยาบาลก็หาสาเหตุไม่ได้เพราะอ่านจากประวัติที่ได้จากภูมิพลเค้าคงต่อไม่ถูก
กรกฎา สิงหา กันยา ถึงกลางเดือนตุลา ฉันก็ยังคงเข้าออกโรงพยาบาลรามาเหมือนเดิมประมาณ 3 ครั้งและต้องนอนห้องฉุกเฉินทุกครั้งประมาณเดือนกันยายนหมอจึงพบว่าฉันเป็นโรคภมิคุ้มกันตัวเองบกพร่องหรือโรคSLEหรือที่ชาวบ้านรู้จักกันว่าโรคพุ่มพวง แต่ฉันโชคร้ายหน่อยที่เชื้อไวรัสไปทั่วร่างกายตั้งแต่สมอง ตา หัวใจ ปอด กระเพาะ ลำไส้ และกระดูก
วันที่ 19 ต.ค ฉันมาหาหมอตามนัดพอหมอฟังหัวใจ ฟังปอด ฟังที่ท้องหมอไม่ให้กลับบ้านเลยและวันนั้นฉันก็ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งวันที่ 29 ตุลาคมฟื้นขึ้นมาในสภาพที่น่ากลัวเหลือเกินพบว่าตัวเองถูกมัดมือมัดเท้าไว้กับเตียงมีสายตาอจากคอ หน้าอก และปอด ขาขวาถูกพันด้วยพลาสเตอร์อย่างแน่นมาก ฉันงงมากเป็นไปได้ขนาดนั้น ฉันพูดไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ เค้าให้อาหารทางจมูกฉันจึงมีชีวิตอยู่ได้ และแล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะพ่อแม่ญาตพี่น้องทำบุญสวดมนต์ให้ตลอดได้กำลังใจจากเพื่อนๆและเพื่อนออนไลน์ฉันฟื้นตัวเร็วมากออกจากโรงพยาบาลวันที่ 15 ธ.ค ตอนนี้แข็งแรงขึ้นทุกอย่าง เหลือแต่กระดูกที่ขาที่ไม่มีแรงเพราะนอนมากเท่านั้น
จากวันนั้นถึงวันนี้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปฉันต้องอยู่กับความทุกข์ทรมานไปจนตายแต่คงอีกไม่นาน