14 กุมภาพันธ์ 2545 16:04 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
น้ำเคยใสไหลเย็นเคยเล่นว่าย
เดี๋ยวนี้กลายเปลี่ยนสีที่คล้ำหมอง
ปลาแหวกว่ายไปมาในคูคลอง
กลับจำต้องตายเกลื่อนสะเทือนใจ
ฟ้าสีครามยามสายจนบ่ายแล้ว
ที่เป็นแนวร่วมกั้นรังสีใส
มีช่องโหว่ให้แสงแผดอำไพ
คือภัยไซร้ไหม้ผิวเป็นริ้วรอย
ครั้งเมื่อสูดลมหายใจให้สดชื่น
จำต้องฝืนกลิ่นไอให้ถดถอย
คาร์บอนไดมอนนอกไซคนละน้อย
ต่างก็พลอยเจ็บป่วยบ้างโรยรา
กองขยะดาษดื่นทุกพื้นที่
ซีเอฟซีเครื่องทำความเย็นลดองศา
แข่งกันใช้แข่งกันทิ้งเพิ่มอัตรา
จึงนำพาชีพน้องพี่หริบหรี่ลง
วอนผองเพื่อนเตือนกันหยุดยั้งคิด
ร่วมตั้งจิตพิชิตภัยอย่าไหลหลง
รีไซร์เคิลมาใช้ใหม่หากมั่นคง
เพื่อดำรงโลกไว้ให้สวยงาม
14 กุมภาพันธ์ 2545 15:50 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
กุหลาบนี้คงเป็นดอกสุดท้าย
เพื่อแทนกายคลายโศกวิโยคหา
เคยหยอกล้อพะนอเล่นเช่นเคยมา
ความเหนื่อยล้าและหว้าเหว่ปะเดปะดัง
เคยหยอกเล่นเย็นเช้าเอาใจน้อง
ไม่มีสองห้องหัวใจที่ให้หวัง
จำจากจรก่อนจากพรากอีกครั้ง
พรากความหลังครั้งหยอกเย้าเคล้าคลอเคลีย
เคยรู้จักมักคุ้นอุ่นไอหวาน
แม้ซมซานอานเพราะรักมาพักเสีย
ห้องอบอุ่นอุ่นไอพลันหายเพลีย
จะละเหี่ยอ่อนไหวด้วยสายลม
ขอพักก่อนกลอนหวานซึ้งยังตรึงจิต
มวลหมู่มิตรร่วมฝันอันกล้าสม
จงประสบพบทางอย่างอภิรมณ์
อย่าขื่นขมจมปรักเพราะรักนา
แม้ไม่ได้กายดั่งเพชรเม็ดงามงด
ขอเพียงหยดน้ำค้างสว่างหนา
แม้ไม่ได้ตัวเป็นเช่นจันทรา
ขอเพียงว่าดาราใสให้สกาว
10 กุมภาพันธ์ 2545 23:16 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
ขอ วาดฝันอันหวานชื่นให้ฝืนกล้า
แค่ ในยามนิทราคราฝันหวาน
เพียง เศษเสี้ยวแห่งห้องของดวงมาลย์
แอบ อยู่นานวานไหว้กับสายลม
รัก ครั้งแรกแปลกจิตให้คิดรัก
เธอ อย่าผลักสมัครใคร่ขอให้สม
ก็ ยังซึ้งตรึงจิตอิฏฐารมณ์
สุข ลมลมจมแบบนี้กี่วันคืน
ใจ อบอุ่นละมุนไมเพราะไอรัก
แม้ อุปสัคจักขวางกันฉันจักฝืน
เธอ อยู่ใกล้ใด้เชยชิดจิตสดชื่น
ไม่รู้ ไกลกี่หมื่นกี่หมื่นแสนได้แขนควง....
10 กุมภาพันธ์ 2545 22:04 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
ห่วง พี่ห่วงคอยเจ้า กลับมา
หา เที่ยวหากานต์ดา ค่ำเช้า
อา หารหรือเข้าปลา บ่แตะต้องนา
ทร มานใจปวดร้าว เจ็บเข้าทรวงใน
ห่วงหาจึงพร่ำเพ้อ คิดถึงเธอละเมอหา
ออกตามสุดไกลตา หวังกลับมาคลอเคลียกัน
อาหารทานไม่ลง พี่นี้คงสิ้นชีวัน
หรือลืมคืนกระสัน กอดกันมั่นนั้นไม่คลาย
ใจเจ็บใจปวดร้าว รึถึงคราวรักเราหาย
พี่เจ็บเกือบเจียนตาย รึแหนงหน่ายหายจากไป
7 กุมภาพันธ์ 2545 09:21 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
มองดูดาวพราวแสงอย่างแรงกล้า
คู่จันทรานภาแจ่มแย้มให้ฝัน
ใครคนหนึ่งซึ่งเคยร่ำพร่ำรำพัน
พร่ำว่าฉันนั้นเคียงคู่อยู่ทุกครา
เคยโอบกอดพรอดรักกันในวันก่อน
ใจอาวรณ์นอนยังฝันหวั่นหนักหนา
กลัวว่าร้างห่างกันไซร้ในนิทรา
กลัวยิ่งกว่าฟ้าถล่มจมบาดาล
แม้ความฝันอันเลือนลางแล้วจางหาย
ดุจดั่งคล้ายเคียงกันดั่งวันหวาน
จะขอฝันจะมั่นรักรักยืนนาน
กาลอวสานขอพานพบอย่าหลบเลย
แม้เกิดในใต้ฟ้าแก้วตาพี่
เป็นสกุณีพี่กรงทองลองเฉลย
เป็นโบตั๋นสั่นโบกพริ้วลมรำเพย
ภูมรินทร์บินเชยชิดกรีดกรายชม
หากเจ้าเป็นเช่นนภาน่าสดใส
ตัวพี่ไซร้ได้เมฆน้อยลอยสู่สม
จักเคลื่อนคล้อยร้อยสายใยด้วยสายลม
พี่ขอตรมจมกับเจ้าทุกเช้าเย็นฯ