24 เมษายน 2552 12:53 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมพัดพริ้ว
ช่างหวาบหวิวสยิวกายให้เหน็บหนาว
ทะเลหมอกละลอกคลื่นเป็นแนวยาว
หมอกเหมยพราวคราวโดนผิวสยิวทรวง
วิหกน้อยค่อยโผผินบินสู่ฟ้า
กางปีกอ้าอ่าอำไพในแดนสรวง
มวลยอดหญ้าท้าแรงลมที่โหมลวง
ดั่งจะร่วงทบพื้นบนผืนดิน
แจ้วจำเรียงเสียงไก่ร้องก้องป่ากว้าง
หมอกเหมยจางเริ่มห่างหายคล้ายคืนถิ่น
มวลบุปผารอแสงที่โรยริน
จรุงกลิ่นหอมฟุ้งรุ่งทิวา
ตะวันยอทอแสงแดงระยับ
เปล่งแสงจับกับหยดน้ำตามยอดหญ้า
เริ่มวันใหม่สดใสมาอีกครา
ได้ฟันฝ่าคืนหนาวอันยาวนาน
21 ธันวาคม 2550 11:09 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
คิดถึงจึงแต่งอ้าง คำโคลง
สารส่งหนึ่งอนงค์ แหน่งน้อย
"โคลอน"แม่ยืนยง ยังแต่ง ลงนา
เคยทักทายเรียงร้อย อ่านเอื้อนกลอนเธอ
จำเสมอแม่ชื่อนี้ คนกวี
นันท์หายไปหลายปี แต่งอ้าง
พอกลับมาอีกที แม่ทัก ทายนา
จักกลับมาเสกสร้าง เล่นลิ้น กลอนกานท์
งานสอนดนตรีพริ้ว บทเพลง
เย็นย่ำก็บรรเลง กู่ก้อง
เด็กเด็กครูครื้นเครง สนุก
ซื่งขลุ่ยสะล้อพร้อง เพลงให้รื่นรมย์
หนึ่งพรมเพลงขลุ่ยให้ คร่ำครวญ
หนึ่งดีดเสียงซึงชวน ร่ำไห้
และสะส้อรัญจวน สบัดสาย สีแฮ
กลองรับฉิ่งฉับไว้ ไปรู้กลกลอน
เพราะสอนจึ่งห่างให้ จากกัน
สามสี่ปีกลอนนันท์ ว่างเว้น
ต่อไปแต่งเล่นฉันท์ กลอนกาพย์ โคลงแฮ
แต่ยังอ่อนข่วยเน้น แก่นแก้วคำกวีฯ
.............................................................................................
หายไปนานคับเพราะไม่ได้เข้าเล่นเน็ตเลยเพราะก่อนๆเล่นทุกวันจนเบื่อเลยหายไปนานครับ และสอนดนตรีพื้นเมืองเหนือทุกวันไม่เว้นวันหยุด สอนฟรีสนุกดีคับ สร้างคนสร้างชาติถนัดทางไหนส่งเสริมทางนั้นดีกว่า...ขอบคุณคับ
19 ธันวาคม 2550 14:35 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมพัดพริ้ว
ช่างหวาบหวิวสยิวกายให้เหน็บหนาว
ทะเลหมอกละลอกคลื่นเป็นแนวยาว
หมอกเหมยพราวคราวโดนผิวสยิวทรวง
วิหกน้อยค่อยโผผินบินสู่ฟ้า
กางปีกอ้าอ่าอำไพในแดนสรวง
มวลยอดหญ้าท้าแรงลมที่โหมลวง
ดั่งจะร่วงทบพื้นบนผืนดิน
แจ้วจำเรียงเสียงไก่ร้องก้องป่ากว้าง
หมอกเหมยจางเริ่มห่างหายคล้ายคืนถิ่น
มวลบุปผารอแสงที่โรยริน
จรุงกลิ่นหอมฟุ้งรุ่งทิวา
ตะวันยอทอแสงแดงระยับ
เปล่งแสงจับกับหยดน้ำตามยอดหญ้า
เริ่มวันใหม่สดใสมาอีกครา
ได้ฟันฝ่าคืนหนาวอันยาวนาน
31 สิงหาคม 2545 15:51 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
ขาวนวลชวนใฝ่ฝัน ให้ฉันดั้นผันไปหา
หยอกเย้าทุกเพลา สุงเกินกว่าฝ่าฟันไป
ล้อลมที่โหมพัด ระบายระบัดซ่านไหว
เสกสร้างลายลักษณ์ไว้ แปรเปลี่ยนได้ยามกรายมา
ยองใยใสสสะอาด ดั่งปุบผชาติดาดาษฟ้า
กลีบซ้อนละลานตา งามล้ำค่าบุปผาสวรรค์
กลีบร่วงลงสู่พื้น ต่างสดชื่นตื่นจากฝัน
ทุกข์ร้อนก็หายพลัน ต่างสุขสันต์ทั่วปฐพี
ขอเจ้าประดับฟ้า ให้แหล่งหล้าต่างสุขี
เกษตรกรรมอุดมดี วสันต์นี้มีมนตราฯ
11 สิงหาคม 2545 17:49 น.
นันท์คนเขียนโคลงกลอน
รำลึกถึงซึ่งพระคุณ..แม่....
รัก หวานอื่นหมื่นแสนแทนไม่ได้
แม่ มีให้ใจผูกพันมั่นและเหนี่ยว
มาก กว่าใครในแหล่หล้ามาเปรียบเชียว
ที่สุด เหวลึกว้างหยั่งวัดถึง
ใน ภพนี้จะมีใครให้แทนที่
โลก ฤามีที่ห่วงใยให้รักซึ้ง
หา รักอื่นชื่นหทัยได้แค่ครึ่ง
ที่ เป็นหนึ่งซึ่งคือรักจากมารดา
ใด สรรหามาเอ่ยคำพร่ำคุณไท้
เปรียบ นภาลัยยังไกลห่างอ้างเอยมา
มิ อาจกล่าวรำใดให้เพราะกว่า
ได้ เพียงว่าค่ำหลั่งล้นล้นอุรา
ลูก รู้คุณอันอุ่นเอื้อเกื้อกูลลูก
จัก พันผูกลูกรักแม่ไม่แปรหนา
ตอบ กี่หนจากกายดับลับโลกา
แทน คุณค่ามารดาไซร้ให้หมดไป
พระ ผู้ให้ได้ทุกสิ่งเพราะมิ่งขวัญ
คุณ อนันต์นั้นล้นหลั่งดั่งน้ำใส
ชั่ว หรือร้ายไม่คลายรักรักจริงใจ
ชีวิต ใกล้อ้อมรักพักอุ่นกาย