19 กุมภาพันธ์ 2550 23:17 น.
นัทนิตย์
ลึกลึกอาจเห็นเป็นรอยแผล
จากความอ่อนแอรักแพ้พ่าย
ตื้นตื้นยังฝืนยิ้มสบาย
ทักทายมวลมิตร-ชีวิตจริง
ความรักก็เป็นอยู่เช่นนั้น
มีโลกมีฝันปันทุกสิ่ง
เจ็บมิเคยจำคำประวิง
ร่างนี้จึงกลิ้งอยู่ร่ำไป
กลิ้งทับความทุกข์ที่จุกเจ็บ
รวดร้าวหนาวเหน็บที่รุกไล่
เรียบราบกับฤดีวิถีใจ
ลุกขึ้นมาใหม่ได้ก้าวเดิน
ความรักก็เป็นเช่นนี้แหละ
เปียกแฉะ-แห้งแล้ง อยู่นานเนิ่น
ยังขาดวันนั้น-วันนี้เกิน
เผชิญเพียงช่วง-ห้วงเอ่ยลา.
15 กุมภาพันธ์ 2550 18:22 น.
นัทนิตย์
เป้ความรักเธอแบกมาถ้าเหนื่อยหนัก
จะหยุดพักแบ่งออกบ้างก็ยังได้
หย่อนทิ้งลงตรงวิถีที่ห่างไกล
เพื่อหนึ่งใครผู้บาดเจ็บได้เก็บกำ
แม้เพียงเศษซากหนักของรักหน่าย
ก็ยังมีความหมายให้เพ้อพร่ำ
หนึ่งฤดีที่รันทดจักจดจำ
ฝีปากแห้งอาจชุ่มฉ่ำแทนน้ำตา
ที่นี่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
มีเพียงน้ำขุ่นนองดินปวดปร่า
กับร่างหนึ่งซึ่งนิ่งผ่านกาลเวลา
หลบอยู่ใต้ชายคาของคืนวัน
เป้แบกมาถ้าเหนื่อยหนักพักก่อนได้
ค่อยลุกก้าวต่อไปใจอย่าหวั่น
น้ำสักแก้ว ลมเย็นเย็น พูดคุยกัน
ค่อยกอบรักเก็บฝัน...วันต่อไป.
6 กุมภาพันธ์ 2550 18:25 น.
นัทนิตย์
ร่างก็คนละร่างย่างก้าวเริ่ม
แรกต่างคนแต่งเติมเพิ่มรักนั่น
เป็นรักหนึ่งซึ่งต่างใจมอบให้กัน
ยากหลอมความผูกพันเป็นใจเดียว
บ้านก็คนละหลังการตั้งต้น
ญาติแตกต่างตัวตนวนข้องเกี่ยว
ถนนมีแยก ตัน นั่นทางเลี้ยว
เพื่อนมีเที่ยว บ้างกิน บ่น นินทา
มิแปลกเลยหากหนึ่งรักจะแตกต่าง
มีสุขสม มีอ้างว้าง บางคุณค่า
มิแปลกหรอกหากคนรักเอ่ยบอกลา
เมื่อหัวใจเราด้านชามิเท่ากัน
ก็เพราะร่างคนละร่างต่างทางเริ่ม
มาแต่งเสริมเติมใจให้คงมั่น
อาจด้วยก้าวแต่ละก้าวไม่เท่ากัน
อย่าให้วันและคืนสะอื้นก็พอ.
2 กุมภาพันธ์ 2550 19:20 น.
นัทนิตย์
ที่สุดหนาวเคยหนาวมาคราวหนึ่ง
ความผิดหวังหยั่งถึงจึงร้ายหนาว
พิษหมอกหม่นพ่นผ่านมานานยาว
ห่มเรื่องราวของวิถีที่ร้างลา
ที่สุดเจ็บเคยเจ็บเหน็บครั้งนั้น
นานกี่วันห้วงฤดีจึงมีค่า
สมานแผลซึ่งแหว่งวิ่นสิ้นราคา
ย้อนกลับมาเป็นหัวใจใครอีกคน
อีกหนาวหมอกระลอกใหม่มาใกล้ชิด
ภาวนาอย่าเจือพิษติดหมอกหม่น
มาโรยใจให้ลึกร้าวหนาวกมล
อาจเกินขีดความอดทนจนต้องตาย
เมื่อสายลมพรมหมอกระลอกหนึ่ง
ก็หวังพึ่งลมพรูสู่จุดหมาย
พัดความหวาดโลกหวั่นพลันมลาย
จนระลอกสุดท้าย...ถ่ายเทรัก.
29 มกราคม 2550 20:19 น.
นัทนิตย์
เพราะโลกนี้มีแสงสว่าง
อาทิตย์ส่องนำทางเพื่อสร้างฝัน
ห้วงราตรียังมีแสงนวลจันทร์
คอยปลอบขวัญใครเศร้าได้เฝ้ามอง
เพราะโลกนี้มีดอกไม้
กรุ่นกลิ่นหอมละไมไว้สนอง-
ร่างหนึ่งซึ่งพังพับลงไปกอง
ได้ก้มมองแล้วสดชื่นยืนขึ้นมา
ไม่มีรักมิได้หรอกที่รัก
เธอควรเฝ้าฟูมฟักคอยรักษา
ให้ต้นรักที่รดฝันปลูกกันมา
เป็นต้นแห่งศรัทธาแผ่กิ่งใบ
รับรู้โลกมืด แจ้ง แล้งหรือฝน
ร้อน,หนาว,สุข,ทุกข์ปน ทนอยู่ได้
กระซิบสิ...กระซิบรักจากหัวใจ
เพื่อมอบให้ใครคนหนึ่งซึ่งรักเรา