22 พฤษภาคม 2548 21:05 น.
นัฐรัญ
ณ วันเพ็ญชายแดนเทวทหะ
เขตรอยต่อกบิลพัสดุ์เมืองวิจิตร
พระนางเธอทรงทรมานชีวิต
สูติกาลบรมบพิตรของโลกา
เจ้าชายน้อยทรงสร้างปาฏิหาริย์
ทรงจรบนปทุมมาลย์ทั้งเจ็ดดอก
ทั่วชมพูทวีปทั้งในนอก
ต่างบอกขานว่า ผู้มีบุญ มาอวตาร
เจ้าชายน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ทรงใฝ่หาทางดับทุกข์ทางต่างๆ
ทั้งทุกขบารมีทรมานร่าง
จึงพบทางสายกลางจากคนจร
พอวันเพ็ญเดียวกับวันประสูติ
ทรงพิสูจน์ทฤษฎีที่คิดใหม่
ทั้งนางมารอสูรผลาญวิบัติภัย
ก็ทรงชัยชนะตรัสรู้เอย
ทรงจาริกเขตแดนแถบต่างๆ
ได้ทรงให้สงฆ์มีพระธรรมใฝ่
แม้จะสี่สิบห้าปีจะผ่านไป
จะยังทรงโปรดเวไนยสัตว์เรื่อยมา
แล้ววาระพระองค์ปลงสังขาร
จะนิพพานไม่เกิดไม่ตายสิ้น
ทรงไสยาสน์ใต้ไม้ใกล้กุสินาริน
ตรัสปัจฉิมโอวาท ณ วันเพ็ญ
วันเพ็ญนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนหก
สงฆ์-ชนยกวันนี้ว่า "วิสาขะ"
ยูเนสโกเห็นเป็นวันสำคัญญะ
จึงประกาศให้ประจักษ์เป็นสากล
ชนชาวพุทธควรหมั่นบำเพ็ญวัตร
ปฏิบัติสมาธิ อประมาท
ให้ชาวพุทธทุกคนทุกชนชาติ
ยึดโอวาทพุทธองค์เป็นแนวทาง
22 พฤษภาคม 2548 20:35 น.
นัฐรัญ
Love is wonderful
Love is beautiful
Love is pain, too
so, you should to careful.
ความรักวิเศษนัก ความรักเป็นสิ่งสวยหรู
ความรักเจ็บน่าดู ใครมีรักควรดูแล
Don't play attention, when the sun shine at night
แต่สิ่งที่ควรใส่ใจ รักษารักให้ยั่งยืน
18 พฤษภาคม 2548 20:52 น.
นัฐรัญ
สุ ตมยปัญญาคือฟัง
จิ นตมยปัญญังตั้งใจหนา
ปุ จฉาถามซักไซร้แต่สาระนา
ลิ ขิตไว้ให้ตรึงตราในกมล
ผู้ใดที่มีสุจิปุลิครบ
ย่อมเรียนจบทะลุโปร่งทุกปัญหา
แต่คนที่การเรียนไม่นำพา
ย่อมระทมอุราตลอดไป
ปรัชญานี้เป็นลักษณ์ของนักปราชญ์
แต่ถ้าปราชญ์พลั้งพลาดหลงทางผิด
"เป็นคนเก่งเห็นแก่ตัวบ่อนชีวิต
ก็ย่อมติดเป็นคนชั่วของแผ่นดิน"
17 พฤษภาคม 2548 15:10 น.
นัฐรัญ
น้ำตาเป็นเพียงแค่น้ำหยดหนึ่ง
แต่ความหมายมันซึ้งเป็นหนักหนา
เมื่อคนใดได้เห็นคราบน้ำตา
ของผู้เป็นมารดาแล้วเศร้าใจ
15 พฤษภาคม 2548 21:21 น.
นัฐรัญ
ณ พิษณุโลกานคร
พระองค์อรทรงประสูติหน่อพระขวัญ
ลักษณ์รูปรามนามสมองค์เทวัญ
องค์ราชันย์ในอนาคตกาล
"พระนเรศวร" พระทรงเดช
จำต้องเข้าเขตขันธ์เมืองหงสา
เปนบุตรบุญธรรมเกตุมราชา
ทรงศึกษารามัญพิชัยสงคราม
ปีพ.ศ.๒๑๒๗
ธ เสด็จออกหงสาอย่างเหี้ยมหาญ
ประกาศอิสรภาพตลอดกาล
แล้วเข้าไหว้บังคมพระบิดร
พระมหาธรรมราชาดีใจยิ่ง
ลูกแก้วจักเป็นมิ่งแผ่ไพศาล
ลูกกล้าจักทลายม่านให้แหลกลาญ
จักประกาศบริบาลปวงประชา
ครั้น ๑๘ มกรา ปี ๓๕
มหาอุปราชาเมืองหงสา
ผจญศึกบุกเข้าตีอโยธยา
พระนริศ ธ หาญกล้าบุกประจัญ
ประจัญจานหาญนักพระจักรกฤษดิ์
รังสฤษดิ์ท้าทายยุทธหัตถี
มังรายกะยอชะวาฉุนวจี
จึ่งออกเอ่ยวาทีท้าประลอง
มังสามเกียดฟันง้าวเข้าใส่ทรงศักดิ์
ละล้ำละลั่กกลางชนทหารกล้า
อุปราชฟันโดนพระมาลา
แต่ทรงไทยพระองค์ฆ่าจ้าวเมืองมอญ
ในครานั้นพระนันทบุเรงสลด
จึ่งออกพจวาจาฆ่าชาวสยาม
แล้วสร้างเสริมสรรพกำลังประกาศนาม
จักไปหยามชาวโยเดียให้แหลกไป
ฤทธิ์สุราพาหทัยจ้าวหงสา
เข้าสู่หน้าพระตำหนักพระจอมขวัญ
ใช้กำลังอาวุธเข้าฟาดฟัน
พระสุพรรณกัลยาพระพี่เธอ
ด้วยความแค้นแสนเจ็บปวดรวดร้าวนัก
พระทรงจักรจึ่งประกาศสู้หงสา
ทรงตีแผ่ขยายเมืองทุกอาณา
รอบพาราต่างสยบเป็นข้าไทย
๑๕ พฤษภา ๒๔๑๘
ธ ทรงแผดพระอานุภาพทั่วหล้า
ทรงเสด็จไปเผด็จศึกเมืองพม่า
แต่มิทันถึงพาราก็ประชวร
พระเอกาน้องยาปรนนิบัติ
แต่อาการกษัตริย์ยิ่งทรุดหนัก
ณ เวียงแหงไทยต้องสูญเสียองค์ภักดิ์
พระทรงจักรเสด็จนฤพาน
๔๐๐ ปีแล้วผองไทยที่รัก
๔๐๐ ปีที่ประจักษ์เป็นศักดิ์ศรี
๔๐๐ ปีที่เกีตรติคุณความดี
๔๐๐ ปีที่ไทยยังจดจำ
จักขอตั้งสัจจะอธิษฐาน
จักขอเปนบริวารพระทรงศรี
จักขอเปนพลเมืองที่ดี
จักขอยึดพระจักรีเปนแรงใจ
จักธำรงเกียรติศักดิ์ของไทยไว้
มิให้ใครมาหยามเหยียดเมืองสยาม
จักมิให้วิญญาณองค์พระทรงนาม
ต้องสิ้นไปตามกาลเวลา