9 กุมภาพันธ์ 2552 19:22 น.
นักสิทธิ์ ธรรมวงศ์
สิบห้าค่ำ เดือนสาม มาฆมาส
พุทธศาสตร์ จารให้เห็น เป็นอักษร
ณ บัดนี้ จักขาน เล่าผ่านกลอน
ถึงกาลก่อน ประวัติยาว จะกล่าวไป
เมื่อครั้งโพธิกาล โบราณนั้น
พระทรงธรรม์ พุทธองค์ทรงอาศัย
ราชคฤห์ นคร อันเกรียงไกร
แห่งไผท แคว้นมคธ ชนบทกลาง
สงฆ์กว่าพัน พร้อมกัน สันนิบาต
แปลกประหลาด หมายนัด มิจัดสร้าง
จากทั่วทิศ ใกล้ไกล ได้เดินทาง
สู่ศูนย์กลาง เวฬุวัน อันลือชา
สงฆ์ทั้งมวล ล้วนพระ อรหันต์
ธ รังสรรค์ อยู่ใน ไตรสิกขา
เรียกเอหิ ภิกขุ อุปสัมปทา
เป็นเนื้อนาบุญใหญ่ ไร้เทียมทาน
ทรงประกาศ ธรรมวินัยหัวใจศาสน์
คือโอวาท ปาติโมกข์ ที่โลกขาน
สามคาถา เศษครึ่ง ซึ้งวิญญาณ
บรรทัดฐาน ศีลสัจจ์ กาลถัดมา
ขันติธรรม เป็นตบะแก่กล้ายิ่ง
ยอดธรรมจริง คือนิพพาน ปราชญ์ท่านว่า
ผู้เบียดเบียน สังหารผลาญชีวา
มิสมญา สมณะแลบรรพชิต
อันกรรมชั่ว พึงเว้น หลีกเร้นหนี
ทำความดี ให้พร้อมน้อมเป็นกิจ
ชำระใจ ใสเย็นอยู่เป็นนิจ
คือภาษิต แห่งองค์พระพุทธา
การกล่าวร้าย ทำลาย นั้นควรไม่
สำรวมในปาติโมกข์ให้หนักหนา
เป็นผู้รู้ ประมาณทานภัตตา
เสพเสนา สนะอัน สงัดจริง
หมั่นประกอบ กิจตน ฝึกฝนจิต
ให้มีฤทธิ์ ตั้งมั่น ไม่หวั่นยิ่ง
ธรรมเหล่านี้ มีนานช้า ท่านว่าจริง
ทรงอ้างอิง ชินวร แต่ก่อนมา
ศศิธร จรสู่ มาฆฤกษ์
ราตรีเบิก เดือนเพ็ญ เด่นเวหา
จตุรงค์สันนิบาต อุบัติพา
ให้วันมาฆบูชา น่าอัศจรรย์
ยกมือน้อม วันทา ตั้งท่าไหว้
พร้อมดอกไม้ ธูปเทียน เพียรจัดสรร
บูชาไตร รัตนะ คุณอนันต์
หลักยึดมั่น ของเพื่อนพ้อง ผองเวไนย์
กราบหนึ่งไหว้ จอมครู ผู้วิสุทธิ์
คือพระพุทธ สุดจรัส นิรัติศัย
กราบสองไหว้ ศาสน์เลิศล้ำ ธรรมวินัย
ศาสตร์อื่นใด ในหล้า ไม่มาเกิน
กราบสามไหว้ เนื้อนาบุญ คุณไพศาล
กตญาณ หาญกล้า น่าสรรเสริญ
ขอยึดเป็น สรณะพาเจริญ
จักดำเนิน ตามมรรคา ปารคู
หากชาตินี้ บารมีข้าดีพร้อม
ขอนอบน้อม เร่งรัดปฏิบัติสู้
ละกิเลส ภพกาม ตามบรมครู
วิมุติรู้ นิพพาน ผลาญราคิน
แม้นยังเกิด อย่าเกิดต่ำ ล้ำมนุษย์
เป็นบัวบุษศ์ ผุดพ้น ชลสินธุ์
อย่าเป็นบัว กลั้วตม จมโคลนดิน
เต่าปลากิน สิ้นไป ไร้ราคา
อนึ่งให้ ได้พบ พุทธศาสน์
ทั้งเป็นปราชญ์ เห็นธรรมชัด เช่นสัตถา
ดับยึดมั่น ตัณห อวิชชา
พ้นสังสารวัฏ ตัดบ่วงมาร ฯ
นักสิทธิ์ ธรรมวงศ์ ๘ ก.พ. ๒๕๕๒