23 กรกฎาคม 2552 19:48 น.
นรศิริ
อยากเห็นดอกไม้บานบนลานฝัน
อยากเห็นแววสุขสันต์จากใจหม่น
ไม่อยากเห็นพี่น้องต้องทุกข์ทน
อยากเห็นค่าของคนจากบนดอย
เด็กน้อยเอยเยาว์วัยไร้เดียงสา
แต่ต้องมานั่งเศร้าทั้งเหงาหงอย
ด้วยไม่มีสัญชาติเป็นทาสคอย
หนูน้อยน้อยถูกลอยแพแค่เถื่อนคน
เกิดในแดนแผ่นดินถิ่นสยาม
เนาเขตคามดอยไกลในไพรสณฑ์
สู้ชีวีทดท้อและทุกข์ทน
ฝ่าผจญฝนหนาวทุกคราวไป
ค่าของคนบนดอยมีน้อยนัก
หากแต่ค่าความรักนั้นยิ่งใหญ่
เปี่ยมเมตตาการุณย์อบอุ่นใจ
มากมีให้มวลมิตรทุกทิศทาง
อยากฝากให้บางใครได้ตระหนัก
คงไม่หนักเกินไปหากได้สร้าง
ช่วยโอบอุ้มชีวีที่บอบบาง
สู่เส้นทางชีวิตสิทธิ์ของคน
17 กรกฎาคม 2552 19:47 น.
นรศิริ
โอ้ดึกดื่นคืนแรมไม่แจ่มฟ้า
เหมือนชีวาของคนที่หม่นหมอง
โดดเดี่ยวเดียวดายไร้หมายปอง
น้ำตานองเปื้อนปนบนแก้มนวล
เสียงหริ่งหรีดขับขานสะท้านทุ่ง
เหลือบริ้นยุงตอมไต่ปนไห้หวน
ลมหายใจแผ่วผ่าวร้าวรัญจวน
เซซังซวนล้มพับทับแผ่นดิน
ภาพอดีตกรีดดวงแดเป็นแผลลึก
ยังผนึกฝังแน่นดังแผ่นหิน
เคยพะนอล้อเล่นเป็นอาจิณ
ให้ถวิลโหยหาใจอาวรณ์
เขาจะรู้ไหมหนอใครรออยู่
คอยเคียงคู่มิ่งขวัญจันทร์สมร
ฝากสายลมเดือนดาวไปเว้าวอน
พาบังอรคืนมาข้านี้คอย
14 กรกฎาคม 2552 19:28 น.
นรศิริ
ฉัน...ทนไม่ได้ที่จะดูตาคู่นั้น
ฉัน...ไหวหวั่นกลัวใครใจขื่นขม
ฉัน...ไม่อาจทำให้ใครระทม
ฉัน...โง่งมจึงไม่กล้ากระทำกรรม
ฉัน...คนนี้นั้นมีแต่การให้
ฉัน...คนนี้อภัยผู้ถลำ
ฉัน..คนนี้มีจิตคิดน้อมนำ
ฉัน..คนนี้กลัวกรรมจึงอ่อนแอ
ฉัน...มีศีละรรมประจำจิต
ฉัน...มีรักภักดีมิตรอย่างจริงแท้
ฉัน...ยึดมั่นในสัจมิผันผันแปร
ฉัน...จึงเป็นผู้แพ้เสมอมา
เธอ...นั้นเป็นผู้กล้าและผู้เก่ง
เธอ..นั้นเป็นนักเลงเที่ยวเสาะหา
เธอ...นั้นหวังบารมีทั้งเเงนตรา
เธอ...จึงกล้าโดเด่นทุกเนทาง
เธอ...ไม่เกรงผู้ใดใครทั้งสิ้น
เธอ...มีลิ้นไว้เลียและถากถาง
เธอ...มีความอดทนอย่างบางบาง
เธอ...อยู่อย่างไม่หวั่นพรั่นผู้ใด
เธอนั้นเป็นผู้กล้ากระทำชั่ว
เธอเกือกกลั้วที่เหลวไหล
เธอเดินทางทุธรรมอย่างเต็มใจ
เธอจึงไม่มีธรรมประจำตน
เธอรู้ไหมใครใครเขาแช่งด่า
ฉันอยากให้กานดาสร้างกุศล
ฉันอยากให้เพื่อนรักพ้นวังวน
ฉันอยากให้กมลเธอท้นดี
จงหยุดเถิดเพื่อนรักหยุดภักดิ์ชั่ว
อย่าทำตัวใจมัวหม่นหมองศรี
หยุดให้ไฟชั่วรุมสุมชีวี
มาเลือกทางที่ดีเถิดเพื่อนเอย
4 กรกฎาคม 2552 22:59 น.
นรศิริ
คนไร้ค่าอย่างเราใครเขาสน
เราคนจนคนถ่อยด้อยศักดิ์ศรี
หวังใยเล่าให้เขามาใยดี
กับชีวีหม่นหม่นคนเช่นเรา
เป็นกาฝากกากเดนดังเช่นทาส
ยังจักอาจเสนอหน้าหาใครเขา
แม้ครั้งหนึ่งเคยสัมพันธ์กันสองเรา
นั่นเพียงเงาความฝันของวันวาน
ไม่เจียมตัวเจียมใจไร้ความคิด
ไปผูกจิตกับเขาเฝ้าฝันหวาน
รู้เถิดหนาใครใครไม่ต้องการ
เก็บดวงมาลย์ไว้หม่นเพียงคนเดียว
ณ วันนี้ชีวีมิเหมือนเก่า
อย่าหวังให้ใครเขาเฝ้าแลเหลียว
พึ่งเพียงเราได้แท้แน่จริงเจียว
ใจอย่าเที่ยวฝากใจให้เขายล
ลุกให้ได้ลุกมาท้าชีวิต
มาลิขิตเส้นทางสร้างอีกหน
แม้เพียงแสงริบหรี่ที่มืดมน
จะผ่านพ้นให้ได้ในสักวัน
ไวรัสมาเยือนกลอนที่เขียนเอาไว้เหลือแค่นี้เลยรีบมาฝากไว้ที่นี่พรุ่งนี้จะล้างคอม
ยังไม่ได้เกลากลอนเลยค่ะ เขียนเอาไว้นานแล้วถ้าไม่มีเวลาเขียนก็จะไปเก็บมาลง
4 กรกฎาคม 2552 22:57 น.
นรศิริ
เพื่อนคนนี้ที่รักเธอเสมอ
เพื่อนรัก
จงตระหนักชีวาอย่าหลงผิด
ภยันภัยล้างผลาญรานชีวิต
เลิกผูกจิตหมายปองต้องกมล
เพื่อนรัก
จงประจักษ์ฤทธิ์ฆ่าอย่าสับสน
เพื่อนพี่น้องผองมนุษย์สุดทุกข์ทน
จ่อมจมในวังวนทรมาน
เพื่อนเอ๋ย
เธอเคยทำผิดเสพติดค้า
ยังไม่สายหรอกเจ้าก้าวออกมา
เลิกเข่นฆ่าผองเพื่อนเหมือนก่อนกาล
เพื่อนฉัน
ผู้ติดเสพเหล่านั้นน่าสงสาร
เป็นตราบาปที่ใครไม่ต้องการ
ทั้งวงศ์วานพงศ์เผ่าเขาไม่มอง
เพื่อนแก้ว
เลิกแล้วมั่นใจอย่าไปข้อง
จงอดทนแม้นใจเธอหมายปอง
จงประคองจิตมั่นอย่าหวั่นใด
เพื่อนจ๋า
ยอดชีวาจอมขวัญอย่าหวั่นไหว
อ้อมกอดอันอบอุ่นละมุนละไม
พร้อมพลีให้เพื่อนรักได้พักพิง