27 พฤศจิกายน 2552 05:22 น.

เพื่อนคนนี้ผู้มีแต่ให้

นรศิริ

อยากให้เพื่อนคิดได้ในสิ่งผิด
อยากให้เธอหยุดคิดทำสิ่งชั่ว
เลิกหมกมุ่นอบายร้ายเมามัว
และกลับตัวก้าวไปในทางดี

เอาชนะใครนั้นมันทำได้
เอาชนะหัวใจได้ไหมนี่
มีมากมายหลายทางก้าวย่างซี
เพื่อสร้างศรีสร้างศักดิ์รักเจริญ

ความมืดคลุมรุมเร้าเข้าสิงสู่
เธอจึงอยู่อย่างไร้ใครสรรเสริญ
สร้างชีวีสูงไว้ค่าประเมิน
อย่างหลงเพลินเดินลงอเวจี

การทำดีเพียงสะดุดหยุดความชั่ว
เลิกเมามัวอำนาจให้ขาดศรี
หยุดเถิดเพื่อนทิ้งชั่วที่ตัวมี
มาเสริมสร้างความดีก่อนสายเกิน

เพื่อนคนนี่พร้อมที่อภัยให้
สิ่งที่แล้วเลยไปอย่าขัดเขิน
ยื่นมือมาเราจะพาเพื่อนก้าวเดิน
สู่เส้นทางเพลิดเพลินทางสายธรรม				
25 พฤศจิกายน 2552 04:46 น.

ยื่นมือมาสิ...คนดี

นรศิริ

ใครล้มรีบฉุดรั้ง        ขึ้นมา
อย่าข่มเหงบีฑา   เหยียบซ้ำ
วันหนึ่งหากบุญพา       โดดเด่น
เลวกลับกลายคูณค้ำ          กอบกู้   นานา

กรรมาเคยก่อไว้       กาลนาน
วนสู่วัฏสงสาร      สืบสร้าง
ใครใดเล่าจักหาญ      หลบซ่อน
กงกรรมก่อห่อนล้าง         ลบได้  เลยนา

การุณย์อีกอุ่นเอื้อ      เถิดเอย
ใครเล่าเจ้าไม่เคย      พลาดพลั้ง
อโหสิให้เลย        หยิบยื่น
ดั่งหนึ่งการก่อตั้ง       มากล้น ผลบุญ

คุณธรรมฤาห่อนซื้อ       ถือครอง
ใครอาจจักจับจอง       ห่อไว้
ตนย่อมไขว่คว้าปอง      มาสู่
เก็บรักษ์จักจุ่งได้      ห่อนสิ้น  สูญไป				
19 พฤศจิกายน 2552 22:42 น.

รอคอย

นรศิริ

คืนนี้เหน็บหนาวจริงหนอ
คอยรอผืนผ้ามาห่ม
หวีดหวิวกังวานสายลม
ดั่งคมมีดกรีดกายา

ก่อกองไฟฟืนกันหนาว
สายหมอกพรากจากฟากฟ้า
สว่างไสวไปทั่วท้องนา
ซุกร่างชรานอนซม

ไอ้ด่างนอนข้างสั่นเทา
ยายเอาผ้าถุงคลุมห่ม
หงิงหงิงด่างครางระงม
พร่างพรมน้ำตาอาทร

มือที่ยับย่นสั่นเทา
สอดเข้าศีรษะแทนหมอน
เสื้อบางสวมใส่เปียกปอน
สั่นคลอนสะท้านทั้งตัว

ฟืนเอยเปียกชุ่มไฟดับ
ขยับหาไม้ไปทั่ว
คืนมืดสายตาพร่ามัว
หาหลัวหาฟืนไม่มี

คืนนี้เหน็บหนาวจริงหนอ
คอยรอผ้าห่มพรุ่งนี้
จากผู้เมตตาปรานี
ก่อนที่ร่างชราจะสิ้นลม



กรุณาหารูปเพื่อนยามวิกาลมาลงให้หน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ				
16 พฤศจิกายน 2552 19:16 น.

สายไปไหมหาก…ใจสำนึก

นรศิริ

สายไปไหมหากใจสำนึก

จากวันนั้นจวบวันนี้หลายปีผ่าน
แววตาที่ร้าวรานช้ำหม่นหมอง
ภาพเธอนั่งก้มหน้าน้ำตานอง
คำขอร้องอย่าไปไม่ใยดี

เลือกทางเดินเส้นใหม่สดใสกว่า
สุขอุรากระหยิ่มใจเขาใหม่นี่
เกลียดคนที่จงรักและภักดี
เหยียบขยี้หัวใจไร้การุณย์

คำร้องขออย่าจากฉันนั้นแสนเบื่อ
รำคาญอยู่ทุกเมื่อเธอเกื้อหนุน
ปล่อยฉันไปเถิดหนอขอร้องคุณ
ลืมอกอุ่นอิงแอบแนบชิดใจ

รอยยิ้มเยาะเย้ยหยันฉันสรรค์สร้าง
เธออ้างว้างต่างจากฉันสดใส
คำร้องร้องกลับกลายเป็นร่ำไร
น้ำตาเธอรินไหลดั่งธารา

มาบัดนี้เขาคนนั้นทิ้งฉันแล้ว
ไม่มีแววสดใสบนใบหน้า
จมอยู่ในห้วงเหวแห่งน้ำตา
อนิจจานี่หรือคือร้าวราน

ใช่ต้องการการอภัยในครานี้
แต่อยากบอกคนดีถึงที่ผ่าน
ขอโทษนะที่ทำช้ำดวงมาน
อย่าสงสารเลยหนอขอซ้ำเติม








หากท่านอ่านแล้วกรุณาแสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อกลอนด้วย
ดิฉันต้องการข้อมูลจริงๆจากกลอนบทนี้  ขอบคุณค่ะ
  

นี่เป็นเรื่องจริงจะให้เจ้าตัวเขาได้รับรู้ความรู้สึกของคนอื่นต่อพฤติกรรมนั้น				
12 พฤศจิกายน 2552 04:54 น.

แบ่ง สันติ์ ปันรัก

นรศิริ

แบ่ง  สันติ์  ปันรัก

จะบ่งปันรักท้นคนทั้งโลก
อยากจะลบรอยโศกจากหน้าผอง
เชื่อมสัมพันธ์ไมตรีสุขีครอง
เป็นพี่น้องเดียวกันทุกวันวาร

อยากยลรอยยิ้มใสบนใบหน้า
อยากจะยลแววตาเกษมศานติ์
ทุกผู้มีรักล้นท้นดวงมาน
ไม่มีการแยกฝ่ายทำร้ายกัน

ทุกชีวีมีค่าเท่ากันหมด
มีเพียงกฎกดไว้ใช้ขีดขั้น
ชนที่อยู่ชั้นล่างจึงจาบัลย์
ท่านที่อยู่สูงนั้นจึงเหนือคน

ชลธีจากที่สูงมุ่งสู่ต่ำ
ทว่าคนใจช้ำยังช้ำหม่น
คนจนยากใช่อยากจะยากจน
คนที่ตายข้างถนนใช่อยากตาย

อยากจะลบช่องว่างหว่างชนชั้น
จะแบ่งปันความสุขให้ทุกข์หาย
มิให้มีผู้ใดต้องเดียวดาย
จะสานสายสัมพันธ์ทั้งแผ่นดิน

รักกันเถิดรักกันฉันท์น้องพี่
สามัคคีกันไว้ในทุกถิ่น
ปลูกต้นรักแต่งแต้มปถพิน
ทุกชีวินอาบยิ้มอิ่มทรวงใน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนรศิริ