7 มิถุนายน 2551 14:08 น.

.....วิมานสูงเสียดฟ้า....ความสุขที่ไร้ขอบเขต

นรศิริ

วิมานเสียดฟ้า.ความสุขไร้ขอบเขต

     บ้านข้าอยู่ป่าเขา     เราไม่มีไฟฟ้าใช้
ไม่ต้องเสียค่าไฟ     ไม่ได้ใช้น้ำประปา

     น้ำตกกระเซ็นใส     แสนฉ่ำใจไปทุกครา
ทุกวันข้าเข้าป่า     หาอาหารสราญใจ

     ในป่ามีสัตว์ป่า     บนภูผามากต้นไม้
ลำธารมีน้ำใส    ในป่าไม้มีอาหาร

     น้ำตกใสกระเซ็น     ดูโดเด่นดอกไม้บาน
ดูโน่นกล้วยไม้บาน    แลตระการบนคาคบ

    เอื้องคำตระการตา     อีกเอื้องฟ้าหอมตลบ
สามปอยสำออยซบ      เอื้องแซะกลบกลิ่นเอื้องผึ้ง

     หางจ้อนบานสะพรั่ง     ข้างรังนกดอกคำตึง
เพลินชมงามสุดซึ้ง     เด่นเป็นหนึ่งไอยเรศ

     เข็มแสดอีกเข็มแดง     ดุจดั่งแสงสุริเยศ
ท่องไพรพนาเวศ     ในแคว้นเขตพนาดอย

     ในป่ามีสัตว์ป่า     อีกบนฟ้ามีเมฆลอย
เฮือนเฮาหลังน้อยน้อย     ค่อยค่อยคลานอย่าหาญดึง

     ทั้งบ้านคือไม้ไผ่     หลังคาไซร้ใบตองตึง
ประตูต้องผูกตรึง    ขึงกับเสาเศร้าจริงเอย

     บ้านข้าแสนจนยาก     แสนลำบากสุดเฉลย
ทีวีเราไม่เคย      ที่จะเห็นเป็นเช่นไร

     ดูหนังดูละคร      ดูรำฟ้อนดีตรงไหน
ลงดอยไปแสนไกล     เหนื่อยกายใจที่ในเมือง

     บ้านข้าสบายกว่า     สุขอุราไปทุกเรื่อง
วุ่นวายแท้ในเมือง    มากมายเรื่องล้วนแย่งชิง

     การบ้านแลการเมือง     ไม่รู้เรื่องปวดหัวจริง
บ้านข้าไม่ต้องชิง    ไม่ต้องแย่งแข่งกับใคร

     ข้าจึงรักบ้านข้า     สุขอุราชื่นฉ่ำใจ
ทุกวันสุขฤทัย     จะหาไหนเหมือนบ้านเรา				
5 มิถุนายน 2551 05:14 น.

...... เทพแห่งความระทม

นรศิริ

เทพแห่งความระทม

อยู่กับความอนธการมานานช้า
อยู่กับบ่อน้ำตามานานโข
อยู่กับความชอกช้ำจนผอมโซ
และอยู่กับความโศ กาเป็นอาจิณ

เพื่อนนั้นหรือคือน้ำตากับความเศร้า
อีกทั้งความหงอยเหงาที่ใจไม่ถวิล
จมในโลกมืดมนหม่นชีวิน
โลกโสภิณอยู่ไหนไม่นำพา

จะต้องรออีกนานไหมไร้ขมขื่น
อีกกี่กาลจึ่งจะชื่นใจหรรษา
อีกกี่ภพจึงจะจบเจ้าน้ำตา
ยังจะทรมานานเท่าใด

เหนื่อยกับความเป้นอยู่สู้ชีวิต
เหน็ดเหนื่อยกับความคิดที่สั่นไหว
เหนื่อยกับการอยู่อย่างไร้ใจ
เหนื่อยกับการร้าวใจทุกข์ระทม

อยากอยู่กับโลกฝันอันแสนชื่น
ไม่อยากตื่นมาพบใดให้ขื่นขม
อยากจะหลีกลาล้างห่างโศกตรม
อยากจะล้มหลับฝันนิรันดร				
4 มิถุนายน 2551 20:50 น.

แน่แท้....นิจจัง

นรศิริ

แน่แท้.นิจจัง

ความตายตามติดแท้     ทุกครา  จริงเฮย
จะเหินสู่เวหา     ห่อนได้
ฤาจักลงคงคา     ใครห่อน  หลบหลีก
ใครจักอาจร่ำไห้     หลีกเว้น  วอนขอ

เกิดมาตายแน่แท้     ทุกคน
จะมั่งมียากจน     ด่าวดิ้น
สรรพสิ่งย่อมเวียนวน     วัฏจักร  ตายแฮ
บำเพ็ญพรตจึ่งสิ้น     สุดล้อ   กงเกวียน     

ใครหากเกิดก่อต้อง     รับกรรม
ดีชั่วเพียงตัวทำ      เท่านั้น     
ทำดีเกิดดีนำ     เสริมส่ง  ความดี
ความเลวหากแต่งปั้น     ส่งให้  ครองกรรม

ก่อนดับสูญชีพม้วย      มรณา
จงหมั่นทำบุญสา     รพัดสร้าง
หมั่นสวดมนต์ภาวนา    ทุกเมื่อ
ผลดีดั่งนราสมุทรกว้าง     ส่งให้  ไปดี


ขอความกรุณาท่านใดก็ไดช่วยแนะนำวิการลงรูปภาพและแหล่งที่มาของรูปภาพให้ด้วยนะคะส่งเมล์เลยค่ะ  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ				
3 มิถุนายน 2551 20:27 น.

.....เมื่อฉันมีค่าไม่พอ

นรศิริ

เมื่อฉันมีค่าไม่พอ
ทนอยู่ไปทำไมเมื่อไร้ค่า
เมื่อสิ้นวาสนาหมาเมินหมาง
แสนตื้อตันรันทดหมดหนทาง
จึ่งอ้างว้างหว่างชีวีที่ทุกข์ตรม

ในชาตินี้มากล้นท้นโศกเศร้า
คงกรรมเก่าเข้าทับจนสับสน
ที่เคยรักลาร้างห่างกมล
จึงจำอยู่อย่างคนไร้หัวใจ

มีชีวิตหากไร้สิทธิ์ในชีวา
จมในบ่อน้ำตาจนอุรานั้นสั่นไหว
สิ้นแล้วหวังพังทุกสิ่งทิ้งห่างไกล
เหลือเพียงลมหายใจรวยระริน

แม้นไม่เหลืออะไรในวันนี้
ยังพอมีพลังใจไว้ถวิล
จะฟันฝ่าอุปสรรคปักชีวิน
จะลืมสิ้นทุกสิ่งขว้างทิ้งไกล				
3 มิถุนายน 2551 05:37 น.

ปารมี ๓๐ ทัส

นรศิริ

ปารมี๓๐ทัส
เมื่อกิเลสตัณหาเข้ามาหนุน
หนทางบุญจึงหนีหายไกลห่างเหิน
อย่ามัวหลงเอาตัวใจไปเผชิญ
พลาดถลำจะลงเดินอเวจี

สัตว์โลกเป็นตามกรรมพระธรรมซึ้ง
ประการหนึ่งพึงทำให้ใจผ่องสี
สร้างกุศลผลบุญทานบารมี
อุเบกขาขันตีมาหนุนนำ

อนิจจาโลกวันนี้มีเรื่องวุ่น
ศีลธรรมค้ำจุนไว้ไม่ถลำ
อีกเมตตาการุณคุณธรรม
อธิษฐานสัจธรรมแสนเลิศคุณ

วิริยะปัญญามาเสริมส่ง
เนกขัมมะยืนยงมาช่วยหนุน
ชำระกายชำนะใจกันเถิดคุณ
ทศปารมีหนุนสู่นิพพาน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนรศิริ