20 มิถุนายน 2551 20:13 น.

อิสานบ้านเฮา

นรศิริ

บุราณกาลบ้านเฮา

     เสียงวิหคกังวานหวานวะแว่ว
เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วอรุณใส
แสงสีทองเบิกฟ้านภาลัย
สุขหัวใจเหลือล้นคนบ้านนา

     ทุกชีวีสับสนอลหม่าน
บ้างหุงหาอาหารจัดสรรหา
บ้างจูงควายแบกไถไปลับตา
ทุกชีวาเบิกบานสราญใจ

      ชีวิตคนบ้านทุ่งมุ่งในศีล
มิเคยโกงเคยกินถิ่นอาศัย
มิเคยกลั่นเคยแกล้งเสียดแทงใคร
มีเพียงใจบริสุทธิ์ยุติธรรม

      ถ้วนทุกที่ล้วนมีญาติพี่น้อง
เราปรองดองรักกันนั้นแน่นหนำ
ยึดมั่นในพุทธศาสน์ศีลธรรม
ไม่ถลำทำชั่วมั่วกามา

     ไม่เคยเบียดเบียนใครใจสะอาด
ไม่เคยขาดความดีที่ใฝ่หา
คุณธรรมทำดีทุกเวลา
ทุกอุราสดใสไร้มลทิน

     สังคมเราเจือจุนหนุนนำสุข
คราใครทุกข์ร้อนใจให้ถวิล
เป็นแรงใจเกื้อกูลกันเป็นอาจิณ
ทั่วทุกถิ่นเรามีรักสามัคคี

     มีปู่ย่าตายายอ้ายน้องข้า
ทั้งน้าอาหลานลูกได้สุขขี
ทุกคนมีสุขล้นท้นชีวี
ไม่เคยมีแย่งฆ่าราวีกัน				
20 มิถุนายน 2551 00:07 น.

สัญญาใจ (วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)

นรศิริ

สัญญาใจ(วิชชุมมาลาฉันท์  ๘)
กราบลาพี่น้อง    พวกพ้องดงดอย
สูเจ้าจงคอย   ข้าคืนบ้านเฮา
ไม่นานดอกหนา   คืนมาสู่เหย้า
น้ำพริกปลาเจ่า   ข้าเคยได้กิน

ยังจำยังจด   ถึงรสผักจอ
เฝ้าฝันคอยรอ   เวลาคืนถิ่น
ฝังใจไม่จาง   คราห่างแดนดิน
หัวใจโบยบิน   สู่ด้าวแดนไกล

จากมาแสนนาน   สำราญไหมหนอ
คิดถึงหยอกล้อ   เคลียคลอทรามวัย
เดินดุ่มขึ้นเขา   หมู่เฮาสดใส
ไม่มีขุ่นใจ   สรวลเสเฮฮา

ถึงอยู่แสนไกล   ส่งใจไปถึง
ยังจำคำซึ้ง   ไม่ลืมสัญญา
เมื่อโอกาสมี   เร็วรี่ไปหา
อยู่ร่วมขวัญตา   ตราบสิ้นวันวาย				
18 มิถุนายน 2551 20:34 น.

ทางพ้นทุกข์

นรศิริ

ทางพ้นทุกข์
    คนบางคนมากล้นท้นสุขสันต์
บางคนนั้นเกิดมารับกับสับสน
ใช่ว่าใครจะซื้อหามาครองชม
หากสร้างบ่มเอาไว้ในก่อนกาล

     ตัวเราผู้ยึดครองผองความเศร้า
คงสร้างเอากรรมไว้มหาศาล
ชาตินี้จึงโศกเศร้าเคล้าซมซาน
ทรมานปวดเหน็บเจ็บอุรา

     มาบัดนี้จึงหมั่นสร้างทางพ้นทุกข์
สละสุขทุกสิ่งเพื่อศาสนา
พรหมวิหารทานศีลภาวนา
รักษ์จิตกายาให้งดงาม

     เป็นทางเลือกทางทองของชีวิต
ประเสริฐสิทธิ์ลิดรอนทอนขวากหนาม
ปฏิบัติปริยัติวัตรทุกยาม
ถือยึดตามพุทธองค์ผู้ทรงธรรม์

     จากที่เคยทุกข์โศกวิโยคร้อน
จากที่เคยบั่นทอนในสุขสันต์
อิสระบานใจในสุข ณ ทุกวัน
อิ่มเอิบในรสธรรม์มิเว้นวาย

     เมื่อไม่รับเอาทุกข์หรือสุขไว้
สิ่งกระทบใดใดไร้ความหมาย
ทั้งกิเลสตัณหาอย่าหวังกราย
ทุกข์โศกหายมลายสิ้นให้ยินดี				
17 มิถุนายน 2551 05:35 น.

เสียงครวญจากตาหรุ่ง (กลบทของกวี)

นรศิริ

เสียงครวญจากตาหรุ่ง
น้ำฝนหล่นจากฟ้า     หยาดหยดมาให้ชุ่มฉ่ำ
ชาวนาได้ปักดำ     ชื่นฉ่ำใจไปทุกคน

ตาหรุ่งไม่รอช้า     มุ่งสู่นาที่ทำทน
ไม่มีเสาร์อาทิตย์     วันหยุดปิดไม่เห็นหน

ทำชั่วบรรพชน     กระทั่งจนแกชรา
ปีนี้ข้าวงามนัก     ข้าคงจักได้ขายค้า

ขายข้าวได้ราคา     ข้าจะซื้อทีวีดู
ฝนแล้งแห้งแผ่นดิน     ข้าวตายสิ้นแสนอดสู

ไม่มีทีวีดู     ควายบักตู้ก็มาตาย
ข้าวข้าเคยเขียวสด     แดงแห้งหมดน่าใจหาย

ผู้แทนครับเจ้านาย    สัญญาไว้ลืมหรือยัง
ตอนท่านมาหาเสียง     ส่งสำเนียงมีมนต์ขลัง

ถ้าได้เข้าไปนั่ง    ในสภาจะพูดแทน
ฝนแล้งฤาน้ำท่วม     ใช่กำกวมช่วยหลายแสน

เพราะผมคือผู้แทน     ลำบากแสนก็จะทำ
บัดนี้นาข้าแล้ง     ใจข้าแห้งมืดมิดดำ

ไม่เหลือข้าวกอบกำ     ข้าจึงจำต้องขอนาย
หลายครั้งอีกหลายครา     ที่พวกข้าต่างมุ่งหมาย

คอยจนหลายคนตาย     เพราะป่วยไข้ไม่มีเงิน(รักษา)
พวกท่านอยู่ในเมือง     ใยรู้เรื่องเราขัดเขิน

มัวแต่หลงเพลิดเพลิน     กิเลสชั่วลืมตัวตน
ข้าวขาวที่ท่านกิน     เราทั้งสิ้นที่ทุกข์ทน				
15 มิถุนายน 2551 21:40 น.

ชีวิตของไอ้น้อย

นรศิริ

ไอ้ลูกเวรตะไลไยไม่ตื่น
ตอนกลางคืนมึงเที่ยวเถลไถล
ไอ้อัปรีย์สารพัดจัดจัญไร
มึงทำไมมาเกิดเป็นลูกกู

     ยินเสียงแม่ด่าบ่นกร่นแต่เช้า
พ่อสร่างเมารี่ถลามาดึงหู
ไอ้ลูกชั่วไม่น่าเกิดเป็นลูก
แสนอดสูน่าสงสารเด็กบ้านนั้น

     จากหงอยเหงาเศร้าสร้อยไอ้น้อยเปลี่ยน
จากโรงเรียนสู่กัญชาพาสุขสันต์
มีมากมายเพื่อนหนุ่มสาวเข้าใจกัน
โลกส่วนตัวเรานั้นสุขสันต์จริง

     จากกลับบ้านทุกวันไม่เว้นว่าง
ไอ้น้อยห่างลาไกลไปทุกสิ่ง
ลืมพ่อแม่พี่น้องห้องพักพิง
ไปสู่สิ่งใหม่ใหม่ด้วยใจจินต์

     ยิ่งนับวันไอ้น้อยยิ่งลุ่มหลง
จากผู้เสพเป็นผู้ส่งทุกถ้วนถิ่น
จากไอ้น้อยเดินดินเป็นมาเฟีย
จากต่ำเตี้ยเป็นอาเสี่ยนั่งรถงาม

     จากค้าย่อยเติบใหญ่ไปผลิต
เปลี่ยนชีวิตจากจนรวยล้นหลาม
แล้ววันหนึ่งมัจจุราชก็มาตาม
สิ้นสุดความพันผูกด้วยลูกปืน


ต้องกราบขออภัยด้วยนะคะใช้คำไม่สุภาพบางคำ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนรศิริ