18 พฤษภาคม 2551 19:55 น.
นรศิริ
น้ำตา+(บวก) ค่าแรง
น้ำตาข้าหลั่งริน
ถูกเขากินโกงค่าแรง
มือข้าแตกระแหง
ข้าหมดแรงสิทานทน
ค่าแรงสองเดือนจ่าย
ซ้ำเจ้านายหักอีกหน
กล้ำกลืนแลฝืนทน
เพราะข้าจนจึงจำใจ
ทำงานหนักทั้งวัน
ไม่ขยันมึงออกไป
กูหาคนงานใหม่
พวกจัญไรห้ามหยุดพัก
กินข้าวครึ่งชั่วโมง
ใครอยู่โยงเพิ่มงานหนัก
วันหยุดเพื่อนเขาพัก
มึงต้องจักมาทำงาน
ค่าแรงช่างมากมาย
กำหนดจ่ายหลายสถาน
คนในแสนชื่นบาน
ค่าแรงงานร้อยยี่สิบ
คนนอกอย่างพวกข้า
นายจ่ายมาเสียแพงลิบ
ค่าเหนื่อยวันหกสิบ
ยังต้องติ้ปนายอีกที
น้ำตาข้าไหลหยด
แรงใจหมดถดถอยหนี
ทุกข์ทมขมชีวี
อีกกี่ปีพ้นทุกข์ตรม
+++++ ต้องกราบขออภัยท่านผู้เข้าชมด้วยนะคะที่ใช้คำไม่สุภาพ เช่น กู มึง ข้า
ข้า เนื่องจากว่าเขียนจากเรื่องจริง และสภาพจริงที่ดิฉันได้ไปรู้เห็นมา
ในช่วงที่ไปปลีกวิเวก เป็นเวลา นาน ทำให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจในสังคมมนุษย์อะไรจะปานนั้น สงสารพวกเขาเหลือเกิน ก็คิดหาทางช่วยพวกเขาซึ่งจนยากที่สุด พืชแทบทุกชนิดเขานำมาประกอบอาหารได้แหละ ส่วนโปรตีนไม่ต้องเอ่ย
ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรค่ะ
17 พฤษภาคม 2551 16:00 น.
นรศิริ
บ้านป่าหฤหรรษ์
จิ้งหรีดหรีดเรไรในยามค่ำ
วัวควายย่ำเหยียบย่างกลางถนน
ตามทางเกวียนลากเกวียนเดินเวียนวน
ทั่วทุ่งท้องมณฑลอนธการ
แบกไถคราดเดินมุ่งจากทุ่งข้าว
เหม่อมองดาวพราวพรายรายสถาน
ดับทิวาอีกวันอันยาวนาน
แว่วเสียงกู่ร้องขานจากบ้านเรือน
หลากสำเนียงพรูพรั่นกันเจื่อยแจ้ว
ควันไฟฟุ้งทุ่งแถวแนวเสมือน
ผ่านม่านควันเห็นหน้ามาเลือนเลือน
เห็นดาวเดือนดื่นดาเวลานี้
คลื่นสายลมพัดผ่านพากาลเปลี่ยน
โลกหมุนเวียนเปลี่ยนว่ายควายเป็นผี
วัฒนธรรมถิ่นไทยใจอารี
คือสักขีศักดินาคุณค่าไทย
16 พฤษภาคม 2551 21:03 น.
นรศิริ
วันแห่งความเสมอภาค(วิสาขบูชา)
คือวันทอดเชื่อมทางหว่างชนชั้น
จากกำแพงกางกั้นความต่ำสูง
จากที่เคยโดดเด่นเช่นนกยูง
จากฝูงหงส์ลงมาเป็นกาดำ
ชนชั้นต่ำถูกย่ำเหยียบจมพื้น
ไร้แรงขืนแรงขัดรัดแน่นหนำ
ประเพณีขีดเส้นเป็นขาวดำ
จึ่งจัณฑาลต่ำติดจมมิดดิน
พุทธองค์ทรงกำหนดบทบัญญัติ
ทรงขจัดช่องว่างห่างหายสิ้น
มิให้มีสูงมีต่ำ ล้ำแผ่นดิน
คุณค่าสิ้นเท่ากันในวันวาย
เป็นวันที่ชี้ชัดวัฏสงสาร
ก่อเกิดการแตกดับลับสลาย
ทุกขัง อนิจจัง วังวนวาย
ตายเท่านั้นเที่ยงแท้และแน่นอน
วันวิสาข์เวียนมาจบครบอีกหน
สาธุชนตระหนักคำท่านพร่ำสอน
สมาธิปฏิบัติปัดนิวรณ์
ไม่เดือดร้อนกาย จิต นิจนิรันดร์
14 พฤษภาคม 2551 21:37 น.
นรศิริ
ไม่อาจทนได้
ไม่อยากเห็นเธอเช่นที่เป็นอยู่
ไม่อยากรู้เธอสะอื้นเธอขื่นขม
ไม่อยากรับรู้ว่าเธอโศกตรม
ไม่อาจทนความระทมที่เธอครอง
แม้นมีมนต์ดลได้ในทุกข์อย่าง
จะขอกางกั้นให้ภัยทั้งผอง
แม้ขื่นขมตรมอุราน้ำตานอง
ก็จะครองระทมแสนนั้นแทนเธอ
ทนไม่ได้ที่จะเห็นเป็นเช่นนั้น
แววไหวหวั่นพรั่นในภัยเสมอ
ขอเคียงอยู่คู่ขวัญฝันละเมอ
จะไม่ห่างร้างเธอแม้นาที
ไม่อยากเห็นเธอเป็นเช่นเก่าก่อน
จะไม่ซ้อนดวงใจไม่หน่ายหนี
ด้วยรักเธอมากล้นท้นฤดี
ใจดวงนี้มีเพียงขวัญนิรันดร์กาล
13 พฤษภาคม 2551 20:28 น.
นรศิริ
ชาวนา
ชาวนาคือผู้ให้
ชีวาวัยคนทั้งผอง
เหน็ดเหนื่อยน้ำตานอง
ไม่เบื่อบ่นทนทำไป
ชาวนาทนทำนา
ข้าวราคาตกต่ำไซร้
หวังว่าฟ้าคงใส
ขายข้าวได้มาหลายแดง
ชาวนาทนรับกรรม
แสนชอกช้ำยาปุ๋ยแพง
หนำซ้ำฝนมาแล้ง
แตกระแหงปฐพี
ชาวนาแสนทดท้อ
เหนื่อยจริงหนอช่วยข้าที
ค่าเช่ายังไม่มี
อกข้านี้แสนทุกข์ทน
ชาวนาก้มกราบกราน
นายท่านจ๋าอย่ากังวน
ปีหน้าข้าจะขน
ใส่รถยนต์มาเหลือเฟือ
นายทุนเท้ายันหน้า
ไอ้ขี้ข้ากูแสนเบื่อ
เหม็นหน้าระอาเหลือ
ปีหน้าเมื่อกูต้องมา
ชาวนาก้มกราบรับ
เชิญท่านกลับไปเถิดหนา
จูงควายลงทุ่งนา
อนิจจาน้ำไม่มี
ชาวนาก้มกราบไหว้
วอนเทพไท้ทุกถิ่นที่
ขอฝนตกมาที
นาข้านี้มีน้ำนอง