21 ธันวาคม 2551 06:19 น.

อยู่อย่างไร้หัวใจ

นรศิริ

อยู่อย่างไร้หัวใจ
หยาดอรุณอุ่นหล้ามาอีกหน
ชีวิตคนแท้ท้อยังรอหวัง
ตาวันอาจพาโชคดีมีพลัง
มอบมายังคนไร้ขวัญจวนลับลา

หวังฉันหวังหวังว่าสักวันหนึ่ง
ถึงวันซึ่งชีวันนั้นฝันหา
มรสุมที่ชีวิตลิขิตมา
ได้ฟันฝ่าพ้นผ่านร้าวรานใจ

ความเจ็บปวดทุกวันฉันได้รู้
ความเป็นอยู่ทุกวันพาหวั่นไหว
ไม่เหลือแล้วร่องรอยความอาลัย
ไร้ซึ่งแววยิ้มใสจากใจจริง

เหลือแต่รอยเกลียดชังที่ฝังลึก
ไร้ร่องรอยความรู้สึกเคยรักยิ่ง
ลืมความหลังครั้งเคยเราแอบอิง
เกินประวิงอาไว้สายสัมพันธ์

ขอเธอจงโชคดีชีวิตใหม่
ขอดวงใจจงมีรักสลักมั่น
ให้ครองรักยั่งยืนชื่นนิรันดร์
สำหรับฉันจะอยู่อย่างไร้หัวใจ				
14 ธันวาคม 2551 06:41 น.

พระคุณ

นรศิริ

ดุจโพธิ์แผ่กิ่งก้าน                   สาขา  คลุมนอ
สูงใหญ่ใบบังพา                     อุ่นเอื้อ
ภัยพาลบ่มีมา                         สิงสู่   ใดเลย
อเนกกูลก่อเกื้อ                     สุขได้นานา

อนันต์คุณค่าล้น                    รำพัน
ทุกพี่มีเทียมกัน                     ห่มให้
คราเข็ญขลุกทุกข์ใดนั้น         ชูช่วย    บรรเทา
ยามยากจนหม่นไหม้             แน่แท้  เยียวยา

คราพี่มีทุกข์ท้น                     ดูแล  พี่เอย
วัยพี่พ้องผันแปร                  ป่วยไข้
ดนูทดแทนท่านแท้              คุณค่า  พระคุณ
ใดฤาจักเทียบได้                 มากล้น  การุณย์

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้ม              ภัยพาล   พี่นอ
ทุกถิ่นเทพสถาน                 ส่งให้
เสพสุขสรรพสิ่งกาลนาน       คงคู่  ฟ้าดิน
วันวารแปรเปลี่ยนไซร้       แต่ข้า     บูชา



ถ้าผิดตกบกพร่องต้องขออภัยด้วยนะคะเพราะพึ่งจะหัดเขียนโคลง  เจ้าลูกชายเคี่ยวเข็ญให้หัดเขียน  เขาบอกมันง่ายก็เขาพูดปากเปล่าได้เนาะ  สำหรับข้าพเจ้ายากมากค่ะแต่จะพยายามให้ถึงที่สุดค่ะ  ทนอ่านหน่อยแล้วกันนะคะ				
12 ธันวาคม 2551 05:30 น.

ทรมาน

นรศิริ

ทรมาน
ลมหนาวพัดสะบัดปลิวละลิ่วล่อง
แสนเป็นห่วงพี่น้องที่เหน็บหนาว
ลมกรรโชกโกรกถั่งมาทุกคราว
คงเหน็บร้าวปานว่าจะขาดใจ

ละอองหมอกพรมชื้นสะอื้นอ้อน
หนูน้อยนอนสั่นเทาทั้งร้องไห้
ยิ่งดึกดื่นค่ำคืนหนาวเหน็บใน
ดุ้นฟืนใหญ่มอดดำคล้ำคลุ้งควัน

ผ้าผวยน้อยผืนนั้นผูกแบ่งส่วน
ห่มเนื้อนวลสองราพาหลับฝัน
แม่โอบกอดสองไว้แนบชีวัน
บิดานั้นเฝ้าเติมฟืนพัดวีไฟ

ค่ำคืนความเหน็บหนาวนี้ยาวนัก
พ่อเฒ่านอนสำลักน้ำตาไหล
กระหอบหืดโอนเอนด้วยแรงไอ
หนูน้อยจ้าร้องไห้ไปด้วยกัน

ไก่ป่าส่งเสียงขันมาเจื้อยแจ้ว
อรุณรุ่งอีกแล้วแดนสวรรค์
สรรพสิ่งบรรเลงเพลงชีวัน
หฤหรรษ์หฤโหดล้วนมากมี

แสงตาวันวันนี้มืดมัวหม่น
เปรียบชีวิตคนจนมากหมองศรี
ยิ่งติดดินน้ำใจยิ่งมากมี
ต่างกับรวยล้นที่ไร้น้ำใจ				
11 ธันวาคม 2551 05:30 น.

เด็กหญิงโหยด....ตอนอวสาน

นรศิริ

เด็กหญิงโหยดตอน  ๒

เช้าวันหนึ่งซึ้งในน้ำใจนัก
โหยดลูกรักวิ่งแจ้นมาหน้าตั้ง
วันนี้หนูมีส้มกินอร่อยจัง
แล้วหนูยังเอามาฝากคุณครู

โหยดยื่นมือถือส้มส่งมาให้
ครูแทบน้ำตาไหลซึ้งใจหนู
รีบยื่นมือรับไว้ใจหดหู่
แสนอดสูร้าวรานสะท้าฤดี

ใครให้ส้มเจามานะลูกฮัก
เจ้าไปลักขโมยใครมาหรือนี่
ครูขาหนูได้มาจากยายชี
ฝากกับรถลุงสีให้หนูเอง

ครูขอบใจส่งส้มคืนให้โหยด
คุณครูขากินโลดมีเป็นเข่ง
เธอยิ้มสุขทั้งหัวเราะครื้นเครง
แค่ครูเองห้อยละเหี่ยเพลียหัวใจ

ยายเจ้าไปบวชชีในเมืองนั้น
เจ้าจอมขวัญหนูนอนกับใครไหน
นอนคนเดียวไม่เห็นจะเป็นไร
คราเจ้าเจ็บป่วยไข้ใครเยียวยา

วันหนึ่ง
โหยดวิ่งมาครูขาแม่มารับ
หนูจะไปอยู่กับแม่หนูข้า
โหยดจึงต้องจากไปพร้อมมารดา
จวบหลายปีผ่านมาไร้ข่าวคราว



หมู่บ้านของโหยดเป็นหมู่บ้านสีแดงค่ะจึงมีปัญหามากมาย  เด็กส่วนใหญ่จะมีปัญหาครอบครัวแต่รายของโหยดนักที่สุดตามที่ดิฉันไปสัมผัสมาเพราะไปเยี่ยมทุกหลังคาเรือนและเข้าหมู่บ้านประจำค่ะเวลาเด็กเจ็บป่วยพาปโรงพยาบาลแล้วก็นำส่งผู้ปกครอง  ดิฉันไม่ใช่ครูพยาบาลแต่ทำด้วยความสงสารเด็ก  ส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายายซึ่งแก่แล้วพ่อแม่เด็กไปรับจ้างต่างจังหวัด   บางทีเด็กไม่ได้ทานข้าวเช้าหิวโหยและปวดท้องต้องควักกระเป๋าซื้อให้ค่ะสงสารพวกเขามากเหลือเกินค่ะ  ยิ่งครอบครัวของโหยดไม่สมประกอบตั้งแต่ยายจนถึงโหยด    พ่อแม่โหยดยังอายุน้อยแต่มีลูกสามคน   ทิ้งให้ยายเลี้ยง ยายแก่มากแล้วทำงานรับจ้างไม่ไหวจึงไปบวชชีเพื่อเอาข้าวปลาอาหารที่เหลือฝากรถโดยสารมาให้หลาน   เพื่อนๆบอกว่าพ่อแม่โหยดพาไปขอทานที่กรุงเทพฯค่ะ  หลายปีแล้วไม่ได้ข่าวคราวเลย   คิดถึงโหยดก็เลยนำกลอนมาลงค่ะ				
9 ธันวาคม 2551 06:19 น.

เด็กหญิงโหยด

นรศิริ

เด็กหญิงโหยด

เด็กหญิงโหยดใครมองว่าเธอบ้า
อนิจจาน่าสงสารจริงเจียวหนอ
อยู่กับยายแม่พ่อไม่พะนอ
ยายเที่ยวขอทานเลี้ยงเสี่ยงชีวัน

ไร้เสื้อผ้าอาหารรานชีวิต
ญาติมิตรดูแลแม่จอมขวัญ
โหยดจึงอยู่กับยายดูแลกัน
สองชีวันพันธ์ผูกทุกโมงยาม

ลูกของยายต้องมาตายวายชีวาตย์
แสนอนาถผูกศอตอนตีสาม
ก็เพราะเสพยาบ้าที่ช้าทราม
ต้นมะขามจึงถูกใช้เป็นเรือนตาย

ยายยิ่งเหมือนคนบ้าชะตาขาด
ความเจ็บปวดยิ่งบาดใจสลาย
น้ำตารินไหลหลั่งพร่างพราย
ด้วยว่าสายใจนั้นมาหลุดลอย

ยายจึงมุ่งสู่ทางสว่างแพร้ว
รัตนดวงแก้วที่สุดสอย
ทิ้งโหยดอยู่เอกาตั้งตาคอย
ตะวันคล้อยจึงรู้ว่ายายบวชชี

ทั้งครูเพื่อนรังเกียจโหยดกันหมด
แสนกำสรดดวงใจไหม้หมองศรี
สกปรกโสโครกขโมยดี
ของใครหายอยู่ที่อีโหยดมัน                   

โหยดจึงไม่มีใครที่ใฝ่ยุ่ง
ทุกคนมุ่งรังเกียจและเดียดฉันท์
ในทุกวันเราจึงต้องแบ่งปัน
ทั้งอาหารกลางวันขนมมี

โหยดไม่อยากเกิดมาเช่นเป็นอยู่
ขอใครโปรดเอ็นดูคลายหมองศรี
จงแบ่งปันความเมตตาและปรานี
ให้โหยดมีพลังสู้ชีวิต


เด็กหญิงโหยดเป็นเด็กที่น่าสงสาร  พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ยายซึ่งไม่ค่อยปกตินักเลี้ยงดูพร้อมทั้งมีพี่ชายซึ่งไม่ปกติ  ยากจนมากแต่งตัวสกปรก    แต่โหยดก็เต็มใจช่วยงานครูหากแต่ครูบางคนไม่ค่อยยอมรับเธอ  และเป็นที่รังเกียจในหมู่เพื่อน  แต่ด้วยความจนและความไม่สมดุลย์ในชีวิตเธอจึงเป็นเช่นนั้น
สำหรับข้าพเจ้านั้นสงสารเธอดูแลช่วยเหลือเสมอ  เขาไม่อยากให้ตัวเองเป็นเช่นนั้นหรอกค่ะ  โปรดเห็นใจและให้อภัยโหยดด้วย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนรศิริ