1 เมษายน 2551 21:05 น.
นรศิริ
เป็นเพียงความทรงจำให้รำลึก
ยิ่งตรองตรึกเหมือนน้ำไหลไม่หันหวน
โอ้ฟ้าชื่นนี้หนามาแปรปรวน
กับเรรวนป่วนปั่นเป็นฉันใด
วันนี้
เป็นวันที่ฟ้ามัวหมองไม่ผ่องใส
ทั้งพายุรวนเรปรวนเปรไป
สิ้นแสงทองยองใยให้ยลยิน
เสียงฟ้าก้องกรรโชกลมโกรกถั่ง
ฝนก็คลั่งคะนองกราดสาดผาหิน
ต้นตองแตบตายต้นค่อยพังภิณฑ์
เอนโอนโค่นสู่ดินเหมือนสิ้นใจ
ไม่เหลือแล้วตองแตบ ณ เก่าก่อน
ไม่อาจย้อนเวลามาดูได้
ถึงวันนี้ฟ้าหมองไม่ยองใย
แต่ยังเหลือวันใหม่ให้ยินยล
ต้นตองแตบตายโค่นกี่ต้นแล้ว
แต่ต้นหญ้ายังวอมแววทุกแห่งหน
ตราบอาทิตย์แห่งหวังยังเวียนวน
จะมีหรือที่มือคนสิ้นพลัง
จะวันนี้วันหน้าวันฟ้าใส
หากคนไม่สิ้นใจไม่ไร้หวัง
น้ำป่าโค่นต้นไม้ให้ภิณฑ์พัง
แต่ใจคนก็ยังยั้งยืนยง
1 เมษายน 2551 14:15 น.
นรศิริ
ทั้งเด็กเล็กแก่เฒ่าแลสาวหนุ่ม
ถูกครอบคลุมจิตใจจนเป็นแผล
ไม่มีศิษย์น้อยนิดแม้ดวงแด
สิ่งแน่แท้คนของรัฐเข้าจัดการ
จะทำการใดใดให้กำหนด
เวลาหมดต้องหยุดน่าสงสาร
ต้องหดหัวหดจนลนลาน
หากวิจารณ์ต้องจับปรับห้าร้อย
โชคชะตาหรือไรใครกำหนด
อธิปไตยโป้ปดเพียงถดถอย
จะกี่นายก็ช้ำยังซ้ำรอย
ตั้งตาคอยนายคนใหม่น้ำใจดี
จะต้องรอกี่ชั่วคนจึงพ้นทุกข์
ได้สมสุขสิ้นไร้ไหม้หมองศรี
อีกเมื่อไรจึงถึงยุคคนดี
อีกกี่ปีค่าคนจนจะมาเยือน
1 เมษายน 2551 14:11 น.
นรศิริ
เพียงพบพักตร์พิศเพลินเกินใจห้าม
ให้วาบหวามหวั่นไหวใจนักหนา
ยิ้มเขินเขินสะเทิ้นอายชม้ายมา
สุดพรรณนารอยยิ้มปริปริ่มใจ
เพิ่มพลังยังใจคนไกลบ้าน
โปรดประทานใจรักอย่าผลักไส
ขอให้พี่นี้สมหวังดังตั้งใจ
ขอฝากชีพชีวาลัยแทบตักนาง
1 เมษายน 2551 13:14 น.
นรศิริ
ฉันแลเห็นผืนป่า อันมีค่าแห่งพวกเรา
ใครหนอที่มาเผา เหลือแต่ซากที่หักพัง
ป่าเก่าเฮาเคยอยู่ เหลือให้ดูเป็นความหลัง
บนกากซากไหม้พัง ไม่เหลือไว้สิ่งใดเอย
บ้านเฮาอยู่ในป่า แต่นานมาไม่เห็นเลย
ไฟร้อนข้าร้อนเฮย กระหืดอฮวบจะขาดใจ
ใจขาดจิตไม่ขาด นี่คือชาติป่าพงไพร
ป่าปูนจักพูนไกล ป่าแห่งใจเริ่มทึบเทา
สัตว์ป่าเคยอยู่ป่า เฮือนของข้านี้เขาเผา
ชีพข้านี้ราเรา นี้ซวนเซซวบสิ้นใจ
31 มีนาคม 2551 23:01 น.
นรศิริ
ยลลำแสงสีทองส่องสิงขร
หมู่ภมรว่อนบินถิ่นสุขสันต์
เหล่าวิหคเคลียคลอออเซาะกัน
ตัวเรานั้นไร้คู่อยู่เอกา
เหงาสุดเหงาเหว่ว้าพาหวั่นไหว
ไกลสุดไกลอยากมีใครคอยห่วงหา
เพียงส่งความคิดถึงอาวรณ์มา
ยื้อชีวายังชีวินคนถิ่นไกล