2 เมษายน 2551 15:25 น.
นรศิริ
เจ้าของกินเศษเนื้อเหลือกระดูก
หมาและลูกต้องกินกระดูกเหลือ
เจ้าของกินอิ่มหนำจนเหลือเฟือ
หมานั้นกินเพียงเพื่อยังชีวี
เปรียบชีวิตคนบ้านป่าดังหมาแก่
เพียงแต่รอวันวายตายเป็นผี
ไม่เคยรับความสุขสมประดี
เพียงเพื่อมีชีวาไปวันวัน
มันคือข้อแตกต่างอย่างเด่นชัด
จะหมาวัดหมาราชาอย่าแปรผัน
ค่าก็เพียงหมาหนึ่งนั้นเหมือนกัน
คนเท่านั้นควรมีค่ากว่าหมาเอย
2 เมษายน 2551 15:21 น.
นรศิริ
ลายสือสัมผัสคล้อง คำหวาน
ตาบ่งสัญญาณญาณ หยั่งรู้
ไหลคำหลั่งสายธาร ธารคล่อง คำคม
จิตหยั่งจิตกู้ กล่าวถ้อย ปราศัย
ไหวคำนรรจาแก้ว กรองคำ
กวีปราชญ์เปรื่องปราชญ์นำ เนื่องรุ้ง
สรรพสิ่งโสรจจรุงธรรม มชาติเสกสรรแฮ
เห็นทั่วแวงหว่างวุ้ง หว่างแล้งแลเห็น
2 เมษายน 2551 14:53 น.
นรศิริ
ดอกพยอมหอมไกลร่วงไปแล้ว
สู่พิมานเมืองแก้วเสวยสวรรค์
สำหรับเรายอมจะอยู่คู่นิรันดร์
จะไม่มีวันพรากยอมจากใจ
คุณความดีมีซึ้งตรึงใจปัก
ค่าแห่งรักมีให้เพื่อนมิเลื่อนไหล
ยังสลักปักแน่นเต็มแผ่นใจ
แสนอาลัยสุดซึ้งตรึงในทรวง
สุดเสียดายแสนอาลัยใจจะขาด
ยอมนิราศร้างไกลใจห่วงหวง
จารึกจากดวงใจคนชื่อดวง
ระรินร่วงจากใจไม่สิ้นเรา
ดอกพะยอมหอมไกลสิ้นไปแล้ว
ดุจดวงแก้วแตกกระจายให้อับเฉา
คนข้างหลังวิปโยคโศกซบเซา
ดินฟ้าเศร้าสมุทรสลดเมื่อหมดยอม
ด้วยความอาลัยรักจากคนชื่อดวง
2 เมษายน 2551 14:47 น.
นรศิริ
กี่ปีที่ผันผ่าน ยังทนทานเป็นทาสเขา
ยังเป็นผู้อ่อนเยาว์ ให้เหยียบย่ำตามบัญชา
ความมืดจะไม่หยุด หากไม่จุดตะเกียงหนา
เมฆบังดวงจันทรา จักยลแสงอย่างไรกัน
จงก้าวเจ้าจงย่าง นี่คือทางจักผละผัน
ทางนี้ที่ประจัญ ประจญสร้างทุกทางทอง
หลากทางหลายทางเลือก หนึ่งทางเกลือกทางกลั้วหมอง
สองนั้นทางครรลอง ทางกดขี่เก่าก่อนมา
ทางสามคือทางสู้ ให้โลกรู้ศักดินา
สตรีคุณจัญรูญมา จำรัสเพริดกำเนิดคน
ธนาการก็ใกล้หลุด จงเร่งฉุดอย่าทานทน
เหล็กกล้าจะเกิดผล เมื่อตีไว้เพื่อใช้งาน
กวีวงศ์
2 เมษายน 2551 14:45 น.
นรศิริ
ดอกบัวบานบ้านป่าพาใจฝัน
รับตะวันวันใหม่สดใสเหลือ
ไร้จริตจริยามาปนเปือ
ช่างงามเหลือเมื่อชม้ายมองมา
ไม่เคยบูดไม่เคยบึ้งมืนตึงให้
ยิ้มละไมแสนละมุลอุ่นนักหนา
เพียงคิดถึงยังซึ้งตรึงอุรา
พี่คงบ้าถ้าวันใดไม่ได้เจอ
คำทักทายถามไถ่จากใจซื่อ
ซึ่งก็คือมีห่วงใยให้เสมอ
คือทุกสิ่งจริงใจพี่ได้เจอ
ใช่พล่ามเพ้อหากจริงจังจากขั้วใจ
คือเสน่ห์ความงามคนบ้านป่า
ซึ้งอุราเย้ายวนชวนหลงใหล
มิเคยคิดเคลือบแคลงแฝงเลศนัย
หากจิตใจพิศุทธิ์ดุจเพชรพราว
เธอคือเพชรน้ำหนึ่งของที่นี่
คือมณีทองไทยน้ำใจสาว
เนตรสดใสดุจเดือนเพ็ญที่เด่นพราว
กังวานราวกังสดาลหวานเสียงนวล
ไร้ที่จะเปรียบประดุจสุดเอ่ยอ้าง
งามทุกอย่างเพริศพริ้งเจ้ามิ่งขวัญ
นางเป็นหนึ่งซึ้งใจให้คร่ำครวญ
แสนรัญจวนหัวใจใฝ่คะนึง
ดอกบัวบานดอกนี้มีค่าเหลือ
ทุกคราเมื่อห่างไกลให้คิดถึง
ห่างเพียงกายหากอุรายังตราตรึง
ยังแอบซึ้งซึ้งใจไม่ลืมเลือน
นรสิริ
แสนคิดถึง
ภาพความหลังยังซึ้งตรึงใจนัก
ยังสลักปักทรวงยังห่วงหา
เคยเคล้าคลอเคียงคู่มิคลาดคลา
แต่ต้องมาลาล้างห่างกันไกล
อนิจจาเวลานี้ไม่มีเจ้า
เหงาสุดเหงาเหว่ว้าน้ำตาไหล
ทั้งโรคซ้ำกรรมกดสลดใจ
ดุจนกไร้เรือนรักให้พักพิง