4 เมษายน 2551 21:07 น.

เฉลิม 53 ชันษา สมเด็จพระเทพรัตนสุดาสยามบรมราชกุมารี

นรศิริ

53 ชันษาแพร้ว      พรรณราย
บุญยิ่งพราวพราย       เพริดพริ้ง
กี่แสนกี่โกฏิจักกลาย     ก่อเทียบ  ได้ฤา
พระตบะพระเดชหยิ้ง      ใหญ่แท้ทูลถวาย

               ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
                                   
          ข้าฯพระพุทธเจ้านางดวงเนตร  ภูแต้มนิล				
3 เมษายน 2551 13:33 น.

คืนทรมาน

นรศิริ

โอ้ดึกดื่นคืนแรมไม่แจ่มฟ้า
เหมือนชีวาของคนที่หม่นหมอง
โดดเดี่ยวเดียวดายไร้หมายปอง
น้ำตาองเปื้อนปนบนแก้วนวล
เสียงหริ่งหรีดขับขานสะท้านทุ่ง
เหลือบริ้นยุงตอมไต่ปนไห้หวน
ลมหายใจแผ่วผ่าวร้าวรัญจวน
เซซังซวนล้มพับทับแผ่นดิน
ภาพอดีตกรีดดวงแดเป็นแผลลึก
มันผนึกฝังแน่นดังแผ่นหิน
เคยพนอล้อเล่นเป็นอาจิณ
ให้ถวิลโหยหาใจอาวรณ์
เขาจะรู้ไหมหนอใครรออยู่
คอยเคียงคู่มิ่งขวัญจันทร์สมร
ฝากสายลมเดือนดาวไปเว้าวอน
พาบังอรคืนมาข้านี้คอย				
3 เมษายน 2551 13:30 น.

คนลวง

นรศิริ

อยากรู้นักเธอรักใครจริงใจบ้าง
คอยแต่สร้างตรอมตรมขมให้เขา
ออดกระเซาะฉอเลาะพะนอเน้า
แล้วทิ้งเขาขว้างไปไม่ใยดี
คนอย่างเธอเผลอรักจักชอกช้ำ
สุดระกำทรวงในไหม้หมองศรี
สบแต่สิ่งรวดร้าวเศร้าชีวี
ต่อแต่นี้ไม่มีใจมอบให้ครอง
ขอกรวดน้ำคว่ำขันในวันนี้
จะไม่ร่วมรวมชีวีมีเราสอง
ฉันเสียดายเคยมอบใจให้เธอครอง
อกจึงต้องช้ำนักรักคนลวง
อยากรู้นักใยรักเธอไม่แน่
ดูปรวนแปรเปลี่ยนไปไร้ห่วงหวง
ฤาหัวใจมีไว้เพียงใช้ลวง
อยากผ่าทรวงแร่เนื้อโรยเกลือทา				
3 เมษายน 2551 13:28 น.

มิรู้คลาย

นรศิริ

ฉันลืมเธอไม่ได้ในชีวิต
แม้ไร้สิทธิ์ทวงถามความเก่าก่อน
ห้ามรักได้แต่สุดห้ามความอาวรณ์
ทนเป็นผู้ร้าวรอนเสมอมา
สักวันหนึ่งเธอจะซึ้งถึงคุณค่า
กับคำว่ารักเธอเพ้อห่วงหา
คงเจ็บแสบปวดแปลบชา
หากรู้ว่าฉันสุดรักภักดิ์ใดปาน
ใช่สินะวันนี้เธอมีอื่น
ขอเธอชื่นสมรักสมัครสมาน
ฉันจะรอวันเธอซึ้งและซมซาน
ฉันจะรอพยาบาลหัวใจเธอ
ฉันลืมเธอไม่ได้ในวันนี้
ด้วยยังรักภักดีเธอเสมอ
แม้นรู้ว่าต้องช้ำนักเพราะรักเธอ
ใจยังเพ้อรักเธออยู่ไม่รู้คลาย				
3 เมษายน 2551 13:23 น.

เหลือเพียงใจที่ไหม้เกรียม

นรศิริ

กระเสือกสนดิ้นรนระคนเศร้า
ทิ้งถิ่นเก่าเหย้ารักพักอาศัย
เพียงเสื้อผ้าห่อกายาพานำไป
อุ้มลูกน้อยกลอยใจทั้งวิ่งเดิน
สามชีวาฝ่าดงดอยทั้งน้อยใหญ่
รื่นไถลในพงรกระหกระเหิน
เจ็ดวันวิ่งเวียนวนปะปนเดิน
ขึ้นลงเนินปวดชาขาอ่อนแรง
จวบจนถึงแดนถิ่นแผ่นดินหวัง
เกิดพลังดังรุ่งรพีแสง
คลายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าคราอ่อนแรง
ร่มไตรรงค์คงไม่แห้งแล้งน้ำใจ
มาพบเพื่อนพวกพ้องล้วนน้องพี่
ปลอบชีวีฟูมพักไม่ผลักใส
กระท่อมน้อยไผ่สานสราญใจ
นอนรายรอบกองไฟในราตรี
เราหนีร้อนมาพึ่งเย็นเห็นใจบ้าง
มืดทุกทางหม่นหมักไร้ศักดิ์ศรี
ถูกนายครอบกรอบเกรียบเหยียบย่ำยี
สิทธิ์ที่มีเพียงขี้ข้าน้ำตานอง
ถ้าบังเอิญฝืนกฎหมดที่พัก
จะต้องจักถูกไล่ไปทั้งผอง
ต้องหดหัวหัวหดในกระดอง
จะถูกต้องหรือไรไม่นำพา
ข้าโชคดีมีงานการทำบ้าง
มีนายจ้างดีเด่นเป็นนักหนา
คงมีสุขดังหวังตั้งใจมา
มีเสื้อผ้าอาหารทานจนเฟือ
อนิจจาหวังคลายมลายสิ้น
ถูกโกงกินค่าจ้างช่างร้ายเหลือ
สามเดือนจ่ายหนึ่งครั้งนั่งเป็นเบือ
สองเดือนเหลือไปไหนใคร่รู้จัง
เงินเดือนดีมีบัตรได้เต็มแน่
ต่างด้าวแค่แปดสิบบาทที่วาดหวัง
คนไทยรับร้อยยี่สิบเต็มกำลัง
ซ้ำงานยังหนักหนาเวลาเลย
ยุติธรรมกับคำว่าค่าของคน
จะต้องค้นเสาะหามาเฉลย
แทรกในดินบินบนฟ้าสมุทรเอย
คนจนคงไม่เคยได้เจอะเจอ
กระเสือกสนรนดิ้นมาถิ่นนี้
หวังให้มีชีวีสุขเสมอ
แต่ความหวังพังหมดอดบำเรอ
เพียงละเมอเพ้อพร่ำคร่ำครวญคราง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนรศิริ