1 พฤษภาคม 2551 18:30 น.
นรศิริ
ข้าวเคียวเกี่ยวทุกกำ ทุกคราวคำกล้ำฝืดคอ
ข้าวนี้สิใครหนอ โน้มเกี่ยวมาให้ข้ากิน
ทุ่งแล้งแห้งระแหง ปานเหล็กแดงทุกแห่งหิน
เบิ่งฟ้ากว้างกว่าดิน หาสุดสิ้น ณ ถิ่นใด
ทุกข์ยากเหมือนฟากฟ้า มิรู้ว่าวาระไหน
สิ้นยากลำบากไป ให้เมืองไทยได้มีกิน
เถียงนามุงหญ้าเก่า เอียงเอนเข้าหาผืนดิน
เหมือนใจที่โรยริน รอวันสิ้นลมหายใจ
ทุกข์ยากลำบากแท้ ลูกของแม่โพสพไทย
รอฝนคนอาลัย บ่อตาไหลน้ำตาโลม
29 เมษายน 2551 22:19 น.
นรศิริ
คิดถึงหวึ่งลาดพร้าว (ลูกแม่ )
เจ้าจากนาบ้านนานเนิ่น
ย่ำเดินระวังนะลูกจ๋า
ห่างอกแม่หวั่นพรั่นอุรา
จงว่าแม่คอยเจ้าน้อยเยือน
ยามฝนพร่ำฟ้าคราหนาว
มองดาวพราวผ่านต้านลมเลื่อน
คราใดใจเจ้าเล่าสะเทือน
มองเดือนเหมือนแม่ดูแลนา
ห่มฟ้าอ้างว้างกว่าไกล
ใจเขาเหมือนบ้านเฮาไหมหนา
ยามใดอ่อนแรงโรยรา
จงคิดว่าแม่รอเป็นแรงใจ
กลับบ้านเฮาเนาว์สงกรานต์ที่บ้านเกิด
ฟ้าเปิดแต้มสีที่หลงใหล
ทุกคนรอเจ้ามาอย่าช้าไว
จงมาเป็นประทีปชัยให้ทุ่งนา
29 เมษายน 2551 11:15 น.
นรศิริ
แด่ผู้กล้าวังผาเจ้า
ดอกไม้ป่าร่วงหล่นจากต้นแล้ว
เป็นปุ๋ยให้ดงแนวทุกแถวถิ่น
ดอกไม้ร่วงฝังร่างลงกลางดิน
สุสานหินฝังร่างลงกลางไพร
สามปอยดั่งพวงมาลาบูชาชีพ
ดวงประทีปแห่งป่ามาหลับใหล
หน้าคนที่ถางป่าเล่าหน้าใคร
หน้าคนบ้าอำนาจใหญ่เพียงเท่านั้น
เสียงปืนปังดังแหกแหวกหมายกฎ
กระสุนแห่งขบถก็พลิกผัน
เด็ดคนดีร่วงแล้วแนวไพรวัลย์
จากกระสุนใครกันที่ลั่นมา
จงไปดีเถิดเทวัญท่านผู้สร้าง
คือหิ่งห้อยส่องทางกลางดงหญ้า
ผู้เหนือกฎหมายหรือคือเงินตรา
เพียงกระดาษมีค่ากว่าชีพคน
กาลเวลาฆ่าใครได้ทุกที่
เพื่อมีผู้เข้าใจในเหตุผล
กาลเวลาคือธรรมที่ทุกทน
เพื่อให้ค้นคุณค่ากว่าสายไป
26 เมษายน 2551 16:59 น.
นรศิริ
ครูคือพิมพ์แผ่นผู้ ผจงความ เป็นคนเฮ
จันทร์ส่องว่าเด่นงาม สง่าให้
แรมมืดบ่จืดยาม ดาวส่อง
ไพรยิ่งคชเผือกห่อนไร้ หากมี
ดวงมณีประทีปข้น โขงนที
อุษาคเนย์ปฐพี เด่นด้าว
ป่าย่อมรัตนมณี นาเนิ่น
เพชรย่อมเพชรน้าว บ่ผัน
ท่านคือผู้สูงส่งธรรมรงค่า
เป็นดอกหญ้าแต่สูงกว่าบุปผาสวรรค์
อบไออวลดอกหญ้าพนาวัลย์
ปลูกชีวันปลอบชีวินถิ่นดอยแดน
มิเคยทดท้อแท้แม้เหน็ดเหนื่อย
น้ำยังเรื่อยเลือดยังไหลใครเจ็บแสน
ประวัติศาสตร์จารจดควรทดแทน
ว่าประทีปประเทืองแผ่นโขงนที
26 เมษายน 2551 15:37 น.
นรศิริ
ดอกบัวตองผ่องแผ้วในแนวป่า
ไม่เด่นดั่งดอกฟ้ามีค่าสูง
ค่าความงามน้ำใจใครจรูง
ด้วยเครื่องจูงโลกใหม่ใครเป็นแปลน
วัฒนธรรมของไทยยุคใหม่นี่
ทุกชีวีต้องเปลี่ยนไปแม้ไกลแสน
ดาราคือคันฉ่องทุกก่องแกน
คือผู้ที่ฉายแทนความเป็นไทย
ต้นกล้าแห่งบัวตองจงผ่องผุด
จงเป็นกล้าแห่งมนุษย์ที่สุดใส
จงงดงามงอกงามความอำไพ
เป็นต้นกล้าแห่งสายใยส่องไทยกราย
โลกหมุเวียนเปลี่ยนผันวันวิปริต
ทุกชีวิตหมุนตามความหลากหลาย
กระแสนิยมททุกยุคยังทุกราย
พึงตระหนักเกิดเพื่ตายเพียงเท่านั้น