12 มิถุนายน 2551 21:21 น.
นรศิริ
มอบด้วยใจให้ด้วยรัก
ขอกุศลผลบุญหนุนนำส่ง
ทุกผู้จงปรีเปรมเกษมศรี
ขอจงห่างร้างไกลผองไพรี
ขอจงมีสุขสันต์นิรันดร์กาล
อีกเวรานั้นหนาอย่าพานพบ
ขออย่าสิ่งให้ใจร้าวฉาน
จงสมหวังดั่งจินต์ถวิลพาน
สบกับความสมหวังทุกครั้งครา
แม้นผู้ใดปองร้ายหมายพิฆาต
จงปลาตร้างไกลไปเถิดหนา
จงฟูมฟักรักษ์ตนพ้นเวรา
อีกใฝ่หาศีลธรรมประจำใจ
หากแม้นไม่สมหวังดั่งใจมั่น
ก็จงหมั่นทำจิตจริตใส
ทำสิ่งใดไม่ได้จงทำใจ
ที่ร้อนรนใช่ใครหากตัวเรา
คราครั้งมีโทโสโมโหจริต
จงใช้จิตข่มใจอย่าให้เขลา
อีกรู้จักปล่อยวางให้บางเบา
อย่ารับเอาทุกข์ไว้ให้ใจตรม
มิมีใครไหนเลยไม่เคยพลั้ง
ความผิดหวังทำให้ใจขื่นขม
พาให้ใจช้ำหนองต้องระบม
ส่งอารมณ์เสริมใจให้มืดมน
จิตมืดมนหม่นไหม้ในวันนี้
พรุ่งอาจมีชีวีไม่สับสน
อาจไม่ต้องครองทุกข์ระทมทน
อาจจะท้นสุขขีที่มีมา
ก่อนอำลากันลง ณ ตรงนี้
ขอให้มีสุขสันต์และหรรษา
จงสมหวังดั่งถวิลจินตนา
ปรารถนาใดใดจงได้เทอญ
10 มิถุนายน 2551 04:36 น.
นรศิริ
สู้
เสียงไก่ขันหวานแว่วจากแนวป่า
เป็นสัญญาณ์ว่าสู้ใหม่ในอีกหน
จงตื่นเถิดทุกผู้ผู้ทุกข์ทน
สู้ให้ป่นคนจริงต้องชิงชัย
สู้ด้วยมันสมองสองมือนั้น
สู้ไม่หวั่นสู้กับความหลับใหล
ปลุกสำนึกปลุกตัวปลุกหัวใจ
เพื่อคืนวันอันไพย์กรรมาชน
ไม่อาจเลือกทางทองของชีวิต
แต่มีสิทธิ์ที่จะสู้ในอีกหน
สู้ยิบตาเถิดนักสู้ผู้ทุกข์ทน
ด้วยกมลและศักดิ์ศรีทวีคูณ
อย่าให้ใครเหยียบย่ำว่าต่ำช้า
อย่าให้ใครตีค่าว่าเสื่อมสูญ
ทุกคนมีชีวาค่าเพิ่มพูน
อย่ามามัวอาดูรเสียน้ำตา
ลุกขึ้นมาถากถางทางเทียวท่อง
เราคือท้องดินเดียวกันอันแน่นหนา
ช่วยกันปลุกปลอบปรับซับน้ำตา
ใครอ่อนล้าเรารีบรั้งขึ้นฝั่งเอย
เมื่อไม่สู้รู้ไยใครชนะ
อย่าลดละอย่าประวิงอย่านิ่งเฉย
หรือจะปล่อยเขายีย่ำอีกตามเคย
สู้เถิดเหวยพวกเราสู้เข้าไป
ต้องขออภัยด้วยนะคะดิฉันลืมบอกไปว่าป่าสงวนแห่งชาติดงระแนงอยู่แห่งหนตำบลใด พอดูภาพถ่ายทางอากาศทีไรมันสะเทือนใจ ปวดหัวใจจริงๆค่ะจึงได้รีบเขียนกลอนหน้าจอNote BooK ทันทีโดยไม่ได้เซฟเอาไว้เลยถ้าไวรัสมาเยือนคงแย่หรอก
ดิฉันเป็นคนกาฬสินธุ์ ป่าดงระแนงส่วนหนึ่งอยู่ในเขตกาฬสินธุ์มีพื้นที่ติดต่อกับดงมูล(พื้นที่สีแดงในอดีตค่ะ)เมื่อก่อนเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ทั้งป่าไม้และสรรพสัตว์
น่าเสียดายจริงๆ บัดนี้โล่งเตียนแทบจะไม่เหลือซาก
8 มิถุนายน 2551 22:02 น.
นรศิริ
กลบทนุชปยาตรา
เปลี่ยนวัฏจักรแห่งอรุณกาล
โดยทุกวันฉันมองเห็น
ทั้งเช้าเย็นในทีวี
ผลับบาร์ภาพแสงสี
ชุบโลกนี้โดยสีสัน
โดยแสงส่องแสงถึง
เปลี่ยนบวงบึงจากวานวัน
แลไปใจหายฉัน
สงสารเดท้องถิ่นไทย
โดยก่อนกาลเวลา
ผืนทุ่งนาคนคราดไถ
บัดนี้นาหายไป
เหลือเอาไว้เป็นป่าปูน
โดยเอ่อเหม่อมองคิด
ป่าถูกปลิดจนสิ้นสูญ
เหลือกองปฏิกูล
เกลื่อนขยะประดับดิน
โดยโลกการแสดง
อาจเปลื่ยนแปลงกระแสศิลป์
สูญไทยไร้ประทิน
ปรุงจรรโลงวรรณกรรม์
โดยโลกร้อนราวไฟ
คาวเลือดไปปรุงสวรรค์
ไร้ดาวและดวงจันทร์
ด้วยเมฆแห่งวาตภัย
โดยโลกวิปลาต
ด้วยอำนาจจากมือไหน
มือเราสิ ร่วมใจ
ทิ้งขยะโลกจึงร้อน
7 มิถุนายน 2551 14:08 น.
นรศิริ
วิมานเสียดฟ้า.ความสุขไร้ขอบเขต
บ้านข้าอยู่ป่าเขา เราไม่มีไฟฟ้าใช้
ไม่ต้องเสียค่าไฟ ไม่ได้ใช้น้ำประปา
น้ำตกกระเซ็นใส แสนฉ่ำใจไปทุกครา
ทุกวันข้าเข้าป่า หาอาหารสราญใจ
ในป่ามีสัตว์ป่า บนภูผามากต้นไม้
ลำธารมีน้ำใส ในป่าไม้มีอาหาร
น้ำตกใสกระเซ็น ดูโดเด่นดอกไม้บาน
ดูโน่นกล้วยไม้บาน แลตระการบนคาคบ
เอื้องคำตระการตา อีกเอื้องฟ้าหอมตลบ
สามปอยสำออยซบ เอื้องแซะกลบกลิ่นเอื้องผึ้ง
หางจ้อนบานสะพรั่ง ข้างรังนกดอกคำตึง
เพลินชมงามสุดซึ้ง เด่นเป็นหนึ่งไอยเรศ
เข็มแสดอีกเข็มแดง ดุจดั่งแสงสุริเยศ
ท่องไพรพนาเวศ ในแคว้นเขตพนาดอย
ในป่ามีสัตว์ป่า อีกบนฟ้ามีเมฆลอย
เฮือนเฮาหลังน้อยน้อย ค่อยค่อยคลานอย่าหาญดึง
ทั้งบ้านคือไม้ไผ่ หลังคาไซร้ใบตองตึง
ประตูต้องผูกตรึง ขึงกับเสาเศร้าจริงเอย
บ้านข้าแสนจนยาก แสนลำบากสุดเฉลย
ทีวีเราไม่เคย ที่จะเห็นเป็นเช่นไร
ดูหนังดูละคร ดูรำฟ้อนดีตรงไหน
ลงดอยไปแสนไกล เหนื่อยกายใจที่ในเมือง
บ้านข้าสบายกว่า สุขอุราไปทุกเรื่อง
วุ่นวายแท้ในเมือง มากมายเรื่องล้วนแย่งชิง
การบ้านแลการเมือง ไม่รู้เรื่องปวดหัวจริง
บ้านข้าไม่ต้องชิง ไม่ต้องแย่งแข่งกับใคร
ข้าจึงรักบ้านข้า สุขอุราชื่นฉ่ำใจ
ทุกวันสุขฤทัย จะหาไหนเหมือนบ้านเรา
5 มิถุนายน 2551 05:14 น.
นรศิริ
เทพแห่งความระทม
อยู่กับความอนธการมานานช้า
อยู่กับบ่อน้ำตามานานโข
อยู่กับความชอกช้ำจนผอมโซ
และอยู่กับความโศ กาเป็นอาจิณ
เพื่อนนั้นหรือคือน้ำตากับความเศร้า
อีกทั้งความหงอยเหงาที่ใจไม่ถวิล
จมในโลกมืดมนหม่นชีวิน
โลกโสภิณอยู่ไหนไม่นำพา
จะต้องรออีกนานไหมไร้ขมขื่น
อีกกี่กาลจึ่งจะชื่นใจหรรษา
อีกกี่ภพจึงจะจบเจ้าน้ำตา
ยังจะทรมานานเท่าใด
เหนื่อยกับความเป้นอยู่สู้ชีวิต
เหน็ดเหนื่อยกับความคิดที่สั่นไหว
เหนื่อยกับการอยู่อย่างไร้ใจ
เหนื่อยกับการร้าวใจทุกข์ระทม
อยากอยู่กับโลกฝันอันแสนชื่น
ไม่อยากตื่นมาพบใดให้ขื่นขม
อยากจะหลีกลาล้างห่างโศกตรม
อยากจะล้มหลับฝันนิรันดร