18 มิถุนายน 2551 20:34 น.

ทางพ้นทุกข์

นรศิริ

ทางพ้นทุกข์
    คนบางคนมากล้นท้นสุขสันต์
บางคนนั้นเกิดมารับกับสับสน
ใช่ว่าใครจะซื้อหามาครองชม
หากสร้างบ่มเอาไว้ในก่อนกาล

     ตัวเราผู้ยึดครองผองความเศร้า
คงสร้างเอากรรมไว้มหาศาล
ชาตินี้จึงโศกเศร้าเคล้าซมซาน
ทรมานปวดเหน็บเจ็บอุรา

     มาบัดนี้จึงหมั่นสร้างทางพ้นทุกข์
สละสุขทุกสิ่งเพื่อศาสนา
พรหมวิหารทานศีลภาวนา
รักษ์จิตกายาให้งดงาม

     เป็นทางเลือกทางทองของชีวิต
ประเสริฐสิทธิ์ลิดรอนทอนขวากหนาม
ปฏิบัติปริยัติวัตรทุกยาม
ถือยึดตามพุทธองค์ผู้ทรงธรรม์

     จากที่เคยทุกข์โศกวิโยคร้อน
จากที่เคยบั่นทอนในสุขสันต์
อิสระบานใจในสุข ณ ทุกวัน
อิ่มเอิบในรสธรรม์มิเว้นวาย

     เมื่อไม่รับเอาทุกข์หรือสุขไว้
สิ่งกระทบใดใดไร้ความหมาย
ทั้งกิเลสตัณหาอย่าหวังกราย
ทุกข์โศกหายมลายสิ้นให้ยินดี				
17 มิถุนายน 2551 05:35 น.

เสียงครวญจากตาหรุ่ง (กลบทของกวี)

นรศิริ

เสียงครวญจากตาหรุ่ง
น้ำฝนหล่นจากฟ้า     หยาดหยดมาให้ชุ่มฉ่ำ
ชาวนาได้ปักดำ     ชื่นฉ่ำใจไปทุกคน

ตาหรุ่งไม่รอช้า     มุ่งสู่นาที่ทำทน
ไม่มีเสาร์อาทิตย์     วันหยุดปิดไม่เห็นหน

ทำชั่วบรรพชน     กระทั่งจนแกชรา
ปีนี้ข้าวงามนัก     ข้าคงจักได้ขายค้า

ขายข้าวได้ราคา     ข้าจะซื้อทีวีดู
ฝนแล้งแห้งแผ่นดิน     ข้าวตายสิ้นแสนอดสู

ไม่มีทีวีดู     ควายบักตู้ก็มาตาย
ข้าวข้าเคยเขียวสด     แดงแห้งหมดน่าใจหาย

ผู้แทนครับเจ้านาย    สัญญาไว้ลืมหรือยัง
ตอนท่านมาหาเสียง     ส่งสำเนียงมีมนต์ขลัง

ถ้าได้เข้าไปนั่ง    ในสภาจะพูดแทน
ฝนแล้งฤาน้ำท่วม     ใช่กำกวมช่วยหลายแสน

เพราะผมคือผู้แทน     ลำบากแสนก็จะทำ
บัดนี้นาข้าแล้ง     ใจข้าแห้งมืดมิดดำ

ไม่เหลือข้าวกอบกำ     ข้าจึงจำต้องขอนาย
หลายครั้งอีกหลายครา     ที่พวกข้าต่างมุ่งหมาย

คอยจนหลายคนตาย     เพราะป่วยไข้ไม่มีเงิน(รักษา)
พวกท่านอยู่ในเมือง     ใยรู้เรื่องเราขัดเขิน

มัวแต่หลงเพลิดเพลิน     กิเลสชั่วลืมตัวตน
ข้าวขาวที่ท่านกิน     เราทั้งสิ้นที่ทุกข์ทน				
15 มิถุนายน 2551 21:40 น.

ชีวิตของไอ้น้อย

นรศิริ

ไอ้ลูกเวรตะไลไยไม่ตื่น
ตอนกลางคืนมึงเที่ยวเถลไถล
ไอ้อัปรีย์สารพัดจัดจัญไร
มึงทำไมมาเกิดเป็นลูกกู

     ยินเสียงแม่ด่าบ่นกร่นแต่เช้า
พ่อสร่างเมารี่ถลามาดึงหู
ไอ้ลูกชั่วไม่น่าเกิดเป็นลูก
แสนอดสูน่าสงสารเด็กบ้านนั้น

     จากหงอยเหงาเศร้าสร้อยไอ้น้อยเปลี่ยน
จากโรงเรียนสู่กัญชาพาสุขสันต์
มีมากมายเพื่อนหนุ่มสาวเข้าใจกัน
โลกส่วนตัวเรานั้นสุขสันต์จริง

     จากกลับบ้านทุกวันไม่เว้นว่าง
ไอ้น้อยห่างลาไกลไปทุกสิ่ง
ลืมพ่อแม่พี่น้องห้องพักพิง
ไปสู่สิ่งใหม่ใหม่ด้วยใจจินต์

     ยิ่งนับวันไอ้น้อยยิ่งลุ่มหลง
จากผู้เสพเป็นผู้ส่งทุกถ้วนถิ่น
จากไอ้น้อยเดินดินเป็นมาเฟีย
จากต่ำเตี้ยเป็นอาเสี่ยนั่งรถงาม

     จากค้าย่อยเติบใหญ่ไปผลิต
เปลี่ยนชีวิตจากจนรวยล้นหลาม
แล้ววันหนึ่งมัจจุราชก็มาตาม
สิ้นสุดความพันผูกด้วยลูกปืน


ต้องกราบขออภัยด้วยนะคะใช้คำไม่สุภาพบางคำ				
14 มิถุนายน 2551 21:17 น.

.......ไม่เหลือแล้ว

นรศิริ

ปมที่ซ่อน

     ความเจ็บปวดซ่อนในกลัวใครรู้
ความหดหู่ซุกไว้กลัวใครเห็น
ยิ้มระรื่นชื่นใจไร้ลำเค็ญ
หากที่เป็นที่ไปใช่ที่มอง

     ทุกคราใครไถ่ถึงคนซึ้งจิต
ยอดชีวิตรู้ไหมใครหม่นหมอง
ด้วยสุดเอื้อมสุดสอยคอยเคียงครอง
น้ำตานองท่วมใจไปทุกครา

     เคยออดอ้อนออเซาะฉอเลาะรัก
เคยฟูมฟักรักรื่นชื่นหนักหนา
ทุกทุกที่มีฉันเธอเสมอมา
สุขอุราแสนสราญหวานฤทัย

     มาบัดนี้ไม่มีแล้วแก้วตาพี่
แววชีวีสูญแล้วสิ้นแววใส
หมดสิ้นแล้วไม่เหลือแม้เยื่อใย
เหลือเพียงใจช้ำเลือดเชือดอุรา

     ขอเธอจงโชคดีเถิดที่รัก
พร้อมพบพักตร์คนที่ใจเธอใฝ่หา
ขอเธอจงครองสุขในทุกครา
ตรมอุราคราใดให้กลับคืน				
14 มิถุนายน 2551 05:19 น.

น้ำตาท่วมท้นใจ

นรศิริ

น้ำตาท่วมท้นใจ

     น้ำตาท่วมท้นใจในวันนี้
ความเจ็บปวดที่มีจนล้นหลาม
ลืมอย่างไรเมื่อหัวใจเฝ้าติดตาม
พร่ำเพรียกหานงรามทุกครั้งครา

     ฉันลืมเธอไม่ได้ในชีวิต
แม้ไร้สิทธิ์ไต่ถามความห่วงหา
ภาพอดีตสุดซึ้งยังตรึงตรา
วอนเทวายื้อยุดฉุดเธอคืน

     ขอเทพไท้สูรย์จันทร์นั้นช่วยอ้อน
พาบังอรคืนมาข้าสุดฝืน
บอกเธอว่าข้าระทมล้มทั้งยืน
ให้เธอคืนหวนกลับซับน้ำตา

     ไม่เหลือแล้วแววชีวีที่สดใส
เหลือเพียงใจไหม้ดำช้ำหนักหนา
สุดเจ็บปวดรวดร้าวเศร้าวิญญาณ์
โปรดกลับมาก่อนชีวีนี้ขาดรอน

     ฟ้ามืดหม่นดุจคนที่สิ้นหวัง
ไร้พลังล้นระทมตรมสุดถอน
เจ็บปวดไปถ้วนทั่วทุกตัวตอน
สุดอาวรณ์แสนอาลัยใจละลาย

     น้ำตาท่วมท้นใจใครจะเห็น
คงเป็นเวรกรรมเก่าเศร้าไม่หาย
ความเจ็บปวดที่มีจึงมากมาย
ทุกอณูใจกายจึงยับเยิน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนรศิริ