13 กรกฎาคม 2551 15:27 น.
นรศิริ
คารวะรัตนศรีกวีศิลป์
สองกรกรานกราบแก้ว กวีศิลป์
คือเพชรแห่งผืนดิน แผ่นด้าว
คือแสงทองส่องธานินทร์ นานาทวีป
เกลียวคำกิ่งฟ้าน้าว เหนี่ยวแดน
หมื่นแสนโลกธาตุล้วน หลากหลาย
เกิดแต่ดาวบ่วาย วายเว้น
คือศาติธารสาย อันสงบ
ปทุมบานรับอุษาเฟ้น เฟื่องไศล
ดาวใดหรือเด่นด้าว ดาวกวี
กล่อมกรุงษาปฐพี พุ่งหล้า
คือเกียรติคือศักดิ์ศรี สวนศิลปะทีป
แกร่งเพชรแกร่งแก้วกล้า กรัตฉาย
รายรายแลโลกล้วน ศฤงคาร
หอมศิลป์กว่าจิตราธาร ธรณีดับ
คารวะปฐมบรมกวีแก้ว กว่าฟ้าดินสลาย
สืบกาพย์สืบศิลป์ บสุดบสิ้น
สืบสายกวี
ไทยพัฒนา เมื่อมหา
อภิฤทธี
ดรุณวันนี้ ต้องรักศักดิ์ศรี
ต้องรักษ์ศาสตร์ศิลป์
กวียุคใหม่ เจ้าคือดวงไฟ
ฉายโชนแผ่นดิน
ส่องทุกข์เห็นทุกข์ คนจนเป็นสุข
ยุติธรรมธานินทร์
รสกวีเจ้าริน เสาวรสจินต์
พลีแด่ปวงชน
ใครผิดว่าผิด ใครทุจริต
ว่าโทษทัณฑ์ผล
สังคมสมดุล โดยธรรมนำหนุน
ประชาสุขล้น
มุ่งพัฒนาคน บริรักษ์คนจน
โดยจิตแห่งกวี
ขอคารวะ ผู้อมตะ
กาพย์ร่ำธานี
ทั้งปัญญาชน เห็นเหตุรู้ผล
เป็นศักดิ์เป็นศรี
อันข้าเพียงธุลี คารวะเมธี
ประทีปแห่งแผ่นดิน
+++++แต่งเป็นโคลง๔แปลงห่อกาพย์ขับไม้+++++++
12 กรกฎาคม 2551 15:57 น.
นรศิริ
ความเปลี่ยนแปลง
ครั้งปู่ย่าตายายไทอิสาน
ร่วมเผ่าพงศ์วงศ์วานกันแน่นเหนียว
สามัคคีสมานฉันท์ฟั่นพันเกลียว
เพียงหนึ่งเดียวบ้านใหญ่อาศัยกัน
มีปู่ย่าตายายอาศัยอยู่
ล้วนทุกผู้ปรองดองครองสุขสันต์
ให้ร่มเย็นเป็นสุขทุกคืนวัน
ร่วมสังสรรค์เครือญาติมิขาดวงศ์
มาบัดนี้ไม่มีแล้วแนวก่อนเก่า
ทั้งเด็กเล็กแก่เฒ่าเฝ้าไหลหลง
อารยธรรมนำใจให้เลวลง
ทิ้งเผ่าพงศ์วงศ์วานสานสืบมา
จากลงแขก ลงข่วงครั้งก่อนเก่า
มาบัดนี้มีเขาเรา จ้าง ซื้อหา
ไม่เหลือแล้วแววการุณย์อุ่นนัยน์ตา
ต่างซื้อมาด้วยเงินประเมินคน
สายสัมพันธ์ฉันญาติขาดสะบั้น
อยากย้อนวันเวลามาอีกหน
มีสัมพันธ์ฝั้นเกลียวเหนียวกมล
เลิกสับสนสิ่งใหม่ๆที่ไร้ดี
10 กรกฎาคม 2551 05:08 น.
นรศิริ
ทางสีขาว
พระพุทธองค์ทรงชี้ทางสว่างให้
ทุกผู้ได้ร้างกรรมกระทำเข็ญ
แม้นทำดีไม่มีหมองครองลำเค็ญ
ได้รู้เห็นสัจธรรมล้ำเลิศคุณ
ทำจิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์
ไร้สมมติเขาเราเข้านำหนุน
จิตผ่องแผ้วแววใสใจการุญ
สร้างสมบุญบารมีที่ใฝ่ปอง
ไม่ถือโทษโกรธใครอภัยหมด
จิตจึงสดชื่นใสไร้หม่นหมอง
รู้ปล่อยวางว่างหมดปลดทุกข์ครอง
เพียงปกป้องจิตตนให้พ้นภัย
ทุกข์ชีวิตล้วนตายวายชีวาตม์
ใครจักอาจหลีกพ้นวังวนไหว
เลิกก่อกรรมทำชั่วพาตัวไกล
เริ่มต้นชีวีใหม่ใสสกาว
หยุดทำชั่วมัวเมาเคล้าตัณหา
หยุดเข่นฆ่าล้างผลาญให้รานร้าว
บริหารจิตพิสุทธิ์ผุดผ่องพราว
เลือกทางเดินสีขาวสว่างใจ
7 กรกฎาคม 2551 05:53 น.
นรศิริ
ถูกแทงข้างหลัง ฝังร้าวราน
จากเธอที่ต่ำต้อยทั้งด้อยค่า
ฉันก้มเก็บเธอวางไว้ในที่สูง
จากกาดำนำมาแซมแจมนกยูง
ฉุดจากฝูงอบายแคล้าโลกีย์
จวบวันวารผ่านไปเธอใสสด
ไม่เหลือแววรันทดหม่นหมองศรี
จากผู้ด้อยกลายเด่นเป็นผู้ดี
เนาในฐานที่มีความอุดม
ประดุจดังชาวนาการุณย์นั้น
เนิ่นนานวันยิ่งทำฉันใจขื่นขม
ทั้งยาพิษอีกคุณไสย์ให้ฉันจม
ความโสมมเธอมาเยือนเหมือนอย่างเคย
เธอเหยียบย่ำทำร้ายใจสารพัด
กิจวัตรที่เธอทำพร่ำเฉลย
ยุแยงป้าด่าฉะไม่ละเลย
โอ้อกเอ๋ยเป็นจุลฝุ่นละออง
เคยคิดฆ่าตัวตายวายชีวิต
หากลูกน้อยกลอยจิตสะอื้นร้อง
กอดแม่ไว้แน่นซ้ำน้ำตานอง
แล้วประครองรองรับซับน้ำตา
เพียงคำว่าขาดแม่ไปลูกตายแน่
จากดวงแดเจียนขาดรอนที่อ่อนล้า
ความเข้มแข็งมากล้นท้นอุรา
เพื่อลูกยาแม่นี้มีพลัง
4 กรกฎาคม 2551 15:11 น.
นรศิริ
ลูกรัก
เจ้าคือเพชรเพริศแพร้วแก้วตาแม่
เป็นเพชรแท้ล้ำค่ามหาศาล
ขจรเกียรติขจายศักดิ์มัฆวาน
แสนสราญเริงรื่นชื่นใจชนน์
เจ้าคือแก้วแววใสในชีวิต
เฝ้าตามติดพันผูกทุกแห่งหน
ไม่เคยร้างห่างไปไกลกมล
ทุกข์สุขล้นเราร่วมกันมิหวั่นเกรง
คราอยู่ถ้ำจำศีลถิ่นแดนเถื่อน
ไม่ละเลือนปฏิบัติวัตรเหมาะเหม็ง
ภยันต์ภัยสารพันมิหวั่นเกรง
ไปตามเพรงนักพรตผู้อดทน
สิงสาราสัตว์สารพัดมากมีพิษ
ตั้งตรงจิตแน่วแน่แผ่กุศล
ส่ำสัตว์ร้ายพรายภูติที่เวียนวน
ฤาจะทนกุศลจิตอุทิศทำ
จากมุ่งร้ายกลับกลายมาเป็นมิตร
จากดวงจิตคิดค่าผลักรักแน่นหนำ
กิจวัตรปฏิบัติงามเลิศล้ำ
ทั้งในถ้ำบนดอยคอยบำเพ็ญ
ลุจากป่ามาเมืองก็เรืองรุ่ง
เจ้ายังมุ่งอุ้มชูผู้ทุกข์เข็ญ
แม้ลำบากยากแค้นแสนลำเค็ญ
เจ้าก็เป็นที่พักใจให้ทุกคน
ไม่เคยทำแม่หมองหรือครองเศร้า
ทุกค่ำเช้าปฏิบัติวัตรผล
สุดหาคำเปรียบแล้วแก้วกมล
รักเจ้าท้นใจแล้วขวัญแก้วเอย