23 กุมภาพันธ์ 2552 05:16 น.
นรศิริ
จงรู้ค่าของกันก่อนวันสาย
รับรู้ค่าความหมายที่มีอยู่
ค้นหาสิ่งประเสริฐไว้เชิดชู
เพื่อได้รู้ในสิ่งที่เขาดีงาม
ทุกสรรพสิ่งจริงไซร้ไม่ไร้ค่า
หากค้นหาให้ดีมีล้นหลาม
อยู่ที่คนค้นเขาเฝ้าติดตาม
อาจแวววามซ่อนหลบกลบมืดบัง
แม้นมองในวันนี้ไม่ดีแล้ว
อาจเพริศแพร้วแววงามในหนหลัง
ไม่มีดอกสิ่งใดได้จีรัง
แม้รูปังของเรายังเปลี่ยนแปลง
มีใจรักให้กันในวันนี้
ดีกว่ามีเลศนัยไว้แอบแฝง
มีจิตใจใสสะอาดขาดจำแลง
และอย่าแล้งน้ำใจให้แก่กัน
22 กุมภาพันธ์ 2552 03:31 น.
นรศิริ
ผีเสื้อเอย
ผีเสื้อเอยเคยบินวนบนยอดหญ้า
ท่องพนาเถื่อนถ้ำลำน้ำใส
เจ้าเที่ยวท่องทุกถิ่นแถว ณ แนวไพร
เจ้าสดใสเริงร่าทุกท่าที
ธรรมชาติบ้านป่าสอนค่าให้
รู้แบ่งปันหัวใจให้น้องพี่
ทั้งสั่งสมอุดมการณ์สานความดี
อย่าลืมถิ่นแผ่นดินนี้คราห่างไกล
เมื่อโบยบินถิ่นเมืองเจ้าเรืองรุ่ง
ทิ้งท้องทุ่งแดนดินถิ่นอาศัย
ทิ้งดุ้นฟืนคืนหนาวร้าวทรวงใน
ทิ้งกระท่อมไม้ไผ่ไว้ปลายนา
สังคมเมืองสั่งสอนทุกตอนบท
คือสังคมโป้ปดไร้คุณค่า
ล้วนร้อยเล่ห์กดขี่ทั้งบีฑา
ข่มเหงหญ้าไกลถิ่นแผ่นดินดอย
แม้นได้เป็นอินทรีเปลี่ยนผีเสื้อ
อย่าลืมเชื้อพงศ์เผ่าทิ้งเหงาหงอย
อย่าระเริงลมบนจนเลื่อนลอย
อย่าลืมถียงนาน้อยที่เคยเนา
3 กุมภาพันธ์ 2552 05:57 น.
นรศิริ
คอยบางคนใต้ต้นจาน
ดอกจานบานเต็มต้นหม่นใจเหงา
ณ ถิ่นที่สองเราร้อยใจฝัน
ทุกเย็นย่ำกลับจากเรียนเขียนอ่านกัน
สองเรานั้นดอมดมชมดอกจาน
หมู่วิหคขับขานกังวานใส
แสนชื่นบานสราญใจในถิ่นฐาน
ผึ้งภมรร่อนบินถวิลวาร
ร่วงดอกจานบนลานดินดังสิ้นใจ
หวนคิดถึงความหลังครั้งก่อนเก่า
ยังเหลือเงาลางลางอยู่บ้างไหม
เมืองหมอแคนแสนคิดถึงซึ้งหัวใจ
ใยปล่อยให้สาวน้ำดำช้ำกมล
ผึ้งน้อยจ๋านำคำข้าไปบอกข่าว
คนน้ำดำปวดร้าวน้ำตาหล่น
ยังนั่งรอใต้ต้นจานอย่างทานทน
จะรอจนสิ้นใจหากไร้เรา
ดอกจานบานแห้งหล่นคนไร้หวัง
เขาคงชังคนคอยปล่อยให้เหงา
มีคนใหม่แอบอิงจึงทิ้งเก่า
คนรอเศร้าน้ำตาหล่นท่วมต้นจาน
ขอความกรุณาหารูปภาพดอกจานมาลงให้ข้าพเจ้าด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
2 กุมภาพันธ์ 2552 06:30 น.
นรศิริ
ณแดนดินถิ่นนี้มีแต่รัก
ธรรมชาติสรรค์สิ่งไว้ สวยสม
อเนกค่าคุณอุดม หลากล้น
ควรจักรักษ์ชื่นชม ชูเชิด
ก่อนกาลีท่วมท้น ชั่วร้าย ทำลาย
ป่ายังคงอยู่ยั้ง ลำธาร
ชื่นฉ่ำทุกวันวาร เนื่องเน้น
สรรพสิ่งส่งเสียงกังวาน ขานขับ
กระแตกระโดดเต้น ไต่ไม้ โอนเอน
บุปผชาติกลิ่นฟลุ้ง พงไพร
อวลกลิ่นจรุงใจ ใฝ่คว้า
มยุราร่ายรำไป ไหวอ่อน อรชร
กังวานก้องไก่ฟ้า แซ่ซ้อง ผสานเสียง
กระจงกระโจนพุ่มไม้ กลัวกระทิง
เจ้าป่าใหญ่เสือสิง สู่ถ้ำ
เค้าแมวซ่อนแอบอิง คาคบ
บินว่อนอีหวิ่งช้ำ เถื่อนนั้นงูครอง
แปร๋นแปร๋นสนั่นก้อง แนวไพร
กระต่ายวิ่งเร็วไว หลบลี้
สีดอผ่านแดนใด เตียนโล่ง
ขันคูชวนคู่ชี้ ชื่นแท้ เขาขัน
กระเซ็นซ่าร่วงฟ้า ฤาแดน ใดนอ
ชื่นฉ่ำในวังวน ลึกล้ำ
โชยกลิ่นฉ่ำกมล สุดชื่น
ไร้ทุกข์โศกวิโยคกล้ำ เลิศแล้ว แนวไพร
อีหวิ่งหรืออิวิงเป็นภาษาไทยใหญ่ หมายถึงค้างคาว
30 มกราคม 2552 06:21 น.
นรศิริ
ตัดทุกสิ่งทิ้งไว้หมดปลดให้สิ้น
ที่ถวิลเคยอาวรณ์สะท้อนไหว
ไม่เหลือแล้วแววห่วงหาทั้งอาลัย
เดินจากมาด้วยใจที่ใสพราว
ที่ผ่านมานั้นอภัยให้ทุกอย่าง
ฉันค้นพบทางเดินที่มีสีขาว
ใสพิสุทธิ์ดุจเดือนเพ็ญเด่นสกาว
ไร้เรื่องราวที่ร้าวรวดปวดอุรา
แม้นงมเข็มในสมุทรว่าสุดยาก
การฝึกจิตนั้นลำบากยากยิ่งกว่า
กว่าก่อเกิดสมาธิมีปัญญา
ยกภูผายังง่ายกว่ายกจิตตน
ขันธ์ทั้งห้าอนัตตาเหมือนกันหมด
กรรมก่อกฎเกิดให้ใจได้ฝึกฝน
ศีลสมาธิปัญญาพาข้ามพ้น
จากวังวนเวียนว่ายเกิดตายเอย