13 ธันวาคม 2549 12:02 น.
นพบวรนครพิงค์
โอ้แรกเริ่มรับคำสั่งมุ่งแดนโสม
คอมประโลมความเชื่อยังล้าหลัง
ทั่วทั้งชาติปกคลุมด้วยกลุ่มควัน
นิวเคลียร์อันน่าสะพรึงตรึงหัวใจ
ถึงเปียงยางแดนมนต์ดั่งโดนสาป
ยังเห็นคราบน้ำตาสงครามยังมีเหลือ
ตึกรามบ้านช่องแออัดกันจัดเจือ
ลำบากเหลือยากจนค้นแค้นจริง
ยากจะเห็นจะมีแม้นซักบ้าน
สะอาดอ้านดูดีไม่มีเหลือ
ตั่งเตียงนอนฟูกเก่ากับผืนเสื่อ
มุ่งแต่เชื่อผู้นำนำล่มจม
การทหารเข็มแข็งและองอาจ
เป็นหลักชาติรุกรานแดนอื่นเขา
ทิ้งประชาล้าหลังดั่งเป็นเงา
แสดงเขลาอำนาจชาติของกู
ถึงริมของรอบเส้นสามสิบแปด
องศาแผดเสียงปืนดังกึกก้อง
เมื่อครั้งสงครามเกาหลีเลือดหลั่งนอง
โสมพี่น้องแยกกันไม่หันคืน
กับระเบิดมากมีติดธงไว้
ก้าวพลาดไปคงไม่เหลือกลับคืนถิ่น
แดนระกำช้ำตรมทั้งชีวิน
ผู้นำกินสุขบนทุกข์ปวงประชา
วันนี้มีสวนสนามกองทัพชาติ
น่าองอาจเกรงขามสวยงามสิ้น
เหล่าทหารพรั่งพร้อมนามระบิล
รบพิเศษทั้งสิ้นห้าแสนคน
อีกจรวดมากมีขีปนาวุธ
ปืนใหญ่ฉุดลากยื้นไม่หมดสิ้น
เห็นหน้าพักตร์ประชาล้วนผ่องพิณ
เพราะว่าสิ้นความรู้เลยว่าดี
ตนลำบากอย่างไรไม่เคยว่า
เพราะรัฐฆ่าพวกต่อต้านจนหมดสิ้น
ประกาศก้องให้โลกรู้และได้ยิน
โสมแดงถิ่นสงครามมารผจญ
ถึงเวลากลับสยามดีใจจนล้นเหลือ
ถิ่นจุนเจือสงบพบจุดหมาย
แดนเสรีนิยมจนชีพวาย
สุขสมหมายได้เกิดมาบนแผ่นดินแดนไทย
12 ธันวาคม 2549 20:02 น.
นพบวรนครพิงค์
อินทนนท์คนไกลได้มาเห็น
น้ำค้างเย็นเยือกแข็งในหมอกหนา
มีกู่เจ้าอินวิชยานนท์แต่นานมา
สายลมพาพัดเยือกอดีตกาล
ราชวงศ์ใดเคยรั้งแผ่นดินทวีป
ได้ปลุกชีพเชียงใหม่ฟื้นม่านสิ้น
ประชาชนได้อยู่ได้พึ่งพิง
ใต้อุ้งถิ่นเจ้ากาวิละสุดชื่นใจ
กราบท่านแล้วพากันมุ่งดงดอกไม้
ระรื่นใบสีเขียวชอุ่มไสว
กุหลาบพันปีชูช่อระเริงใจ
ม่านหมอกในหมู่เมฆน่าชื่นชม
น้ำตกงามธารน้ำระรื่นไหล
ใสเย็นในหมู่บ้านชนที่สูง
บนผืนฟ้ามีนกป่าอีกนกยูง
ทั้งยางยูงประดู่แดงเขียวขจี
น้ำค้างแข็งมาแล้วกระไรนั่น
หนาวเย็นพลันชื่นใจเสียจริงหนอ
ขอมีเธอข้างกายก็เพียงพอ
จะกอดออแอบชิดสนิทใจ
10 ธันวาคม 2549 13:18 น.
นพบวรนครพิงค์
ระริ้วดอกหญ้าสยายลมเล่น
ในคืนวันเพ็ญสายลมเหน็บหนาว
หยาดน้ำค้างต้องจันทร์ส่องสกาว
ให้เหน็บหนาวในทรวงห่วงคนดี
สายหมอกคลอเคลียเคล้าเคลียยอด
ปกคลุมหมอกยอดดอยไว้หมดสิ้น
สรรพสัตว์กู่ก้องร้องป่าวเป็นอาจิณ
คนได้ยินให้หวิววังเวงใจ
ลมหนาวพัดมาให้หนาวเหน็บ
สุดจะเก็บความหนาวเอาไว้ได้
มือจึงเอื้อมจึงคว้าก่อกองไฟ
โอ้กระไรฝันไปลืมปิดแอร์
9 ธันวาคม 2549 09:52 น.
นพบวรนครพิงค์
อยุธยาเคยโศกวิโยคสิ้น
เมืองมลทินเมื่อมารผลาญชนเศร้าหมอง
สิ้นศักดิ์ศรีมีกษัตริย์ใต้บาททอง
หงสาครองสิ้นแผ่นดินเอกราชอันภูมิใจ
แต่แล้วดุจสวรรค์บันดาลให้
องค์ทรงชัยอวตารปราบยุคเข็ญ
นเรศวรประสูติมุ่งบำเพ็ญ
เพื่อจะเป็นพระผู้กู้ปฐพี
ธ ทรงนอนผืนป่าใช่วังหรู
รบศัตรูมากมายมิรู้สิ้น
ปราบศัตรูทุกทิศานามระบิล
ริปูยินใจสลายดุจวายปราณ
นำเอกราชคืนชาติชนเป็นสุข
อุปราชาขุนมอญซบขาดด้าวดิ้น
พระเกียรติพระเกริกก้องนามระบิล
ทั่วธานินทร์สยบอำนาจพระบารมี
จนวาระสุดท้ายพระชนม์ชีพ
ธ เร่งรีบเข้าตีอังวะกล้า
จอมกษัตริย์สวรรคตในผืนป่า
ธ ตรัสว่ามุ่งอังวะต่อไปอย่าห่วงองค์
ดำรงองค์ในสมรภูมิตลอดชีพ
พระชนม์ชีพจากไทยไปแล้วหนอ
ดวงวิญญาณคู่ไทยประดุจพ่อ
ผู้อยู่รอพิทักษ์ผืนแผ่นดิน
อันอังคารสังขารของกูนี้
บัดนี้ผ่านสี่ร้อยปีหามีไม่
ถึงกายกูตัวกูจะจากไป
วิญญาณไซร้ยังอยู่คู่พวกมึง
จักปกป้องขอบขัณฑสีมา
พระสยามเทวาบัญชาไว้
ไทยจะต้องคงนามความเป็นไทย
ไม่มีใครวิญญาณกูจะสู้เอง
18 มกราลูกหลานจงจำไว้
วันแห่งองค์พระทรงชัยปราบยุคเข็ญ
ธ ดำร้อนก่อสร้างความร่มเย็น
ไทยอยู่เย็น 400 ปี มิลืมลง
6 ธันวาคม 2549 20:00 น.
นพบวรนครพิงค์
หยาดน้ำทิพย์ชโลมแดนสยาม
พระผู้นามภูมิพลทรงศักดิ์ศรี
เอกกษัตริย์อ่าองค์พระภูมี
ปวงประชาอยู่ดีเพราะพระองค์
ธ ทรงเป็นหลักชัยไทยทั่วหล้า
ทรงเหนื่อหล้าพระวรกายมากแล้วหนอ
ขอคนไทยสามัคคีเท่านั้นพอ
ทำเพื่อพ่อได้ไหมปวงไทยเรา
5 ธันวาเวียนบรรจบมาครบรอบ
ในระบอบวาระมิ่งดิถี
เฉลิมชนม์พรรษาองค์ภูมี
จอมจักรีศรีสง่าแผ่นดินไทย
น้อมถวายชัยพระองค์กษัตริย์แก้ว
ให้เพริศแพร้วปิ่นไทยสบสมัย
ขอพระองค์ภูมิพลพระทรงชัย
อยู่คู่ไทยตราบฟ้าดิน สิ้นไปเทอญ