23 สิงหาคม 2549 16:52 น.
นครา ประไพพงศ์
ผม => แวะเข้ามาหาใครไม่ทราบครับ...
คุณ=> งั้นผมกลับก็ได้คงไม่ว่า...
เผลอคลิ๊กผิด...ไม่ได้ตั้งใจมา
ไว้คราวหน้าจะพยามหักห้ามใจ
ผม => อ้าว...มาแล้วไยรีบกลับล่ะครับพี่
ทำอย่างนี้มันหดหู่พี่รู้ไหม
คนกันเองอุตส่าห์มาอย่ารีบไป
อ่านกลอนให้จบก่อนอย่าร้อนรน
คุณ=> ให้อ่านกลอนอะไรไร้สาระ
มันเกะกะสายตาไม่น่าสน
แล้วคนเขียนเป็นใครอยากให้ยล
คงเป็นคนธรรมดาที่บ้ากลอน...
ผม => ขอโทษครับคุณพี่ที่เคารพ
ผมไม่อยากประจบซบออดอ้อน
พี่ไม่ชอบไม่เป็นไรไม่เว้าวอน
ถ้ารีบร้อนพี่เชิญไปได้ทันที
คุณ=> กลอนของเอ็งธรรมดาไม่น่าอ่าน
แต่ยังด้านเขียนได้ไม่บัดสี
แค่นักกลอนไร้เกรด...เศษกวี
อย่าอวดดี...อ้างศักดิ์มากนักเลย
ได้ฟังคำสำลักกระอักกระอ่วน
คิดทบทวนความจริงยิ่งเปิดเผย
เราแค่เศษกวีที่เฉิ่มเชย
ถูกหยามเย้ย...นานามานานนม
พวกนักเขียนหน้าใหม่พวกไส้แห้ง
ทำสำแดงอวดดีพวกขี้ขม
เขียนกลอนตามกันไป...สมัยนิยม
ฟังคำถากทับถม..ระทมใจ
คุณ=> ถึงผมเป็นนักกลอนที่อ่อนหัด
จะเจนจัดภาษาก็หาไม่
แต่ทุกสิ่งรู้ดีที่ทำไป
ไม่หวังใครเห็นค่ามาชื่นชม
แค่มีใครอ่านบ้างไม่ร้างหนี
มันก็มีค่าล้ำสำหรับผม
แม้นบทกลอนมีความดีมีอารมย์
ทุกคำคมขอตอบแทน...เพื่อเเผ่นดิน
23 สิงหาคม 2549 16:12 น.
นครา ประไพพงศ์
สร้างนาฏลีลาภาษาศิลป์
เรียงดวงจินต์อักษรล้วนอ่อนหวาน
เลือดกวีสีเข้มเต็มดวงมาน
สร้างผลงานกลั่นกรองสู่ผองชน
ก้าวสู่ทางนักกลอน...ตอนอกหัก
หาความรักให้ใจมิได้ผล
จึงหันมารักกลอนสอนใจตน
ยามสับสน...กลอนปลอบใจได้เหมือนกัน
เป็นนักกลอนเขียนกลอนเล่นเป็นชีวิต
ปล่อยความคิดไปตามความใฝ่ฝัน
เขียนระบายความในใจไปวันวัน
เคยไหวหวั่นคราเขาว่า...เราบ้ากลอน
เขียนกลอนเพื่อสร้างสรรค์มันผิดหรือ?
ใช่หวังชื่อแต่หวังสร้างทางอักษร
เราสร้างคำให้สูงค่าเป็นอาภรณ์
เพื่อสะท้อนให้สังคม ...งามสมบูรณ์
22 สิงหาคม 2549 23:59 น.
นครา ประไพพงศ์
ฉาก 1...
กูเห็นมึงเขียนกลอนตอนดึกดึก
กูรู้สึกปากคันเพราะหมั่นไส้
เขียนเขียนเขียนแล้วขยำทำบ้าไร
มึงเขียนไป...กองตั้ง...มึงยังจน
แล้วมึงยังคิดระยำทำหนังสือ
ไอ้กระบือ....ทำไปใครจะสน
คนอยากอ่านโลกนี้มีกี่คน....
คงไม่พ้นเอาขยำทำเชื้อไฟ
กูอ่านกลอนมึงเขียนแล้วเวียนหัว
มึงรู้ตัว สักทีจะดีไหม
ฝันลมลมแล้งแล้ง...แ_ ่ง จัญไร
กูรักมึงจึงเตือนไว้...ไปคิดดู
ฉาก 2...
เพื่อนรัก...
ขอบใจนักที่เตือนใจไม่อดสู
กูรักกลอนภาษาค่าเชิดชู
เรื่องของกู มึงอย่ามายึดยื้อ
หนังสือกูทำไปใครไม่อ่าน
แต่ สันดาน กูรัก ผิดนักหรือ
ไม่ได้คิดไม่ได้หวังดังเลื่องลือ
จะมีชื่อหรือไม่...กูไม่คิด
กูเขียนกลอนด้วยใจใฝ่สืบสาน
กูสร้างงานเพื่อฝันจรรโลงจิต
คนอยากอ่านอาจมีบ้าง...บางชีวิต
กูไม่ผิด...กูรู้...กูจึงทำ
หนังสือกู....
ค่าใช่อยู่ที่นิยามความสูง-ต่ำ
แต่คุณค่ายิ่งใหญ่ในถ้อยคำ
เป็นลำนำ...แห่งวิถี ชีวิตคน
กูไม่ยื้อดื้อดึงให้มึงอ่าน...
จะสร้างงานด้วยใจไม่สับสน
อรรถรสบทกวีที่เติบตน
เป็นดอกผล...แห่งวิถี ชีวิตกู!!
......................................................
22 สิงหาคม 2549 19:54 น.
นครา ประไพพงศ์
ความรู้สึกวันนี้ที่สับสน
มันวกวนหวั่นไหวใจวุ่นหนัก
ว่าอะไรกันหรือที่คือรัก
สงสัยนักความจริงคือสิ่งใด
เขาว่ารักคือนิยามความรู้สึก
มันอยู่ลึกแต่ไม่รู้อยู่หนไหน
ฉันสำรวจความรู้สึกลึกในใจ
ก็ยังไม่พบนิยามความรักเลย...
22 สิงหาคม 2549 11:24 น.
นครา ประไพพงศ์
ความเป็นเพื่อน มีค่ากว่าทุกสิ่ง
คือความจริงที่ใจ ได้รู้สึก
จึงทวงถามความไว้ใจ ในสำนึก
ใจส่วนลึก ตอบมา ว่ามากมาย
วันนี้เธอ ทวงถาม หาความรัก
เธอทวงทัก หัวใจ ไม่แหนงหน่าย
ความเป็นเพื่อน ฉันมั่นใจ ไม่กลับกลาย
มีความหมาย แค่นี้ ที่ยืนยัน
เรารู้กัน เรารู้ใจ ไปทุกอย่าง
เราร่วมเดิน เคียงข้าง ร่วมสร้างฝัน
จึงก่อเกิด นิยาม ความผูกพัน
สิ่งใดกัน ระหว่างเรา..ที่เฝ้ารอ
ระหว่างเรา ฉันรู้ดี มีแค่ไหน
ระหว่างใจ รู้ดี มีรักก่อ
ความเป็นเพื่อน ที่ฉันให้ เธอไม่พอ
เธอร้องขอ มากกว่านั้น..ฉันไม่ยอม